Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 630

สรุปบท ตอนที่ 630: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอน ตอนที่ 630 จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 630 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 630 เห็นเหล่าผู้กล้าราวสิ่งไร้ค่า
ตอนที่ 630 เห็นเหล่าผู้กล้าราวสิ่งไร้ค่า
โดย
ProjectZyphon
เห็นชิงอวิ๋นหยางท่าทางอึดอัดและคับแค้น ในโถงนั้นพลันมีเสียงหัวเราะดังขึ้นอีก

“ดูสิ เพียงประโยคเดียวของเว่ยซาง ก็ขู่จนบุตรเทพเผ่าตะพาบเขียวของพวกเราไม่กล้าไปซะแล้ว”

“โธ่ คนรุ่นเยาว์เผ่าตะพาบเขียวนับวันยิ่งย่ำแย่ลงแล้ว”

“นี่ก็มีเหตุผล พันปีก่อนผู้อาวุโสชิงเลี่ยเผ่าตะพาบเขียวหายตัวไปกะทันหัน สาบสูญไร้ร่องรอย ไม่มีราชันระดับสังสารวัฏเช่นนั้นสักคนปกครองแล้ว อิทธิพลเผ่าตะพาบเขียวก็เสมือนสายน้ำไหลสู่ที่ต่ำ แม้ว่าทุกวันนี้ผู้อาวุโสชิงเลี่ยจะหวนกลับมา แต่เผ่าตะพาบเขียวคิดอยากฟื้นคืนพลานุภาพดังก่อน ภายในเวลาอันสั้นคงไม่อาจทำได้”

“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดชิงอวิ๋นหยางก็เหลือทนเกินไปแล้ว ในฐานะบุคคลระดับบุตรเทพ เผชิญความอัปยศอดสูและข่มขู่ กลับทำได้แค่กล้ำกลืนความเจ็บช้ำไม่กล้าขัดขืน ช่าง… อับอายขายขี้หน้าเกินไปแล้ว”

ในโถงใหญ่เสียงนานัปการดังก้องขึ้น มีทั้งเหน็บแนม ทั้งถอนหายใจ ทำเอาสีหน้าชิงอวิ๋นหยางบิดเบี้ยวและอึมครึมยิ่งกว่าเดิม

เขากำสองหมัดแน่น ขบฟันแน่นกรอด ท่าทางอึดอัดและอดทนอย่างเอาเป็นเอาตายนั้น กลับไม่ได้รับความเห็นใจใดๆ

ในทางกลับกัน ยิ่งเขาเป็นอย่างนั้นยิ่งทำให้คำยั่วยุและวิจารณ์โจมตีพวกนั้นกำเริบเสิบสานกว่าเดิม

หลินสวินมองดูจนคิ้วขมวดพักหนึ่ง เจ้าหมอนี่ช่างอดทนอดกลั้นจริงๆ

“ไปเถอะ” ท้ายที่สุดหลินสวินไม่อาจทนดูต่อไป ถอนหายใจมองไปยังชิงอวิ๋นหยาง

คนรุ่นเยาว์ผู้โดดเด่นแต่ละเผ่าในโถงใหญ่ต่างชะงักงัน เจ้าหมอนี่เป็นใคร จู่ๆ ถึงกล้าเข้ามายุ่งในเวลาเช่นนี้

สายตามากมายล้วนมองไปยังหลินสวิน แฝงความเคลือบแคลงสงสัย

พวกเขาไม่รู้จักหลินสวิน และไม่ใส่ใจสักนิด แค่เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มาพร้อมชิงอวิ๋นหยางเท่านั้น ไหนเลยจะเป็นพวกร้ายกาจอะไรได้

“เจ้าเด็กนี่เป็นใครกัน กล้าเข้ามาจุ้นเรื่องชิงอวิ๋นหยางหรือ ข้าขอเตือนเจ้าให้นั่งลงอย่างว่านอนสอนง่าย หากยังกล้าพูดมากอีก ข้าจะฆ่าเจ้าก่อนเป็นคนแรก!”

เว่ยซางนัยน์ตาเย็นเยียบ กวาดมองหลินสวินราวมีดดาบ

เขามีโทสะอยู่บ้าง กับแค่เด็กหนุ่มข้างกายชิงอวิ๋นหยางคนหนึ่ง กลับกล้ากระโดดออกมาเวลานี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากำลังยั่วยุความน่าเกรงขามของเขาอยู่

ชิงอวิ๋นหยางหน้าพลันเปลี่ยนสี รีบร้อนสื่อจิต ‘หลินสวิน เจ้าอย่าเข้ามายุ่งเรื่องของข้า หากทำให้พวกเขารู้ฐานะของเจ้า วันนี้พวกเราคงออกไปไม่ได้จริงๆ!’

