Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 629

สรุปบท ตอนที่ 629: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 629 – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 629 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 629 อัปยศอดสูและข่มขู่
ตอนที่ 629 อัปยศอดสูและข่มขู่
โดย
ProjectZyphon
“ทำไมทุกท่านดูเหมือนถูกเด็กหนุ่มเทพมารนั่นทำให้กลัวล่ะ”

ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัดราวป่าช้า ลั่วหยาขมวดคิ้วเอ่ย คำพูดเพียงประโยคเดียวทำเอาสีหน้าหนุ่มสาว ณ ที่นั้นต่างดูกระอักกระอ่วน

“สหายยุทธ์ลั่วหยา ใช่ว่าพวกเราจิตใจหวาดกลัว แต่เป็นเพราะเล่าลือกันว่าเด็กหนุ่มเทพมารนี่น่ากลัวเกินไปจริงๆ ประหนึ่งเทพสังหารโดยสิ้นเชิง สำหรับคนเยี่ยงนี้พวกเราไม่กล้าดูถูกเป็นธรรมดา”

มีคนออกปาก พยายามผ่อนคลายบรรยากาศลงสักหน่อย

“ใช่แล้ว ในน่านสมุทรทะเลใต้ทุกวันนี้ ขอแค่เป็นพวกหูไวตาไวต่างกำลังกระจายข่าวเด็กหนุ่มเทพมารนี่ไปทั่ว ว่าแม้แต่บุตรเทพแห่งยุคอย่างหนิวทุนเทียนยังเคยปราชัยในมือคนผู้นี้ ใครยังจะกล้ามองข้ามพลานุภาพร้ายกาจของคนผู้นี้เล่า”

“ไม่เพียงแค่หนิวทุนเทียน แม้แต่พวกเมิ่งเหลียนชิง ข่งซิ่ว เสวียนหลัวจื่อร่วมมือกัน ต่างถูกเด็กหนุ่มเทพมารนั่นคนเดียวกำราบลง ณ ที่นั้น ช่างเหี้ยมโหดป่าเถื่อนถึงขีดสุดซะจริง!”

คนอื่นที่อยู่ในโถงต่างเปิดปากพูดกันไม่หยุด

เวลานี้ชิงอวิ๋นหยางสงบสติอารมณ์ลงได้เล็กน้อยแล้ว แต่เมื่อได้ยินคำพูดหวาดหวั่นที่ทุกคนมีต่อหลินสวิน แววตายังคงแปลกพิกลอยู่บ้าง

เขาแอบกล่าวอยู่ในใจ ‘หากให้พวกเจ้ารู้ว่าเด็กหนุ่มเทพมารนั่นอยู่ที่นี่ เกรงว่าคงทำพวกเจ้าตกใจตะลึงงันเป็นแน่…’

เขาเหล่ตามองหลินสวิน กลับเห็นหลินสวินเสมือนไม่รับรู้อะไรเหมือนเดิม กำลังลิ้มสุราเลิศทีละอึกๆ เห็นชัดว่าสบายใจและอิสระยิ่ง

‘ช่างเป็นสัตว์ประหลาดตนหนึ่งซะจริง’ ชิงอวิ๋นหยางแอบแขวะ

“ที่ทุกท่านกล่าวมาล้วนไม่ผิด ผลการรบของเด็กหนุ่มเทพมารนี่เป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งทั่ว แน่นอนว่าข้าเองก็จะไม่ประเมินคนผู้นี้ต่ำไป”

ลั่วหยาเอ่ยคำพูดราบเรียบต่ำลึก “แต่ว่าต่อให้เขาร้ายการแค่ไหนก็เป็นแค่เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนหนึ่ง น่านสมุทรทะเลใต้แห่งนี้คืออาณาเขตของพวกเรา ไยจะทนให้เผ่ามนุษย์คนหนึ่งมาลำพองได้”

พูดถึงตอนสุดท้าย น้ำเสียงเขาพลันดังขึ้นอย่างน่ายำเกรง มีพลังอำนาจข่มขู่ผู้คน!

มีคนอดไม่ได้ที่จะกล่าวถาม “หรือว่าสหายยุทธ์ลั่วหยาเรียกชุมนุมครั้งนี้ ก็เพื่อปรึกษาหารือว่าจะรับมือกับเด็กหนุ่มเทพมารนั่นอย่างไร?”

ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา คนทั้งหมดล้วนหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย

“ไม่ผิด”

ลั่วหยากลับไม่ปฏิเสธ “ตามที่นักบวชอาวุโสเผ่าหงส์ทมิฬของข้าผู้หนึ่งคาดการณ์ สามารถมั่นใจได้ว่า ตอนนี้เด็กหนุ่มเทพมารนั่นยังไม่ไปจากน่านสมุทรทะเลใต้นี้ นี่แหละคือโอกาสอันดีที่สุดที่พวกเราจะจัดการมัน!”

คำพูดเขาแม้กึงก้องกังวาน แต่ผู้แข็งแกร่งรุ่นเยาว์แต่ละเผ่า ณ ที่นั้นกลับไม่ขานรับ

ตรงกันข้าม เมื่อได้ยินคำพูดนี้เกือบทุกคนต่างสีหน้าเปลี่ยนแปร ไม่คิดว่าอีกฝ่ายหมายจัดการเด็กหนุ่มเทพมารนั่นจริงๆ

นี่มัน…

แต่ละคนล้วนลังเล นั่นน่ะคือเด็กหนุ่มเทพมารนะ! สังหารจนเหล่าผู้กล้าแต่ละเผ่ากระเจิดกระเจิงไม่เป็นขบวน ดูราวไม่อาจรบชนะได้ ไปจัดการเขาหรือ นั่นมันต่างอะไรกับรนหาที่ตาย

ต้องรู้ว่าตอนนั้นที่นอกแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ยังมีคนใหญ่คนโตจ้องตะครุบดุจพญาเสือ แต่ท้ายที่สุดเด็กหนุ่มเทพมารนั่นยังหนีไปได้อย่างปลอดภัย!

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ให้คนอย่างพวกเขาไปประมือเด็กหนุ่มเทพมารนั่น ช่างเป็นการล้อเล่นชัดๆ!

“สหายยุทธ์ลั่วหยา ทำเช่นนี้เกรงว่าไม่เหมาะกระมัง”

มีคนคิ้วขมวด

“ทุกท่านเข้าใจผิดแล้ว”

ลั่วหยายิ้มเล็กน้อย เผชิญสายตาตั้งคำถามของทุกคน เห็นได้ชัดว่าเขามั่นใจยิ่งนัก “บางทีพวกเราอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเด็กหนุ่มเทพมารนั่น แต่อย่าลืมว่าเบื้องหลังพวกเรายังมีคนใหญ่คนโตแต่ละเผ่าอยู่!”

“แต่พวกเราและเด็กหนุ่มเทพมารนั่นหาใช่ศัตรูคู่อาฆาต เหตุใดต้องจัดการเขาด้วยเล่า”

มีคนแค่นเสียง

ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา พลันก่อเกิดเสียงคล้อยตามมากมายทันที

“พวกเจ้าผิดแล้ว!”

ลั่วหยาสูดหายใจลึก น้ำเสียงลุ่มลึก “ตามข่าวกรองที่ข้าได้รับ ในแต่ละขุมอำนาจใหญ่ที่เข้าสู่แดนลับอสูรมารอริยะ เห็นจะมีเพียงเด็กหนุ่มเทพมารนี่กลายเป็นผู้ชนะมากที่สุด บนตัวเขาครอบครองมหาศุภโชคเหนือจินตนาการ!”

พูดถึงตรงนี้นัยน์ตาเขาปรากฏความบ้าคลั่งวูบหนึ่ง “ทุกท่าน นั่นคือมหาศุภโชคที่เกี่ยวข้องกับอริยมรรค! อีกทั้งเด็กนั่นยังสังหารบุตรเทพและผู้แข็งแกร่งมากขนาดนั้น กวาดทรัพย์หลังศึกไม่รู้เท่าไหร่ หากสามารถจับเขาได้…”

พูดไม่ทันจบผู้คนโถงใหญ่พลันใจสั่นสะท้าน นัยน์ตาส่องประกายแวววับไม่หยุด

ท้ายที่สุดพวกเขาก็เข้าใจเจตนาของลั่วหยา ที่แท้ทำเพื่อช่วงชิงศุภโชคและสมบัติติดตัวของเด็กหนุ่มเทพมารนั่น!

