และตรงกลางมีแท่นบูชาสีเทาวาววามแท่นหนึ่งตั้งตระหง่าน
เวลานี้การต่อสู้รุนแรงระเบิดขึ้นอีก พวกผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณอย่างพวกเซียวหรันกำลังต่อสู้กับผู้ฝึกปราณที่พลังแข็งแกร่งระดับเดียวกันกลุ่มหนึ่ง
หมอกแสงพวยพุ่ง สมบัติล้ำค่ากระแทกกระทบ สถานการณ์ดุเดือดถึงที่สุด
เช้ง! เช้ง! เช้ง!
เซียวหรันในชุดคลุมยาวฟ้าน้ำทะเลผมดำพลิ้วไหว เขานั่งขัดสมาธิกับพื้นนิ้วทั้งสิบบรรเลงพิณ เสียงพิณแต่ละสายประดุจทวนทองม้าเหล็ก เสียงกังวานเร้าระทึก
สามารถมองเห็นชัดแจ้งว่าคลื่นเสียงไร้รูปนั่นกลายเป็นดาบ ทวน กระบี่ ง้าว ขวาน ขวานวงจันทร์ ตะขอ ง่ามหลากรูปแบบ ดูเสมือนจริง ไหลเคลื่อนด้วยท่วงทำนองแห่งมรรคดั่งภาพมายา
การโจมตีเช่นนี้เห็นได้ว่าเกินคาดเดาและอัศจรรย์ยิ่ง อานุภาพเองก็น่าหวาดกลัวเช่นเดียวกัน ถึงขั้นสกัดกั้นศัตรูได้เกินครึ่ง!
หรือกล่าวได้ว่า อาศัยเพียงเซียวหรันคนเดียวก็กำราบศัตรูในที่นั้นได้ครึ่งหนึ่งแล้ว!
อีกทั้งมองดูท่าทีราบเรียบใบหน้าสงบนิ่งของเขานั้น เห็นชัดว่าไม่เปลืองแรงสักนิด
“ฆ่า!”
อีกฟาก อวิ๋นเช่อมือกระชับกระบี่โลหิตเล่มหนึ่งกวาดขวางฟาดฟัน กลิ่นอายสังหารทะลุทะลวง เสมือนดั่งมารกระบี่ไร้เทียมทาน ดุดันหาใดเปรียบ
นั่นคือมหามรรคปลิดชีพ มุ่งหาญไร้อุปสรรค ไอสังหารโหมกระหน่ำน่าพรั่นพรึงชวนให้รู้สึกใจสั่นระรัวเช่นเดียวกัน ทำให้ผู้แข็งแกร่งไม่น้อยยากจะหันปลายกระบี่เข้าประชัน
วิธีการต่อสู้ของกงหยางอวี่กลับเรียบง่ายมาก ใช้แรงกวัดแกว่งแสงม่วงสมประสงค์ แสงเหลือบเลื่อมพราย ฝนแสงไหลพุ่ง มีกลิ่นอายดั่งฝันเสมือนลวงตาอย่างหนึ่ง
เคล้ง!
เงาร่างเหวินเสียงแม้นอ่อนเยาว์ แต่ต่อสู้ขึ้นมากลับเห็นได้ว่าดุดันปราดเปรียวยิ่งยวด ฝ่ามือคว้าจับห่วงคอเงินยวงวงหนึ่ง ถล่มจู่โจมสังหารคู่ต่อสู้อย่างต่อเนื่อง แข็งแกร่งดุดันหาใดเปรียบ ผ่าเผยองอาจ กล้าหาญสุดกำลัง
ส่วนซูซิงเฟิงประดุจราชันกลางอัคนีผู้หนึ่ง นัยน์ตาราวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ลุกโหม เงาร่างรายล้อมด้วยเปลวไฟโหมกระหน่ำ ท่วงทำนองแห่งมรรคโถมทำลาย ยิ่งใหญ่และเลือดเย็น
ทันทีที่หลินสวินเข้าร่วมการต่อสู้ สู้ไปพลาง อีกด้านหนึ่งก็สังเกตวิธีการต่อสู้ของเหล่าผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ
แม้แต่เขาก็มิอาจไม่ยอมรับ แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณน่ากลัวยิ่งอย่างแท้จริง
ผู้สืบทอดเหล่านี้แต่ละคนต่างเรียกได้ว่าดังสุริยันโชติช่วงเจิดจรัส มีมรรคาเป็นของตนเอง พลังแข็งแกร่ง กำลังรบเป็นเลิศ สามารถทัดเทียมบุคคลระดับบุตรเทพเผ่าอื่นๆ ถึงขั้นมีแวว่าจะเหนือกว่า!
หากเพียงแค่คนเดียวแข็งแกร่งเช่นนี้ก็สามารถเข้าใจได้ แต่บัดนี้กลับเป็นคนกลุ่มหนึ่งที่ล้วนทรงพลังเช่นนี้ นี่เห็นได้ว่าไม่ปกติเกินไปแล้ว
เพียงแต่คู่ต่อสู้ที่รุมโจมตีพวกเขาครานี้ก็ไม่ธรรมดา มีถึงสิบกว่าคน ชัดเจนว่าล้วนเป็นพวกฝีมือเลิศล้ำชั้นยอดของแต่ละเผ่า!
