พวกเขาไม่มีสักคนที่ปัญญานิ่ม ล้วนเข้าใจกระจ่างชัด ภายใต้สถานการณ์ตรงหน้านี้ไม่ควรฆ่าฟันกันเองอย่างแท้จริง มิฉะนั้นไม่เพียงแต่ทำให้ขุมอำนาจเผ่าอื่นมองเป็นตัวตลก ถึงขั้นเมื่อวาสนามาถึงอาจพลาดโอกาสในการลงมือ
บนยอดเขาทะเลหมอกพวยพุ่ง ประดุจเปลวเพลิงสีม่วงลุกโหมกว้างใหญ่ไพศาล มีกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ชวนกริ่งเกรงอย่างหนึ่ง
หลินสวิน จ้าวจิ่งเซวียน เจ้าคางคก สามคนเกาะกลุ่มรวมอยู่บนพื้นที่ราบด้านหนึ่ง
ส่วนพวกเซียวหรัน อวิ๋นเช่อ กงหยางอวี่ ก็เกาะกลุ่มเช่นเดียวกัน ต่างฝ่ายต่างพูดคุยเสียงเบา
‘เจ้าคนที่พ่นไฟทั้งตัวนั่นไม่ใช่ของดีจริงๆ’
เจ้าคางคกยังคงไม่พอใจนัก ปากบ่นพึมพำไม่หยุด ไม่กลัวถูกซูซิงเฟิงได้ยินเข้าแม้แต่น้อย
‘การแสดงออกของซูซิงเฟิงดูผิดแปลกอยู่บ้าง’
หลินสวินพลันสื่อจิตกล่าว ‘ครั้งก่อนที่ไล่สังหารศัตรูในเทือกเขานั้น ข้าเคยพบเขาและเหวินเสียง เขาในตอนนั้นกลับไม่บุ่มบ่ามและบ้าระห่ำเฉกเช่นเมื่อครู่’
‘เจ้าสงสัยว่าเขาเจตนา?’
นัยน์ตากระจ่างของจ้าวจิ่งเซวียนนัยน์หดรัด
‘น่าจะเป็นเช่นนั้น เมื่อครู่ที่เขาลงมือเห็นชัดว่ากระทำด้วยจิตสังหาร ทั้งยังไม่ยั้งมือ ข้าสงสัยว่าเขากำลังหยั่งเชิงพลังของข้าอยู่ เหมือนกับจงใจให้พวกเซียวหรัน กงหยางอวี่มองเห็น’
หลินสวินกล่าวอย่างพิจารณารอบคอบ เขาหวนนึกถึงการจู่โจมที่ประสบเมื่อครู่ รู้สึกชัดว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
ต่อให้ซูซิงเฟิงโง่แค่ไหนก็ควรรู้ชัดว่าเวลานั้นต้องจัดการกับศัตรูมากมาย แม้ว่าเคียดแค้นตนก็ต้องถือส่วนรวมเป็นหลักจึงจะถูก
เห็นชัดเจนยิ่งว่าซูซิงเฟิงใช่ว่าจะโง่ ตรงกันข้ามผู้กล้าที่พรสวรรค์เป็นเลิศเช่นเขา สติปัญญาและความคิดลึกซึ้งที่มีต้องเหนือธรรมดาเป็นแน่
แต่ตอนนั้นเขากลับทำเช่นนี้ เหมือนจะผิดปกติอยู่บ้าง
สิ่งที่เรียกว่าผิดปกติมักมีบางอย่างซ่อนอยู่เบื้องหลัง หลินสวินคาดเดาได้รางๆ ว่าบางทีที่ซูซิงเฟิงทำเช่นนี้ ก็เพื่อให้พวกเซียวหรันได้เห็นความสามารถที่แท้จริงของตนด้วยตาตนเอง!
‘หากเป็นดังเจ้าสันนิษฐานจริง ก็หมายความว่าซูซิงเฟิงต้องการดึงเซียวหรันหรือไม่ก็กงหยางอวี่มาจัดการเจ้าด้วยกัน?’
เจ้าคางคกกล่าวประหลาดใจ
‘ไม่ใช่ น่าจะเป็นพวกเขาแอบนัดแนะกันอยู่ก่อนแล้ว ทั้งหมดเพื่อหยั่งเชิงพลังที่แท้จริงของหลินสวิน แค่ต้องการเตรียมการส่วนหนึ่งไว้ล่วงหน้า ภายหลังเมื่อสบโอกาสจะได้กำจัดหลินสวินทิ้งในคราเดียว!’