ดังคำกล่าวที่ว่าทรัพย์สมบัติเย้ายวนใจผู้คน นับประสาอะไรกับศุภโชคยิ่งใหญ่ซึ่งเกี่ยวข้องกับอริยมรรค ชั่วขณะเดียวผู้แข็งแกร่งมากมายต่างใจเต้นระรัว

ลั่วหยาเห็นทุกอย่างนี้ในสายตา สีหน้ามั่นใจยิ่งกว่าเดิม กล่าวว่า “พูดได้ว่าเด็กหนุ่มเทพมารนั่นคือมหาศุภโชคที่มีชีวิต! หากสามารถจับเขาได้ ต้องได้รับผลประโยชน์ยิ่งใหญ่เกินจินตนาการเป็นแน่!”

เขาหยุดไปชั่วขณะพลางกล่าวต่อ “อีกทั้งการเคลื่อนไหวของพวกเราครานี้ ขอแค่ค้นหาและสืบเสาะร่องรอยของเด็กหนุ่มเทพมารนั่นก็เพียงพอแล้ว ถึงคราวลงมือจริงคนใหญ่คนโตแต่ละเผ่าต้องมาถึงแต่พริบตาแรกแน่นอน”

“ข้าว่าเป็นไปได้!”

ทันใดนั้นมีคนเห็นด้วยขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่

“ก็ถูก น่านสมุทรทะเลใต้นี้คืออาณาเขตของพวกเรา! หากให้เด็กหนุ่มเทพมารนั่นหนีไป ก็เท่ากับขุมอำนาจแต่ละเผ่าอย่างพวกเราไร้สามารถเกินไปแล้ว”

ผู้แข็งแกร่งอื่นๆ ต่างคล้อยตาม ถึงอย่างไรก็มิใช่พวกเขาลงมือเอง แค่สืบเสาะข่าวสารและร่องรอยเท่านั้น แน่นอนว่าพวกเขาหวังเห็นสิ่งนั้นกลายเป็นจริง

‘หากว่าข้าแพร่ข่าวออกไป…’

ชิงอวิ๋นหยางได้ยินก็ใจเต้นไม่หยุด เหลือบมองหลินสวินที่อยู่ข้างๆ อย่างไม่อาจหักห้าม

กลับเห็นฝ่ายหลังมองมาอย่างเงียบงันไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แววตาดูเหมือนราบเรียบ แต่กลับเต็มไปด้วยความหนาวเยือกเย็นชา

นี่ทำเอาชิงอวิ๋นหยางสั่นกลัวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

นั่นมันดวงตาเยียบเย็นระดับใดกัน ประดุจเทพสังหารตนหนึ่งกำลังเหลือบมองโลกหล้าจากเบื้องบน เห็นสรรพสิ่งเป็นมดปลวก นักฆ่ามือสังหารฆ่าคน ยังมีใจนึกหวาดกลัว แต่หากเทพสังหารผู้หนึ่งเหยียบมดปลวกตาย ไยจะต้องใส่ใจ

ทันใดนั้นชิงอวิ๋นหยางดับความคิดลง หนาวสะท้านไปทั้งตัว

“ฮ่าๆๆ ดูสิดู เจ้าหมอนี่ขวัญกระเจิงแล้ว เผ่าตะพาบเขียวไม่มีใครแล้วรึไง ถึงให้คนเยี่ยงเจ้าเป็นบุตรเทพ!”

เว่ยซางหัวเราะร่า ไม่อำพรางแววเหน็บแนมแม้แต่น้อย

ผู้แข็งแกร่งในงานแม้จะมาก แต่ตอนนี้เวลานี้กลับไม่มีสักคนเปล่งเสียงไกล่เกลี่ย ตรงกันข้ามต่างล้วนเก็บมือเฝ้ามองเรื่องสนุก

นี่ทำให้หลินสวินสรุปได้ชัดยิ่งกว่าเดิม ในแวดวงคนพวกนี้ ชิงอวิ๋นหยางไม่เป็นที่ต้อนรับอย่างยิ่ง มิฉะนั้นไหนเลยจะถูกคนยั่วยุและเย้ยหยันต่อหน้าเช่นนี้

“เรื่องของเผ่าตะพาบเขียวข้า ไม่เกี่ยวกับเจ้า!”