หลินสวินกล่าวราบ้รียบ ‘คิดจะรู้ฐานะข้า ก็ต้องลองถามพวกเขาก่อนว่ามีความสามารถเช่นนั้นหรือไม่’

พูดถึงตรงนี้เขาถอนหายใจอีกครั้งก่อนกล่าวเตือน ‘จำไว้ เมื่ออดทนอดกลั้น มีแต่จะทำให้ศัตรูได้คืบเอาศอก ยิ่งไปกว่านั้น จิตใจเช่นนี้ของเจ้าหากไม่เปลี่ยนแปลง ชั่วชีวิตนี้อย่าหวังจะก้าวสู่กลุ่มผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง!’

‘หากเจ้าเห็นด้วยก็ไปกับข้าซะตอนนี้ มิฉะนั้นเจ้าก็อยู่ที่นี่กล้ำกลืนความเจ็บช้ำน้ำใจ ถูกพวกเขาหัวเราะเยาะและหยามหน้าเถอะ!’

พูดจบหลินสวินไม่มองชิงอวิ๋นหยางอีก สองมือไพล่หลัง หันเดินกลับไปนอกโถงใหญ่

ตั้งแต่ต้นจนจบเขาถึงขั้นไม่แลมองใครในโถงใหญ่นี่สักคน ท่าทางหยิ่งยโสไม่เห็นใครในสายตาเช่นนั้น ทำเอาผู้แข็งแกร่งมากมายล้วนสีหน้าอึมครึม

‘ข้า…’

ชิงอวิ๋นหยางสีหน้าปรวนแปรไม่หยุด ในใจดิ้นรนอย่างรุนแรง

แต่ยังไม่รอให้เขาตัดสินใจ เว่ยซางนั่นอดรนทนไม่ไหวเสียก่อนแล้ว เขาพูดออกมาชัดเจนขนาดนี้แล้ว แต่เจ้าเด็กนี่กลับไม่ใส่ใจคำข่มขู่ของเขาสักนิด ท่าทางราวมองเขาเป็นสิ่งไร้ค่า

นี่ทำให้เว่ยซางถูกยั่วโทสะทันใด

“ไอ้หนู นี่เจ้ารนหาที่ตายใช่ไหม!”

เขาส่งเสียงเย็นชา ขณะพูดเงาร่างวูบไหว ยกฝ่ามือหนึ่งทะยานฟันใส่หลินสวิน พละกำลังยิ่งใหญ่ พลังฝ่ามือแรงกล้า ส่งเสียงกัมปนาทประหนึ่งอสนีบาตออกมา

ตูม!

ฝ่ามือนี้เด็ดขาดป่าเถื่อนและอำมหิตยิ่งยวด ไม่เกรงใจแม้แต่น้อย หมายมุ่งปลิดชีพหลินสวิน สังหารคนรักษาอำนาจ

ในโถงพลันตื่นเต้นดีใจทันที หนุ่มสาวรุ่นเยาว์แต่ละเผ่าต่างเผยสีหน้าสนุกสนานออกมา

สำหรับพวกเขา หลินสวินเป็นแค่เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ติดตามชิงอวิ๋นหยาง ตำแหน่งและฐานะต้องไม่มีค่าพอให้พูดถึงแน่

แต่เด็กหนุ่มคนหนึ่งเช่นนี้ดันมีความกล้าและทะนงตัวกว่าชิงอวิ๋นหยางเสียอีก ท่าทางไม่รู้ดีชั่ว ยังเลือกที่จะจากไป

นี่เห็นชัดว่ากำลังยั่วยุเว่ยซาง!

และตอนนี้เว่ยซางอดกลั้นไม่ไหวดังคาด ชิงลงมือก่อน คราวนี้ก็มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว

“เจ้ากล้า!”

ชิงอวิ๋นหยางส่งเสียงคำราม ในที่สุดก็ไม่อดกลั้นอีก พริบตาที่เว่ยซางลงมือนั้น เขาพุ่งตัวมาอยู่หน้าหลินสวิน โจมตีอย่างเกรี้ยวกราด!

ตูม!

ทั่วร่างเขามีแสงศักดิ์สิทธิ์พลุ่งพล่าน ขวางอยู่ตรงหน้าหลินสวิน ฝืนปะทะเว่ยซางกระบวนหนึ่ง เสียงปะทะสั่นสะเทือนโสตประสาทแผ่กระจายตามมา

ตึงๆๆ!

