“ดูสิ เพียงประโยคเดียวของเว่ยซาง ก็ขู่จนบุตรเทพเผ่าตะพาบเขียวของพวกเราไม่กล้าไปซะแล้ว”
“โธ่ คนรุ่นเยาว์เผ่าตะพาบเขียวนับวันยิ่งย่ำแย่ลงแล้ว”
“นี่ก็มีเหตุผล พันปีก่อนผู้อาวุโสชิงเลี่ยเผ่าตะพาบเขียวหายตัวไปกะทันหัน สาบสูญไร้ร่องรอย ไม่มีราชันระดับสังสารวัฏเช่นนั้นสักคนปกครองแล้ว อิทธิพลเผ่าตะพาบเขียวก็เสมือนสายน้ำไหลสู่ที่ต่ำ แม้ว่าทุกวันนี้ผู้อาวุโสชิงเลี่ยจะหวนกลับมา แต่เผ่าตะพาบเขียวคิดอยากฟื้นคืนพลานุภาพดังก่อน ภายในเวลาอันสั้นคงไม่อาจทำได้”
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดชิงอวิ๋นหยางก็เหลือทนเกินไปแล้ว ในฐานะบุคคลระดับบุตรเทพ เผชิญความอัปยศอดสูและข่มขู่ กลับทำได้แค่กล้ำกลืนความเจ็บช้ำไม่กล้าขัดขืน ช่าง… อับอายขายขี้หน้าเกินไปแล้ว”
ในโถงใหญ่เสียงนานัปการดังก้องขึ้น มีทั้งเหน็บแนม ทั้งถอนหายใจ ทำเอาสีหน้าชิงอวิ๋นหยางบิดเบี้ยวและอึมครึมยิ่งกว่าเดิม
เขากำสองหมัดแน่น ขบฟันแน่นกรอด ท่าทางอึดอัดและอดทนอย่างเอาเป็นเอาตายนั้น กลับไม่ได้รับความเห็นใจใดๆ
ในทางกลับกัน ยิ่งเขาเป็นอย่างนั้นยิ่งทำให้คำยั่วยุและวิจารณ์โจมตีพวกนั้นกำเริบเสิบสานกว่าเดิม
หลินสวินมองดูจนคิ้วขมวดพักหนึ่ง เจ้าหมอนี่ช่างอดทนอดกลั้นจริงๆ
“ไปเถอะ” ท้ายที่สุดหลินสวินไม่อาจทนดูต่อไป ถอนหายใจมองไปยังชิงอวิ๋นหยาง
คนรุ่นเยาว์ผู้โดดเด่นแต่ละเผ่าในโถงใหญ่ต่างชะงักงัน เจ้าหมอนี่เป็นใคร จู่ๆ ถึงกล้าเข้ามายุ่งในเวลาเช่นนี้
สายตามากมายล้วนมองไปยังหลินสวิน แฝงความเคลือบแคลงสงสัย
พวกเขาไม่รู้จักหลินสวิน และไม่ใส่ใจสักนิด แค่เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มาพร้อมชิงอวิ๋นหยางเท่านั้น ไหนเลยจะเป็นพวกร้ายกาจอะไรได้
“เจ้าเด็กนี่เป็นใครกัน กล้าเข้ามาจุ้นเรื่องชิงอวิ๋นหยางหรือ ข้าขอเตือนเจ้าให้นั่งลงอย่างว่านอนสอนง่าย หากยังกล้าพูดมากอีก ข้าจะฆ่าเจ้าก่อนเป็นคนแรก!”
เว่ยซางนัยน์ตาเย็นเยียบ กวาดมองหลินสวินราวมีดดาบ
เขามีโทสะอยู่บ้าง กับแค่เด็กหนุ่มข้างกายชิงอวิ๋นหยางคนหนึ่ง กลับกล้ากระโดดออกมาเวลานี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากำลังยั่วยุความน่าเกรงขามของเขาอยู่
ชิงอวิ๋นหยางหน้าพลันเปลี่ยนสี รีบร้อนสื่อจิต ‘หลินสวิน เจ้าอย่าเข้ามายุ่งเรื่องของข้า หากทำให้พวกเขารู้ฐานะของเจ้า วันนี้พวกเราคงออกไปไม่ได้จริงๆ!’
หลินสวินกล่าวราบ้รียบ ‘คิดจะรู้ฐานะข้า ก็ต้องลองถามพวกเขาก่อนว่ามีความสามารถเช่นนั้นหรือไม่’
พูดถึงตรงนี้เขาถอนหายใจอีกครั้งก่อนกล่าวเตือน ‘จำไว้ เมื่ออดทนอดกลั้น มีแต่จะทำให้ศัตรูได้คืบเอาศอก ยิ่งไปกว่านั้น จิตใจเช่นนี้ของเจ้าหากไม่เปลี่ยนแปลง ชั่วชีวิตนี้อย่าหวังจะก้าวสู่กลุ่มผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง!’
‘หากเจ้าเห็นด้วยก็ไปกับข้าซะตอนนี้ มิฉะนั้นเจ้าก็อยู่ที่นี่กล้ำกลืนความเจ็บช้ำน้ำใจ ถูกพวกเขาหัวเราะเยาะและหยามหน้าเถอะ!’