นัยน์ตาใสกระจ่างของจ้าวจิ่งเซวียนเรืองรอง ไหลวนด้วยแสงแห่งสติปัญญา นางเกิดในราชวงศ์ คุ้นเคยดีกับเล่ห์กลทั้งในที่ลับและที่แจ้ง นี่คือพรสวรรค์ติดตัวแต่กำเนิด
ด้วยเหตุนี้ทันทีที่หลินสวินเอ่ยการสันนิษฐานของตนออกมา ชั่วพริบตานางก็จับกลิ่นอายเล่ห์เหลี่ยมส่วนหนึ่งได้ทันที เผยคำวินิจฉัยของตนออกมา
‘ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ท้ายที่สุดพวกเขาก็หมายจัดการหลินสวินอยู่ดี ใช่ไหมล่ะ’
เจ้าคางคกกล่าวอย่างโมโห ‘งั้นพวกเรายังอยู่ที่นี่ทำอะไร ช่วยพวกเขาช่วงชิงวาสนา หลังจากนั้นก็ถูกพวกเขาฆ่าลาเมื่อโม่แป้งเสร็จงั้นรึ’
ทันใดนั้นเขาก็ร้องออกมาคำหนึ่ง รีบร้อนอธิบาย ‘ข้าไม่ใช่ลานะ พวกเจ้าอย่าเข้าใจผิด นี่ก็แค่คำเปรียบเปรย’
หลินสวินกลอกตาใส่ จนถึงตอนนี้แล้วเจ้าคางคกยังจะพูดมั่วไร้สาระ รูปร่างหน้าตาเห็นชัดว่าหล่อเหลางดงามถึงเพียงนั้น แต่ประสาทกลับทึ่มทึบเสียจริง
‘พวกเราไม่ไป’
จ้าวจิ่งเซวียนสูดหายใจลึก บนใบหน้างดงามบริสุทธิ์นิ่งสงบถึงที่สุด ‘เพื่อช่วงชิงวาสนา พวกเขาไม่ลงมือเวลานี้อย่างแน่นอน ถึงขั้นจะร่วมมือกับพวกเราอย่างเต็มกำลัง อาศัยพลังของพวกเรากอบโกยผลประโยชน์ให้ได้มากที่สุด’
นางเว้นช่วงไปก่อนกล่าวต่อ ‘แต่ว่า พวกเขาคิดหลอกใช้พวกเรา ไยพวกเราไม่ลองหลอกใช้พวกเขาดูบ้างเล่า รอหลังช่วงชิงวาสนามา พวกเราก็บุกชิงโจมตีก่อน พวกเขาข้ามแม่น้ำรื้อสะพาน แน่นอนว่าพวกเราก็ฆ่าลาเมื่อโม่แป้งเสร็จได้เช่นกัน!’
เจ้าคางคกพลันยิ้มยิงฟันทันที ก่อนยื่นหัวแม่โป้งออกไปนิ้วหนึ่ง ‘แม่นางจ้าวพูดจามีชั้นเชิง ใช่ ต้องฆ่าลา ต้องฆ่าพวกลาโง่ที่เจตนาแอบแฝงฝูงนี้! ฮะฮ้า ข้าล่ะรอคอยเคราะห์ของเจ้าพวกนี้ยิ่งนัก’
จ้าวจิ่งเซวียนเองอดกลอกตาใส่ไม่ได้ เรื่องราวจริงจังระดับไหน มาถึงปากเจ้าคางคกแล้วดันมีความรู้สึกเหมือนไร้แก่นสาร ทำให้ผู้คนปวดหัว
แต่หลินสวินกลับมองข้ามเจ้าคางคกอย่างสิ้นเชิง สายตามองไปยังจ้าวจิ่งเซวียน พลางกล่าว ‘เจ้า… คิดจะแตกหักกับพวกเขาจริงหรือ’
คำถามนี้สำคัญมาก!
ถึงอย่างไรจ้าวจิ่งเซวียนก็เป็นผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ ไม่ไว้หน้าศิษย์สำนักเดียวกัน ต่างฝ่ายต่างเผชิญหน้ากัน ผลที่ตามมานั้นคงร้ายแรงอยู่บ้าง
จ้าวจิ่งเซวียนถามกลับ ‘พวกเขาต่างลับมีดครืดคราดแล้ว หรือพวกเรายังจะยื่นคอหาที่ตายด้วยตนเองอีก’
เห็นใบหน้าขาวกระจ่างงามพิสุทธิ์ของนาง อีกทั้งแววตานิ่งสงบ ท้ายที่สุดหลินสวินก็แน่ใจ จ้าวจิ่งเซวียนได้ตัดสินใจเลือกแล้ว
‘ก็ดี งั้นก็ลองดู ใครกันแน่ที่จะข้ามแม่น้ำรื้อสะพาน และใครจะฆ่าลาเมื่อโม่แป้งเสร็จก่อนกัน!’
หลินสวินยิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มอบอุ่นเปล่งประกาย
‘ยิ้มน่าเกลียดจริง’ เจ้าคางคกวิจารณ์ประโยคหนึ่ง
หลินสวินอดกลั้นแรงกระตุ้นที่จะฆ่าคนไว้ เบนสายตามองไปยังแท่นบูชาโบราณที่อยู่ไม่ไกล พลางกล่าว ‘พวกเจ้าว่าแท่นบูชาสี่สิบเก้าแห่งที่กระจายบนยอดเขานี้มีนัยลึกซึ้งอื่นอีกหรือไม่ หรือการมีอยู่ของพวกมันอาจมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับวาสนาที่ใกล้จะปรากฏขึ้น’
ขณะพูดเขาย่างก้าวไปเบื้องหน้า ลองค้นหาในระยะประชิด
อย่างที่คิด จ้าวจิ่งเซวียนและเจ้าคางคกก็ถูกดึงดูดให้เข้ามาใกล้เช่นกัน
‘คราก่อนตอนที่ข้ามาพร้อมพวกศิษย์พี่เซียวหรันก็ไม่เคยคุยถึงเรื่องนี้ แท่นบูชานี้เห็นชัดว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างสมัยบรรพกาล ด้านบนนอกจากร่องรอยมรรคบางส่วนและตัวอักษรโบราณลี้ลับเกินคาดเดาส่วนหนึ่ง แท่นบูชานี้ก็ไม่มีเบาะแสอะไรสักอย่าง’
จ้าวจิ่งเซวียนอธิบายประโยคหนึ่ง
แท่นบูชานี้สูงเก้าฉื่อ ทั่วแท่นขมุกขมัว ด้านบนยังมีตะไคร่เขียวจำนวนหนึ่ง กลิ่นอายกระดำกระด่างผ่านโลกมาโชกโชนทำให้ผู้คนมุ่งเข้าหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์