Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 589

สรุปบท ตอนที่ 589: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 589 – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 589 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 589 อักขระเร้นลับมิอาจหยั่งรู้
ตอนที่ 589 อักขระเร้นลับมิอาจหยั่งรู้
โดย
ProjectZyphon
คำพูดนี้ของเซียวหรันทำให้ทุกคนต่างเงียบงัน

พวกเขาไม่มีสักคนที่ปัญญานิ่ม ล้วนเข้าใจกระจ่างชัด ภายใต้สถานการณ์ตรงหน้านี้ไม่ควรฆ่าฟันกันเองอย่างแท้จริง มิฉะนั้นไม่เพียงแต่ทำให้ขุมอำนาจเผ่าอื่นมองเป็นตัวตลก ถึงขั้นเมื่อวาสนามาถึงอาจพลาดโอกาสในการลงมือ

บนยอดเขาทะเลหมอกพวยพุ่ง ประดุจเปลวเพลิงสีม่วงลุกโหมกว้างใหญ่ไพศาล มีกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ชวนกริ่งเกรงอย่างหนึ่ง

หลินสวิน จ้าวจิ่งเซวียน เจ้าคางคก สามคนเกาะกลุ่มรวมอยู่บนพื้นที่ราบด้านหนึ่ง

ส่วนพวกเซียวหรัน อวิ๋นเช่อ กงหยางอวี่ ก็เกาะกลุ่มเช่นเดียวกัน ต่างฝ่ายต่างพูดคุยเสียงเบา

‘เจ้าคนที่พ่นไฟทั้งตัวนั่นไม่ใช่ของดีจริงๆ’

เจ้าคางคกยังคงไม่พอใจนัก ปากบ่นพึมพำไม่หยุด ไม่กลัวถูกซูซิงเฟิงได้ยินเข้าแม้แต่น้อย

‘การแสดงออกของซูซิงเฟิงดูผิดแปลกอยู่บ้าง’

หลินสวินพลันสื่อจิตกล่าว ‘ครั้งก่อนที่ไล่สังหารศัตรูในเทือกเขานั้น ข้าเคยพบเขาและเหวินเสียง เขาในตอนนั้นกลับไม่บุ่มบ่ามและบ้าระห่ำเฉกเช่นเมื่อครู่’

‘เจ้าสงสัยว่าเขาเจตนา?’

นัยน์ตากระจ่างของจ้าวจิ่งเซวียนนัยน์หดรัด

‘น่าจะเป็นเช่นนั้น เมื่อครู่ที่เขาลงมือเห็นชัดว่ากระทำด้วยจิตสังหาร ทั้งยังไม่ยั้งมือ ข้าสงสัยว่าเขากำลังหยั่งเชิงพลังของข้าอยู่ เหมือนกับจงใจให้พวกเซียวหรัน กงหยางอวี่มองเห็น’

หลินสวินกล่าวอย่างพิจารณารอบคอบ เขาหวนนึกถึงการจู่โจมที่ประสบเมื่อครู่ รู้สึกชัดว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล

ต่อให้ซูซิงเฟิงโง่แค่ไหนก็ควรรู้ชัดว่าเวลานั้นต้องจัดการกับศัตรูมากมาย แม้ว่าเคียดแค้นตนก็ต้องถือส่วนรวมเป็นหลักจึงจะถูก

เห็นชัดเจนยิ่งว่าซูซิงเฟิงใช่ว่าจะโง่ ตรงกันข้ามผู้กล้าที่พรสวรรค์เป็นเลิศเช่นเขา สติปัญญาและความคิดลึกซึ้งที่มีต้องเหนือธรรมดาเป็นแน่

แต่ตอนนั้นเขากลับทำเช่นนี้ เหมือนจะผิดปกติอยู่บ้าง

สิ่งที่เรียกว่าผิดปกติมักมีบางอย่างซ่อนอยู่เบื้องหลัง หลินสวินคาดเดาได้รางๆ ว่าบางทีที่ซูซิงเฟิงทำเช่นนี้ ก็เพื่อให้พวกเซียวหรันได้เห็นความสามารถที่แท้จริงของตนด้วยตาตนเอง!

