ผู้แข็งแกร่งจากแต่ละเผ่าล้วนหลบหนี ไม่กล้าหยุดอยู่ที่นั่น เพียงแต่เมื่อผู้แข็งแกร่งกลุ่มแรกมาถึงตีนเขาและจะพุ่งไปข้างหน้า ก็เกิดเหตุเหนือความคาดหมาย
แสงทองแวววาวแสงหนึ่งพุ่งขึ้นมา นั่นก็คือปีกสีทองที่ปกคลุมเวิ้งฟ้าคู่หนึ่ง ท่วงทำนองแห่งมรรคน่าหวาดหวั่นไหลเอ่อ ปกคลุมมายังผู้แข็งแกร่งเหล่านั้น
เห็นได้ชัดว่าเป็นพญาเผิงปีกทองตัวนั้นลงมือ!
“สมควรตาย!”
เหล่าผู้แข็งแกร่งสีหน้าเปลี่ยนไป ร้องขึ้นอย่างตื่นตระหนก หลบหนีพัลวัน
ตูม!
ปีกสีทองทิ้งลู่ลง ใหญ่โตเกินไปแล้ว ปกคลุมฟ้าดิน ทำให้หินผาแหลกสลาย พลังน่ากลัวม้วนกลืน หมายจะกลบทับที่นี่ให้มิด
เพียงแต่ยามใกล้จะเข้าปกคลุมผู้แข็งแกร่งเหล่านั้น คลื่นพลังต้องห้ามสายหนึ่งหนึ่งก็บังเกิดขึ้นจากภูเขาเทพหมอกม่วงที่กำลังถล่มนั้น แล้วสลายทุกอย่างนี้จนสิ้น!
พญาเผิงปีกทองตัวนั้นส่งเสียงหวีดร้องราวตกใจระคนโกรธ เงาร่างถึงกับถูกกดทับจนตกลงมายังพื้นดิน!
แต่แม้ว่าเป็นเช่นนี้ ผู้แข็งแกร่งหลายคนก็ยังหนีไม่ทันดังเดิม ถูกพญาเผิงปีกทองอาศัยโอกาสนี้กลืนเข้าไปในคำเดียว
“หนี!”
“บ้าเอ๊ย พื้นที่ใกล้ๆ กันก็ถูกสิ่งมีชีวิตน่ากลัวพวกนี้ปิดผนึกไว้แล้ว!”
เสียงโวยวายตื่นตระหนกดังขึ้นรอบทิศ ผู้แข็งแกร่งจากแต่ละเผ่าหน้าเสีย ด้วยพบว่าบริเวณใกล้เคียงภูเขาเทพหมอกม่วงมีสิ่งมีชีวิตน่ากลัวตัวแล้วตัวเล่ายึดครองอยู่
ทั้งพญาเผิงปีกทอง เอกพญางู จิ้งจอกเขียวลี้ลับ ผีเสื้อห้าสี รวมถึงตะขาบหยกมรกตที่ตัวยาวหนึ่งจั้งกว่า
พวกมันล้วนมีพลังน่าหวาดหวั่นไม่ด้อยไปกว่าราชันสังสารวัฏ ยึดครองแต่ละทิศ ดวงตาเต็มไปด้วยแววโหดเหี้ยม
เห็นได้ชัดว่าพวกมันรออยู่ที่นี่นานแล้ว หมายจะสังหารผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าเพื่อชิงศุภโชคที่อยู่กับตัวพวกเขา!
นี่พาให้ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าล้วนหน้าเปลี่ยนสี ในใจพรั่นพรึง กระวนกระวายไม่อาจสงบได้
แต่ไม่นานนักพวกเขาก็สังเกตได้ว่า แม้ว่าภูเขาเทพหมอกม่วงนี้กำลังถล่ม แต่กลับมีพลังต้องห้ามไหวกระเพื่อมกดข่มให้สิ่งมีชีวิตน่ากลัวเหล่านั้นเงยหน้าขึ้นมาไม่ได้อยู่
“พุ่งไป! หลบพวกมันไปให้ไกล!”
ผู้แข็งแกร่งหลายคนรับรู้ได้ถึงความแปลกประหลาดนั้น ไม่สนใจสิ่งอื่นแล้วกัดฟันหลบหลีกออกจากพื้นที่ที่สิ่งมีชีวิตน่ากลัวเหล่านั้นยึดครอง พุ่งตัวไปยังที่ไกลออกไป
โครม!
พื้นที่แถบนี้ยุ่งเหยิงไปหมด สิ่งมีชีวิตน่ากลัวเหล่านั้นไม่พอใจที่ถูกกดทับ ต่อต้านอย่างบ้าคลั่ง สำแดงพลานุภาพคับฟ้าออกมา
ผู้แข็งแกร่งที่หลบหนีไม่ทันบางคนประสบเคราะห์ถูกจับทั้งเป็นคาที่ในทันใด
ส่วนผู้แข็งแกร่งที่อยู่ห่างออกมาหน่อยกลับถือโอกาสนี้หลีกหนีอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า พุ่งทะยานออกไปไกลอย่างบ้าคลั่ง ไม่กล้าหันกลับไปอีก
เสียงคำรามดังขึ้นไม่ว่างเว้น ณ ที่แห่งนี้ พญาเผิงปีกทองกระพือปีกหวีดร้องไปทั่วเก้าชั้นฟ้า
เอกพญางูม้วนร่างในห้วงอากาศ ปากพ่นกลืนพลังน่าหวาดหวั่นม้วนกลืนไปแปดทิศ
ส่วนจิ้งจอกเขียวลึกลับนั้นกลับหายตัวเคลื่อนที่ไม่ว่างเว้น ไปล่าผู้แข็งแกร่ง
ที่น่ากลัวที่สุดก็คือผีเสื้อห้าสีตัวนั้น มันมีขนาดพอกับใบลาน ปีกทั้งสองกระพือเบาๆ ก็ก่อให้เกิดพายุห้าสีทะลุฟ้า บดขยี้ท้องนภา ผู้แข็งแกร่งที่ถูกม้วนเข้าไปทุกคนไม่มีใครโชคดีรอดชีวิตสักคน!
