ฉับพลัน จ้าวจิ่งเซวียนที่นำทางอยู่ข้างหน้าก็หยุดเดิน หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย
นางรับรู้ได้อย่างเฉียบคมว่าจากจุดที่มีภูเขาเทพหมอกม่วงเป็นศูนย์กลาง ห้วงอากาศบริเวณใกล้เคียงเอ่อล้นไปด้วยพลังผนึกลึกลับและศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ไม่อาจเคลื่อนไหวกลางอากาศได้
เมื่อเดินอยู่ภายในนั้น ก็เหมือนดังตกลงไปในบ่อโคลน ต่อให้มีท่าร่างว่องไวยิ่งยวดก็ไม่สามารถเคลื่อนที่กลางห้วงนภาแห่งนี้ได้ ทำได้เพียงกระโจนร่างบนพื้นดิน
คราวก่อนตอนจ้าวจิ่งเซวียนออกไปจากที่นี่ก็ยังไม่ใช่แบบนี้
“ไม่อาจเคลื่อนตัวในอากาศได้”
หลินสวินก็สังเกตเห็นสิ่งนี้ ในใจนึกสงสัยว่าในห้วงอากาศราวมีผนึกปกคลุม กดทับพลังเคลื่อนไหวกลางอากาศของผู้ฝึกปราณทุกคน
“ง่ายดายมาก วาสนาสะท้านโลกาครั้งนี้กำลังจะอุบัติ การทดสอบที่พุ่งเป้าไปยังผู้ฝึกปราณก็กำลังจะเปิดฉากขึ้น”
เจ้าคางคกดวงตาส่องประกาย ตั้งหน้าตั้งตารอคอยอย่างเต็มเปี่ยม
“ฆ่า!”
เสียงห้ำหั่นดังขึ้นจากจุดที่ไกลออกไป พร้อมกับกลิ่นคาวเลือดเข้มข้นคละคลุ้ง
กลับเห็นว่าบริเวณตีนเขาภูเขาเทพหมอกม่วงมีผู้แข็งแกร่งจากขุมอำนาจแต่ละเผ่ารวมตัวกัน ล้วนกำลังปีนเขา หมายจะมุ่งไปยังยอดเขาก่อน เหตุปะทะและการต่อสู้ดุเดือดน่าหวาดหวั่นจึงปะทุขึ้น
ที่นั่นเลือดไหลเป็นสายน้ำ สภาพการณ์นองโลหิต
“วาสนายังไม่ทันอุบัติ เหตุใดถึงฆ่ากันเสียก่อนแล้ว”
จ้าวจิ่งเซวียนอึ้งไป
“พวกเขากำลังช่วงชิงโอกาส หมายจะครองตำแหน่งที่ดีที่สุด เมื่อวาสนาอุบัติขึ้นก็จะสามารถไปชิงผลประโยชน์ได้ก่อน”
หลินสวินสังเกตเล็กน้อยก็ชี้ชัดออกมา
“ข้าคิดออกแล้ว หลายวันก่อนตอนพวกข้าเหยียบภูเขาลูกนี้ พบว่ามีทางขึ้นไปยังยอดเขาทั้งสิ้นสี่สิบเก้าสาย ปลายทางทุกสายไปยังตำแหน่งต่างๆ บนยอดเขา ทุกตำแหน่งล้วนมีแท่นบูชาโบราณแท่นหนึ่ง”
จ้าวจิ่งเซวียนรีบพูดออกมาว่า “ตอนนั้นขุมอำนาจที่มาที่นี่มีไม่มากนัก ก็เลยไม่เกิดการต่อสู้และแก่งแย่ง ทำให้พวกเราครองแท่นบูชาแท่นหนึ่งบนยอดเขาได้โดยราบรื่น”
“ดูท่าตอนนี้ขุมอำนาจที่เพิ่งมาถึงเอาช่วงใกล้ๆ เหล่านั้น เห็นได้ชัดว่ากำลังแย่งชิงอาณาเขตแท่นบูชาที่อยู่ปลายทางแต่ละสาย”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้หลินสวินพลันอึ้งไป ทางขึ้นเขาสี่สิบเก้าสายบนภูเขาเทพหมอกม่วงมุ่งหน้าไปยังหน้าแท่นบูชาสี่สิบเก้าแท่นบนยอดเขา
เห็นได้ชัดว่าการจัดแจงเช่นนี้ต้องมีความหมายลึกซึ้ง หากจะชิงวาสนา ขุมพลังที่สามารถครองอาณาเขตแท่นบูชาได้ ย่อมสามารช่วงชิงโอกาสสำคัญได้อย่างไม่ต้องสงสัย!
“มหามรรคห้าสิบ อุบัติฟ้าสี่สิบเก้า โอกาสรอดพ้นเพียงหนึ่งในนั้น นี่มันสถานการณ์เสี่ยงตายเป็นบ้าเลยนะ!”