‘หากเป็นดังเจ้าสันนิษฐานจริง ก็หมายความว่าซูซิงเฟิงต้องการดึงเซียวหรันหรือไม่ก็กงหยางอวี่มาจัดการเจ้าด้วยกัน?’

เจ้าคางคกกล่าวประหลาดใจ

‘ไม่ใช่ น่าจะเป็นพวกเขาแอบนัดแนะกันอยู่ก่อนแล้ว ทั้งหมดเพื่อหยั่งเชิงพลังที่แท้จริงของหลินสวิน แค่ต้องการเตรียมการส่วนหนึ่งไว้ล่วงหน้า ภายหลังเมื่อสบโอกาสจะได้กำจัดหลินสวินทิ้งในคราเดียว!’

นัยน์ตาใสกระจ่างของจ้าวจิ่งเซวียนเรืองรอง ไหลวนด้วยแสงแห่งสติปัญญา นางเกิดในราชวงศ์ คุ้นเคยดีกับเล่ห์กลทั้งในที่ลับและที่แจ้ง นี่คือพรสวรรค์ติดตัวแต่กำเนิด

ด้วยเหตุนี้ทันทีที่หลินสวินเอ่ยการสันนิษฐานของตนออกมา ชั่วพริบตานางก็จับกลิ่นอายเล่ห์เหลี่ยมส่วนหนึ่งได้ทันที เผยคำวินิจฉัยของตนออกมา

‘ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ท้ายที่สุดพวกเขาก็หมายจัดการหลินสวินอยู่ดี ใช่ไหมล่ะ’

เจ้าคางคกกล่าวอย่างโมโห ‘งั้นพวกเรายังอยู่ที่นี่ทำอะไร ช่วยพวกเขาช่วงชิงวาสนา หลังจากนั้นก็ถูกพวกเขาฆ่าลาเมื่อโม่แป้งเสร็จงั้นรึ’

ทันใดนั้นเขาก็ร้องออกมาคำหนึ่ง รีบร้อนอธิบาย ‘ข้าไม่ใช่ลานะ พวกเจ้าอย่าเข้าใจผิด นี่ก็แค่คำเปรียบเปรย’

หลินสวินกลอกตาใส่ จนถึงตอนนี้แล้วเจ้าคางคกยังจะพูดมั่วไร้สาระ รูปร่างหน้าตาเห็นชัดว่าหล่อเหลางดงามถึงเพียงนั้น แต่ประสาทกลับทึ่มทึบเสียจริง

‘พวกเราไม่ไป’

จ้าวจิ่งเซวียนสูดหายใจลึก บนใบหน้างดงามบริสุทธิ์นิ่งสงบถึงที่สุด ‘เพื่อช่วงชิงวาสนา พวกเขาไม่ลงมือเวลานี้อย่างแน่นอน ถึงขั้นจะร่วมมือกับพวกเราอย่างเต็มกำลัง อาศัยพลังของพวกเรากอบโกยผลประโยชน์ให้ได้มากที่สุด’

นางเว้นช่วงไปก่อนกล่าวต่อ ‘แต่ว่า พวกเขาคิดหลอกใช้พวกเรา ไยพวกเราไม่ลองหลอกใช้พวกเขาดูบ้างเล่า รอหลังช่วงชิงวาสนามา พวกเราก็บุกชิงโจมตีก่อน พวกเขาข้ามแม่น้ำรื้อสะพาน แน่นอนว่าพวกเราก็ฆ่าลาเมื่อโม่แป้งเสร็จได้เช่นกัน!’