เช่นเดียวกัน ตะขาบหยกมรกตตัวนั้นก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน ขามากมายแน่นขนัดของมันกวัดไกว ประหนึ่งคมมีดนับร้อยนับพันกำลังเก็บเกี่ยวชีวิต
นี่ยังเป็นตอนที่พวกมันถูกพลังต้องห้ามกดทับ หากไม่ใช่เช่นนี้ อาศัยพลังที่ไม่ด้อยไปกว่าราชันสังสารวัฏของพวกมัน คงสามารถก่อให้เกิดภัยพิบัติน่าหวาดหวั่น ไม่มีทางปล่อยให้ผู้แข็งแกร่งสักคนหนีไปได้แน่
อย่างไรเสียความแตกต่างของพลังก็มากเกินไป
“พวกเราก็รีบไป ตอนนี้พลังต้องห้ามนั่นยังอยู่ สามารถกดข่มสิ่งมีชีวิตน่ากลัวเหล่านั้นได้ ทันทีที่ภูเขาเทพหมอกม่วงพังทลายสิ้นแล้ว ก็จะไม่อาจกำราบพวกมันได้อีก!”
เจ้าคางคกร้องเสียงดัง
“ไป!”
หลินสวินนำอยู่ข้างหน้า เวลานี้เขาเรียกดาบหักออกมา สีหน้าระแวดระวัง เคราะห์สังหารระดับนี้น่ากลัวเสียยิ่งกว่าไปต่อกรกับพวกหนิวทุนเทียนเสียอีก ทำให้เขาต้องระวังอย่างยิ่ง
เคร้ง!
พวกเขาเพิ่งเคลื่อนไหวก็ถูกโจมตี จิ้งจอกเขียวตัวหนึ่งหายตัว กรงเล็บคมพุ่งทะลวงอากาศ ปลดปล่อยแสงสีครามน่ากลัวสายหนึ่ง ม้วนกลืนออกมาประหนึ่งน้ำตก
ตูม!
กลับเห็นว่าจ้าวจิ่งเซวียนตะคอกเสียงกังวาน เงื้อมือฟาดยันต์หยกสีดำระเบิดออกเสียงดังผัวะ เกิดเป็นสายฟ้าสีดำแล่นปราด
ทันใดนั้นการปะทะอันน่ากลัวอุบัติขึ้น แสงเทพยิงพุ่ง สั่นสะเทือนจนพวกหลินสวินแทบกระอักเลือด พลังนั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว ทำให้พวกเขาเองก็หวาดหวั่น
ยังโชคดีที่ยันต์หยกสีดำที่จ้าวจิ่งเซวียนฟาดออกไปนั้นไม่ธรรมดายิ่งนัก ทำให้พวกเขาฝืนต้านการโจมตีนั้นได้ และฉวยจังหวะนี้หนีไปไกล
เพียงแต่เวลาต่อมาก็มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น ที่แท้ก็เป็นผู้แข็งแกร่งที่ตามหลังพวกหลินสวินมาหนีไปไม่ได้ ถูกจิ้งจอกเขียวตัวนั้นจับทั้งเป็น
“เมื่อกี้เจ้าเอาสมบัติอะไรออกมา เหตุใดถึงทรงพลังเช่นนี้”
เมื่อหนีจากบริเวณนั้นออกมาไกลแล้ว เจ้าคางคกก็โล่งอกยิ่งนัก มองไปยังจ้าวจิ่งเซวียนด้วยสายตาประหลาดใจอย่างอดไม่ได้
“วิธีป้องกันตัวที่เสด็จพ่อของข้าให้มา ยันต์อสนีนิลกาฬเทพหยิน สามารถสลายเคราะห์สังหารที่เกิดขึ้นฉับพลันได้ แต่ใช้ได้เพียงครั้งเดียว”
จ้าวจิ่งเซวียนแจกแจงประโยคหนึ่ง
ที่แท้ก็เป็นสมบัติที่จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิมอบให้!
หลินสวินก็อดไม่ได้ลอบทอดถอนใจ จ้าวจิ่งเซวียนมีฐานะเป็นถึงธิดาของจักรพรรดิ เกรงว่าวิธีป้องกันตัวที่ครอบครองต้องไม่น้อยแน่
พวกเขาไม่ได้ร่ำไร หนีออกไปเต็มกำลัง
เบื้องหลังพวกเขา ภูเขาเทพหมอกม่วงกำลังถล่มต่อไป ใช้เวลาไม่นานนักต้องหายไปจากโลกแน่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์