เจ้าคางคกสีหน้าหวาดหวั่น “ข้าพลันมีลางสังหรณ์ว่าบนภูเขาเทพหมอกม่วงนี้ต้องมีมหาศุภโชคที่แท้จริงบังเกิดขึ้น แต่นี่ก็หมายความว่าอันตรายใหญ่หลวงจะมาเยือน ผู้ที่สามารถช่วงชิงวาสนาในท้ายที่สุดมีเพียงแค่หยิบมือ”
“ไป พวกเราไปทางขึ้นเขาสายที่เก้า พวกเซียวหรัน อวิ๋นเช่อล้วนครองที่นั่นไว้นานแล้ว พวกเราไปรวมตัวกับพวกเขากัน”
จ้าวจิ่งเซวียนสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วเดินหน้าต่อไป
เดิมทีหลินสวินไม่คิดจะไปพบคนเหล่านั้น อย่างไรเสียตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นซูซิงเฟิง เหวินเสียง หรือว่าเซียวหรัน กงหยางอวี่ อวิ๋นเช่อ น่ากลัวว่าจะจ้องเขาอย่างดุร้ายราวพยัคฆ์ ทันทีที่เกิดการปะทะกันขึ้นก็มีแต่จะทำให้จ้าวจิ่งเซวียนลำบากไปด้วย
“เจ้าไม่อยากรู้หรือว่าใครเป็นคนร้ายที่ลอบสังหารเจ้า อาศัยจังหวะนี้ก็ควรจะสะสางเรื่องนี้ให้เรียบร้อยเพื่อไม่ให้ยืดเยื้อ”
จ้าวจิ่งเซวียนเหมือนอ่านออกว่าหลินสวินคิดอะไร จึงเสริมขึ้นหนึ่งประโยค
หลินสวินพลันไม่ลังเลอีก
ทั้งสามคนร่วมกันเดินหน้าอย่างระมัดระวัง
เวลานี้ไม่เพียงแต่พวกเขา ในบริเวณใกล้เคียงยังมีผู้แข็งแกร่งมากมายรีบรุดมา ล้วนรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนตามขุมอำนาจเผ่าต่างๆ
เห็นได้ชัดว่ายิ่งเวลาดำเนินไป การแก่งแย่งก็มีแต่จะยิ่งทวีความรุนแรง!
ที่ตีนเขาของภูเขาเทพหมอกม่วง การต่อสู้ดุเดือดนัก เสียงสังหารสะเทือนฟ้าในพื้นที่ต่างๆ เงาร่างมากมายเคลื่อนไปตามทางขึ้นเขาอย่างบ้าคลั่ง ทว่าแค่ถึงกลางทางก็สิ้นชีพ เลือดอาบมหาคีรี
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้แข็งแกร่งจากแต่ละเผ่าล้วนคิดจะไปครองแท่นบูชาก่อนเพื่อช่วงชิงโอกาสสำคัญ ไม่มีใครกล้าออมมือ
นี่ต้องเป็นการประลองใหญ่ที่บ้าคลั่งที่สุดก่อนวาสนาอุบัติขึ้นครั้งหนึ่ง ผู้แข็งแกร่งแน่นขนัดราวป่าทึบฆ่าฟันกันเอง วิชาลับและสมบัตินานาชนิดกำลังพุ่งชน ห้ำหั่นกันจนเสียสติ
พวกหลินสวินก็เตรียมพร้อมต่อสู้ ไม่กล้าเลินเล่อ
เพียงแต่ยังไม่รอให้เข้าใกล้ทางขึ้นภูเขาสายที่เก้า พวกเขาก็ถูกดึงเข้าไปในการห้ำหั่น พบเจอการล้อมโจมตี
ในความเป็นจริง ไม่เพียงแต่พวกเขา ยามผู้แข็งแกร่งจากเผ่าอื่นๆ มาถึงล้วนไม่อาจหลีกเลี่ยงการห้ำหั่นและแก่งแย่งได้เลย ไม่มีผู้ใดจะสามารถถือโอกาสหาประโยชน์ได้
“ฆ่า!”
การต่อสู้ปะทุขึ้น หลินสวินก็ไม่อาจออมมืออีก ในมือถือดาบหัก พุ่งไปยังทางขึ้นเขากับจ้าวจิ่งเซวียนและเจ้าคางคก
ดูเหมือนมีเพียงสามคนเท่านั้น แต่กับประหนึ่งคมดาบแหลมคมไร้เทียมทานเล่มหนึ่ง ทำลายสิ้นซากตลอดทาง ไม่อาจต้านทานได้
ควรรู้ว่าตอนแรกหลินสวินเพียงคนเดียวก็สามารถกำราบการล้อมโจมตีของบุคคลระดับบุตรเทพได้แล้ว อีกทั้งยังตอบโต้ตามสังหารกลับ ฆ่าจนผู้แข็งแกร่งจากเผ่าอื่นกระเจิดกระเจิง เลือดนองตลอดทาง ไม่อาจสกัดกั้นได้เลย
ทว่าตอนนี้ข้างกายหลินสวินมีจ้าวจิ่งเซวียนกับเจ้าคางคกเพิ่มขึ้นมา ภายใต้การร่วมมือกันของทั้งสามคน ผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นจะต้านทานได้อย่างไร
“สวรรค์ เป็นเทพมารหนุ่มน้อยเผ่ามนุษย์ผู้นั้น เขาก็มาแล้ว!”
“รีบหนีเร็ว! ดาวสังหารโหดเหี้ยมชั่วช้านั่นมาแล้ว!”
ไม่นานนักก็มีคนจำหลินสวินได้ พลันเกิดเสียงฮือฮาไปทั่ว ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ใกล้เคียงกันล้วนมีท่าทางเหมือนเห็นผี พากันถอยหนี สีหน้าประหวั่นพรั่นพรึง ไม่กล้าต่อกรกับหลินสวิน
ชื่อเสียงชั่วร้ายของเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์นั้น ตอนนี้ได้กระจายไปทั่วแดนลับอสูรมารอริยะ ผู้แข็งแกร่งเผ่าใหญ่รู้จักเป็นอย่างดี
ดังนั้นเวลานี้เมื่อหลินสวินถูกจำได้ จึงเกิดเสียงครึกโครมใหญ่โตปานนี้ ทำเอาผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นล้วนหวาดหวั่นและกลัวเกรงไม่หยุดหย่อน
อย่างไรถึงเรียกว่าพลานุภาพ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์