เจ้าคางคกพลันยิ้มยิงฟันทันที ก่อนยื่นหัวแม่โป้งออกไปนิ้วหนึ่ง ‘แม่นางจ้าวพูดจามีชั้นเชิง ใช่ ต้องฆ่าลา ต้องฆ่าพวกลาโง่ที่เจตนาแอบแฝงฝูงนี้! ฮะฮ้า ข้าล่ะรอคอยเคราะห์ของเจ้าพวกนี้ยิ่งนัก’

จ้าวจิ่งเซวียนเองอดกลอกตาใส่ไม่ได้ เรื่องราวจริงจังระดับไหน มาถึงปากเจ้าคางคกแล้วดันมีความรู้สึกเหมือนไร้แก่นสาร ทำให้ผู้คนปวดหัว

แต่หลินสวินกลับมองข้ามเจ้าคางคกอย่างสิ้นเชิง สายตามองไปยังจ้าวจิ่งเซวียน พลางกล่าว ‘เจ้า… คิดจะแตกหักกับพวกเขาจริงหรือ’

คำถามนี้สำคัญมาก!

ถึงอย่างไรจ้าวจิ่งเซวียนก็เป็นผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ ไม่ไว้หน้าศิษย์สำนักเดียวกัน ต่างฝ่ายต่างเผชิญหน้ากัน ผลที่ตามมานั้นคงร้ายแรงอยู่บ้าง

จ้าวจิ่งเซวียนถามกลับ ‘พวกเขาต่างลับมีดครืดคราดแล้ว หรือพวกเรายังจะยื่นคอหาที่ตายด้วยตนเองอีก’

เห็นใบหน้าขาวกระจ่างงามพิสุทธิ์ของนาง อีกทั้งแววตานิ่งสงบ ท้ายที่สุดหลินสวินก็แน่ใจ จ้าวจิ่งเซวียนได้ตัดสินใจเลือกแล้ว

‘ก็ดี งั้นก็ลองดู ใครกันแน่ที่จะข้ามแม่น้ำรื้อสะพาน และใครจะฆ่าลาเมื่อโม่แป้งเสร็จก่อนกัน!’

หลินสวินยิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มอบอุ่นเปล่งประกาย

‘ยิ้มน่าเกลียดจริง’ เจ้าคางคกวิจารณ์ประโยคหนึ่ง

หลินสวินอดกลั้นแรงกระตุ้นที่จะฆ่าคนไว้ เบนสายตามองไปยังแท่นบูชาโบราณที่อยู่ไม่ไกล พลางกล่าว ‘พวกเจ้าว่าแท่นบูชาสี่สิบเก้าแห่งที่กระจายบนยอดเขานี้มีนัยลึกซึ้งอื่นอีกหรือไม่ หรือการมีอยู่ของพวกมันอาจมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับวาสนาที่ใกล้จะปรากฏขึ้น’

ขณะพูดเขาย่างก้าวไปเบื้องหน้า ลองค้นหาในระยะประชิด

อย่างที่คิด จ้าวจิ่งเซวียนและเจ้าคางคกก็ถูกดึงดูดให้เข้ามาใกล้เช่นกัน

‘คราก่อนตอนที่ข้ามาพร้อมพวกศิษย์พี่เซียวหรันก็ไม่เคยคุยถึงเรื่องนี้ แท่นบูชานี้เห็นชัดว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างสมัยบรรพกาล ด้านบนนอกจากร่องรอยมรรคบางส่วนและตัวอักษรโบราณลี้ลับเกินคาดเดาส่วนหนึ่ง แท่นบูชานี้ก็ไม่มีเบาะแสอะไรสักอย่าง’

จ้าวจิ่งเซวียนอธิบายประโยคหนึ่ง

แท่นบูชานี้สูงเก้าฉื่อ ทั่วแท่นขมุกขมัว ด้านบนยังมีตะไคร่เขียวจำนวนหนึ่ง กลิ่นอายกระดำกระด่างผ่านโลกมาโชกโชนทำให้ผู้คนมุ่งเข้าหา