พูดจบหลินสวินไม่มองชิงอวิ๋นหยางอีก สองมือไพล่หลัง หันเดินกลับไปนอกโถงใหญ่
ตั้งแต่ต้นจนจบเขาถึงขั้นไม่แลมองใครในโถงใหญ่นี่สักคน ท่าทางหยิ่งยโสไม่เห็นใครในสายตาเช่นนั้น ทำเอาผู้แข็งแกร่งมากมายล้วนสีหน้าอึมครึม
‘ข้า…’
ชิงอวิ๋นหยางสีหน้าปรวนแปรไม่หยุด ในใจดิ้นรนอย่างรุนแรง
แต่ยังไม่รอให้เขาตัดสินใจ เว่ยซางนั่นอดรนทนไม่ไหวเสียก่อนแล้ว เขาพูดออกมาชัดเจนขนาดนี้แล้ว แต่เจ้าเด็กนี่กลับไม่ใส่ใจคำข่มขู่ของเขาสักนิด ท่าทางราวมองเขาเป็นสิ่งไร้ค่า
นี่ทำให้เว่ยซางถูกยั่วโทสะทันใด
“ไอ้หนู นี่เจ้ารนหาที่ตายใช่ไหม!”
เขาส่งเสียงเย็นชา ขณะพูดเงาร่างวูบไหว ยกฝ่ามือหนึ่งทะยานฟันใส่หลินสวิน พละกำลังยิ่งใหญ่ พลังฝ่ามือแรงกล้า ส่งเสียงกัมปนาทประหนึ่งอสนีบาตออกมา
ตูม!
ฝ่ามือนี้เด็ดขาดป่าเถื่อนและอำมหิตยิ่งยวด ไม่เกรงใจแม้แต่น้อย หมายมุ่งปลิดชีพหลินสวิน สังหารคนรักษาอำนาจ
ในโถงพลันตื่นเต้นดีใจทันที หนุ่มสาวรุ่นเยาว์แต่ละเผ่าต่างเผยสีหน้าสนุกสนานออกมา
สำหรับพวกเขา หลินสวินเป็นแค่เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ติดตามชิงอวิ๋นหยาง ตำแหน่งและฐานะต้องไม่มีค่าพอให้พูดถึงแน่
แต่เด็กหนุ่มคนหนึ่งเช่นนี้ดันมีความกล้าและทะนงตัวกว่าชิงอวิ๋นหยางเสียอีก ท่าทางไม่รู้ดีชั่ว ยังเลือกที่จะจากไป
นี่เห็นชัดว่ากำลังยั่วยุเว่ยซาง!
และตอนนี้เว่ยซางอดกลั้นไม่ไหวดังคาด ชิงลงมือก่อน คราวนี้ก็มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว
“เจ้ากล้า!”
ชิงอวิ๋นหยางส่งเสียงคำราม ในที่สุดก็ไม่อดกลั้นอีก พริบตาที่เว่ยซางลงมือนั้น เขาพุ่งตัวมาอยู่หน้าหลินสวิน โจมตีอย่างเกรี้ยวกราด!
ตูม!
ทั่วร่างเขามีแสงศักดิ์สิทธิ์พลุ่งพล่าน ขวางอยู่ตรงหน้าหลินสวิน ฝืนปะทะเว่ยซางกระบวนหนึ่ง เสียงปะทะสั่นสะเทือนโสตประสาทแผ่กระจายตามมา
ตึงๆๆ!
ชิงอวิ๋นหยางถูกสะเทือนจนถอยหลัง สีหน้าเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวขาว เลือดลมม้วนตลบ
ณ ที่นั้นพลันหัวเราะเกรียวกราว สีหน้าคนหมู่มากสัพยอกยิ่งกว่าเดิม เจ้าชิงอวิ๋นหยางนี่ถึงกับกล้าลงมือ! นี่ทำให้พวกเขาต่างรู้สึกแปลกใหม่ยิ่ง
“เหอะๆ เจ้ากล้าลงมือกับข้าจริงๆ งั้นรึ” เว่ยซางแสร้งยิ้ม นัยน์ตากลับเยียบเย็นถึงขีดสุด ไอสังหารพลุ่งพล่าน
เขาเองคาดไม่ถึง ในเวลาเช่นนี้ชิงอวิ๋นหยางซึ่งประหนึ่งที่ระบายอารมณ์ ถึงขั้นกล้ายืนออกมาขัดขวางตน
“นี่คือสหายที่ข้าพามา ตัวข้าเป็นที่รองรับอารมณ์ก็ไม่เป็นไร แต่หากพวกเจ้าคิดจัดการเขา ต้องผ่านด่านข้าไปก่อน!”
ชิงอวิ๋นหยางตะเบ็งเสียงลั่น เส้นเลือดดำตรงลำคอปรากฏเด่นชัด สีหน้าเหี้ยมโหดอยู่บ้าง ท่าทีกลับสะบั้นเยื่อใยสิ้นเชิง ชัดเจนว่าทุ่มสุดตัวแล้ว
ได้ยินคำพูดรุนแรงเช่นนี้ ไม่เพียงไม่ทำให้ทุกคนสำรวมขึ้น กลับยังหัวเราะร่าขึ้นมา ปรามาสและไม่ใส่ใจอย่างยิ่ง
แต่หลินสวินเห็นดังนั้นก็ยิ้มออก นัยน์ตาฉายแววชื่นชมวูบหนึ่ง ชิงอวิ๋นหยางทำเช่นนี้จึงจะถูก แต่…
ยังห่างไกลจากคำว่าพอ!
“ในฐานะผู้แข็งแกร่งคนหนึ่ง ไม่เพียงต้องเรียนรู้ที่จะต่อต้าน ยิ่งต้องรู้จักจู่โจมกลับ ถึงแม้ศักยภาพไม่สู้ฝ่ายตรงข้าม ก็ต้องทำให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าเจ้าไม่ใช่คนที่จะรังแกได้ง่าย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์