พวกเขาตีล้อมพร้อมกัน หมายยึดครองบริเวณนี้ ทำให้สถานการณ์การต่อสู้รุนแรงผิดปกติ ภายในเวลาอันสั้นไม่อาจตัดสินผลแพ้ชนะอย่างสิ้นเชิง
แต่เมื่อหลินสวินเข้าร่วมสมทบ สถานการณ์ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างทันที จู่โจมคู่ต่อสู้พวกนั้นจนรับมือไม่ทัน
บางทีบรรดาศัตรูพวกนี้ก็คงคาดไม่ถึง ว่าถึงกับยังมีคนยื่นมือช่วยเหลือแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ อีกทั้งผู้ช่วยยังเป็นเทพมารหนุ่มป่าเถื่อนอย่างที่สุดคนหนึ่ง
ตูม!
พลันเห็นทันทีที่หลินสวินเปิดศึกวาดดาบหักออกมา ชั่วพริบตาก็ทำศัตรูคนหนึ่งบาดเจ็บสาหัส ขณะเดียวกันยังสะกดข่มศัตรูใกล้เคียงอีกสามคนไว้อย่างแน่นหนา แข็งแกร่งจนน่ากลัว
ที่แห่งนั้นพลันยุ่งเหยิงอลหม่านทันที เสียงตะคอกกราดเกรี้ยวดังขึ้น สถานการณ์สูสีแต่เดิมถูกทำลาย ไม่ว่ามิตรหรือศัตรูล้วนต่างสังเกตเห็นความแข็งแกร่งของหลินสวิน
เซียวหรันชะงักงันเล็กน้อย จากนั้นมุมปากปรากฏรอยยิ้มขึ้นก่อนดีดพิณต่อไป เสียงพิณเร้าระทึกกังวานยิ่งกว่าเดิม ประดุจทำนองรบเก่าแก่โบราณ กลิ่นอายสังหารสะท้านฟ้าสะเทือนดิน
กงหยางอวี่เหลือบมองวูบหนึ่งก็ถอนสายตากลับ หยิ่งทะนงและสง่างามดังเช่นเคย
อวิ๋นเช่อแค่นเสียง เห็นได้ว่าไม่ยอมรับอยู่บ้าง ไม่พอใจที่หลินสวินสอดมือเข้ามายุ่งอยู่หน่อยๆ
ส่วนเหวินเสียงกลับหัวเราะคิกคัก ไม่ได้พูดมากความอะไร
แต่ศัตรูเหล่านั้นล้วนกลับสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย พวกเขาไม่เพียงแต่สังเกตเห็นการมีอยู่ของหลินสวิน ยังเห็นจ้าวจิ่งเซวียนและเจ้าคางคกที่อยู่ไม่ไกลด้วย
นี่ทำให้พวกเขาตระหนักว่าท่าไม่ดี
การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ นี้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา ทั้งไม่กระทบต่อความต่อเนื่องของการต่อสู้ กลับตรงกันข้าม การที่หลินสวินเข้าร่วมทำให้สนามรบดุเดือดฉากนี้เปลี่ยนเป็นสับสนอลหม่านยิ่งกว่าเดิม
ตูม!
แต่หลินสวินหาได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้ ดาบหักกระหวัดกวัดแกว่ง ประกายดาวเจิดจรัสเปลี่ยนเป็นไอดาเหยียดยาว ชี้เวหาฟาดพสุธา บดอัดห้วงอากาศ กร้าวแกร่งหาใดเปรียบ
แค่เพียงชั่วพริบตา ศัตรูอีกคนก็ถูกหลินสวินฟันลอยไป ขาดวิ่นทั่วร่าง เสียงกรีดร้องทุรนทุรายดังโหยหวน ได้รับบาดเจ็บสาหัส
“น่าชังนัก! เจ้าหมอนี่เป็นใคร”
“ดูเหมือนจะเป็นเทพมารหนุ่มเผ่ามนุษย์นั่น!”
“อะไรนะ? ทำไมเป็นเขาล่ะ? หรือคำเล่าลือจะเป็นจริง เขาก็เป็นผู้สืบทอดจากแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณงั้นรึ”
“บัดซบ!”
ที่แห่งนั้นเสียงตะโกนขุ่นเคืองดังก้องขึ้น เมื่อชี้ชัดฐานะของหลินสวินได้แล้ว สีหน้าศัตรูพวกนั้นต่างเปลี่ยนไปอย่างอดไม่อยู่ นึกถึงข่าวลือนองเลือดที่เกี่ยวกับหลินสวินมากมาย
นี่ทำให้พวกเขาหนักใจ ตระหนักถึงความรุนแรงของสถานการณ์และความไม่เข้าทียิ่งกว่าเดิม
และความสามารถของหลินสวินที่เห็นกับตาตอนนี้ พวกเซียวหรันเองก็ชำเลืองมองไม่หยุด คล้ายตื่นตะลึงอยู่บ้าง และมีความรู้สึกซับซ้อนยากจะเอ่ยให้กระจ่างส่วนหนึ่ง
เวลานี้จ้าวจิ่งเซวียนและเจ้าคางคกเข้าร่วมต่อสู้ ทำให้ศึกนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดทันที
เริ่มทำให้ศัตรูพวกนั้นเสียเปรียบ ทำให้สถานการณ์พวกเขาตกอยู่ในอันตราย
ตูม!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์