น่าเสียดาย จวบจนตอนนี้ไม่ว่าพวกเขาหรือเผ่าอื่นๆ ต่างมึนงง แสดงออกชัดว่าไม่เคยพบเห็นอักษรโบราณพวกนี้มาก่อน

แต่ทว่าผลลัพธ์เช่นนี้ก็ทำให้ภูเขาเทพหมอกม่วงแห่งนี้เปลี่ยนเป็นลี้ลับยิ่งกว่าเดิม ทางขึ้นเขาสี่สิบเก้าวิถี สอดคล้องกับแท่นบูชาโบราณสี่สิบเก้าแห่ง

แท่นบูชาก่อเกิดเมื่อครั้งบรรพกาลและดำรงอยู่จวบจนปัจจุบัน ล้อมรอบด้วยร่องรอยมหามรรค ทั้งยังมีอักษรโบราณเร้นลับซึ่งอริยะบรรจงเขียนด้วยตนเอง

ทั้งหมดนี้สื่อถึงอะไรกันแน่

มีส่วนเกี่ยวข้องกับวาสนาไร้เทียมทานที่พวกเขารอคอยมาตลอดหรือไม่

ไม่มีใครกระจ่าง!

และก็ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้สถานะของภูเขาเทพหมอกม่วงภายในใจทุกคนเปลี่ยนเป็นลึกลับยิ่งกว่าเดิม

มาตอนนี้ เมื่อเห็นว่าเจ้าคางคกกำลังสังเกตตัวอักษรเหล่านี้ และมีสีหน้าท่าทางผิดแปลกอยู่บ้าง นี่จะไม่ให้พวกเซียวหรันตะลึงงันได้อย่างไร

“สหายยุทธ์คนนั้นเป็นใคร เหตุใดก่อนนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน”

เซียวหรันเอ่ยถามไถ่

คนอื่นล้วนส่ายศีรษะ รวมไปถึงซูซิงเฟิง เหวินเสียงต่างก็ไม่เคยพบเจ้าคางคกอย่างสิ้นเชิง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่มาของเขา

“ข้าจำได้ ตอนแรกที่พวกเราเข้าสู่แดนลับอสูรมารอริยะ มีหลินเสวียนเพียงคนเดียว หากกล่าวเช่นนี้ เด็กหนุ่มชุดเขียวข้างกายเขาจะใช่ ‘ชนพื้นเมือง’ แห่งแดนลับอสูรมารอริยะนี้หรือไม่”

เซียวหรันพูดเสียงทุ้มต่ำ ทำการหาข้อสรุป

นี่ทำให้คนอื่นต่างตระหนกอยู่ในใจ ท้ายที่สุดจึงเริ่มให้ความสำคัญกับเจ้าคางคกแปลกหน้านี้

“เป็นไปไม่ได้ แดนลับอสูรมารอริยะมีสิ่งมีชีวิตซึ่งมีสติปัญญา ล้วนมีศักยภาพน่าหวาดกลัวขั้นราชันระดับสังสารวัฏ สัตว์ปีศาจอื่นๆ บางส่วนก็แข็งแกร่ง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีจิตวิญญาณเช่นนี้”

ซูซิงเฟิงส่ายศีรษะ

“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หากเขาสามารถตีความอักษรลึกลับนั้นได้ ก็ถือว่าช่วยพวกเราได้ไม่น้อย”

เซียวหรันเหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่

และในเวลานี้เอง เจ้าคางคกที่อยู่ห่างออกไปดูเหมือนคนลุ่มหลงละเมอครวญ ริมฝีปากพึมพำ ลืมสื่อจิตโดยสิ้นเชิง ส่งเสียงออกมาและดึงดูดความสนใจของพวกเซียวหรันทันที

“คีรีแห่ง… ดวงกมล… ลวงหลอก?”

ประโยคเดียวขาดๆหายๆ กลับทำให้ผู้คน ณ ที่นั้นต่างใจกระตุกวูบ เจ้าคางคกรู้จักอักษรลึกลับนี้จริงๆ ด้วย!

………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์