ชิงอวิ๋นหยางสีหน้าอึมครึมหาใดเปรียบ ดวงตาปูดโปนแทบถลนออกมา

แต่ท้ายที่สุดเขาราวอดกลั้นเอาไว้ หันกลับไปหาหลินสวินแล้วกล่าว “ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกเรา ไปเถอะ”

ขณะพูดเขาก็สื่อจิต ‘เจ้าอย่าได้ยุ่งเรื่องของข้าเด็ดขาด เพื่อเลี่ยงการเปิดเผยฐานะเจ้า หากเป็นเช่นนั้น แม้ผู้อาวุโสตระกูลข้ามาเองก็ไม่อาจช่วยเจ้าได้!’

หลินสวินชะงักงัน คิดไม่ถึงว่าชิงอวิ๋นหยางไม่เพียงแต่สามารถอดทนอดกลั้น ยังถึงขั้นคิดเผื่อตน

“คิดหนี? ไหนเลยจะง่ายขนาดนั้น!”

เว่ยซางสีหน้าพลันอึมครึม นัยน์ตาเปลี่ยนเป็นเยียบเย็น “หากเจ้ากล้าจากไปตอนนี้ ข้าก็กล้ากดกำราบเจ้าบัดเดี๋ยวนี้ บีบบังคับเจ้าคุกเข่าลงที่นี่ รอหลันเทียนฉีมาถึงค่อยให้เขาจัดการกับเจ้า!”

คำพูดประโยคนี้ข่มขู่เหี้ยมเกรียมยิ่งนัก เต็มไปด้วยรสชาติความอัปยศอดสู

ชิงอวิ๋นหยางสีหน้าประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวขาว แข็งทื่อไปทั้งตัว เส้นเลือดดำตรงหน้าผากปรินูน เห็นชัดว่าโกรธถึงขีดสุด

เขาบุตรเทพเผ่าตะพาบเขียวผู้สง่าผ่าเผย กลับถูกหยามหน้าและข่มขู่ต่อหน้าธารกำนัล นี่มันน่าอัปยศอดสูอย่างใหญ่หลวง! ถ้าหากแพร่งพรายออกไป นั่นคงอับอายขายหน้าไปถึงเผ่าพงศ์

“เว่ยซาง เจ้ารังแกกันเกินไปแล้ว!”

เวลานี้ชิงอวิ๋นหยางดวงตาแดงไปหมด ราวสัตว์อสูรที่ถูกยั่วโทสะถึงที่สุด น้ำเสียงเจือความแหบพร่าเสี้ยวหนึ่ง

“ข้ารังแกเจ้าแล้วอย่างไร อย่าหวังพึ่งใบบุญผู้อาวุโสเผ่าตะพาบเขียวของเจ้ามาช่วยเลย ว่าไปแล้วนี่มันเรื่องของคนหนุ่มรุ่นหลังอย่างพวกเรา ถึงแม้คบบ้านเจ้าจะรู้ เกรงว่าคงวางศักดิ์ศรีมาช่วยเจ้าไม่ลง”

เว่ยซางยิ้มเยาะ “ไม่แน่ว่าหลังจากที่เจ้าถูกข้าคว่ำแล้ว ผู้อาวุโสตระกูลเจ้าอาจรู้สึกว่าเจ้าไม่เอาไหนเกินไป และปลดบุตรเทพอย่างเจ้าออกจากตำแหน่งก็ได้”

คำพูดนี้ของเขาก็ไม่ผิด ในแต่ละเผ่าแห่งน่านสมุทรทะเลใต้ สำหรับบุญคุณความแค้นระหว่างชนรุ่นเยาว์ คนใหญ่คนโตพวกนั้นล้วนแต่หลับตาข้างลืมตาข้าง ทำเช่นนี้ก็เพื่อขัดเกลาชนรุ่นหลัง

หากวันนี้ชิงอวิ๋นหยางประสบกับการกำราบและหยามหน้าภายใต้สายตาผู้คนมากมาย ไม่เพียงแค่เสียหน้าอย่างเดียว ยิ่งอาจหลุดจากตำแหน่งบุตรเทพด้วยเหตุนี้ได้!

ชิงอวิ๋นหยางแข็งทื่อโดยสมบูรณ์อยู่ตรงนั้น สีหน้าแปรเปลี่ยนไม่หยุด

แต่หลินสวินกลับกำลังคิด เป็นความแค้นบาดหมางใหญ่หลวงอะไรกันแน่ ถึงกับทำให้เว่ยซางเหยียบย่ำชิงอวิ๋นหยางเช่นนี้? ฆ่าคนต้องรู้จักพอ ทำเช่นนี้มันออกจะเกินไปหน่อยแล้ว

……………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์