ชิงอวิ๋นหยางถูกสะเทือนจนถอยหลัง สีหน้าเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวขาว เลือดลมม้วนตลบ

ณ ที่นั้นพลันหัวเราะเกรียวกราว สีหน้าคนหมู่มากสัพยอกยิ่งกว่าเดิม เจ้าชิงอวิ๋นหยางนี่ถึงกับกล้าลงมือ! นี่ทำให้พวกเขาต่างรู้สึกแปลกใหม่ยิ่ง

“เหอะๆ เจ้ากล้าลงมือกับข้าจริงๆ งั้นรึ” เว่ยซางแสร้งยิ้ม นัยน์ตากลับเยียบเย็นถึงขีดสุด ไอสังหารพลุ่งพล่าน

เขาเองคาดไม่ถึง ในเวลาเช่นนี้ชิงอวิ๋นหยางซึ่งประหนึ่งที่ระบายอารมณ์ ถึงขั้นกล้ายืนออกมาขัดขวางตน

“นี่คือสหายที่ข้าพามา ตัวข้าเป็นที่รองรับอารมณ์ก็ไม่เป็นไร แต่หากพวกเจ้าคิดจัดการเขา ต้องผ่านด่านข้าไปก่อน!”

ชิงอวิ๋นหยางตะเบ็งเสียงลั่น เส้นเลือดดำตรงลำคอปรากฏเด่นชัด สีหน้าเหี้ยมโหดอยู่บ้าง ท่าทีกลับสะบั้นเยื่อใยสิ้นเชิง ชัดเจนว่าทุ่มสุดตัวแล้ว

ได้ยินคำพูดรุนแรงเช่นนี้ ไม่เพียงไม่ทำให้ทุกคนสำรวมขึ้น กลับยังหัวเราะร่าขึ้นมา ปรามาสและไม่ใส่ใจอย่างยิ่ง

แต่หลินสวินเห็นดังนั้นก็ยิ้มออก นัยน์ตาฉายแววชื่นชมวูบหนึ่ง ชิงอวิ๋นหยางทำเช่นนี้จึงจะถูก แต่…

ยังห่างไกลจากคำว่าพอ!

“ในฐานะผู้แข็งแกร่งคนหนึ่ง ไม่เพียงต้องเรียนรู้ที่จะต่อต้าน ยิ่งต้องรู้จักจู่โจมกลับ ถึงแม้ศักยภาพไม่สู้ฝ่ายตรงข้าม ก็ต้องทำให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าเจ้าไม่ใช่คนที่จะรังแกได้ง่าย!”

ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว!

ฝ่ามือเดียวก็ตัดทึ้งแขนขวาออกไป กำราบให้คุกเข่าลงบนพื้นไร้แรงดิ้นรน!

ทุกคนในโถงใหญ่ต่างตื่นตระหนก ทั่วร่างแข็งทื่อ สีหน้าที่เดิมตื่นเต้นฮึกเหิมและสัพยอกล้วนแข็งทื่อ ตกตะลึงอ้าปากค้าง

ผลลัพธ์นี้ทำเอาสมองพวกเขาต่างหมุนกลับมาไม่ทันอยู่บ้าง

ฝ่ามือเดียวเนี่ยนะ!

เว่ยซางถึงกับคุกเข่าลงไปแล้ว?

ใครจะกล้าเชื่อ!?

พลังที่แท้จริงของเว่ยซางแม้ไม่ใช่ระดับสูงสุดในหมู่หนุ่มสาวรุ่นเยาว์แต่ละเผ่าในโถงใหญ่แห่งนี้ แต่อย่างน้อยก็จัดอยู่ในสิบอันดับแรก

ใครเล่าจะคาดคิด ไม่นึกเลยว่าเขาจะปราชัยในมือเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ทั้งยังพ่ายแพ้ในคราเดียว

แม้แต่ลั่วหยาบุตรเทพเผ่าหงส์ทมิฬซึ่งนั่งตรงที่นั่งประธาน ยังอดใจสั่นระรัวพรั่นพรึงไม่ได้ ตระหนักว่าพวกเขาล้วนดูผิดไปแล้ว เด็กหนุ่มที่ติดตามข้างกายชิงอวิ๋นหยางนั่นไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป แต่เป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง!

แม้แต่ชิงอวิ๋นหยางซึ่งรู้ฐานะหลินสวิน เวลานี้ยังอึ้งงัน เขาจินตนาการได้ว่าเด็กหนุ่มเทพมารอย่างหลินสวินคนนี้แข็งแกร่งยิ่ง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะแข็งแกร่งเหนือธรรมดาเช่นนี้

การโจมตีเดียวเท่านั้น! เว่ยซางถึงกับคุกเข่า!

หากแพร่งพรายออกไป ในหมู่คนรุ่นเยาว์แต่ละเผ่าแห่งน่านสมุทรทะเลใต้ต้องปั่นป่วนโกลาหลเป็นแน่

เปรี้ยง!

หลินสวินเวลานี้ยังคงนิ่งสงบดังเดิม ดูคล้ายรังเกียจว่าเสียงร้องทุรนทุรายของเว่ยซางเสียดหูเกินไป จึงดีดนิ้วผ่านอากาศ ทำให้อีกฝ่ายสลบไป

หลังจากนั้นเขาถึงกล่าวกับชิงอวิ๋นหยาง “ตอนนี้เจ้าคงเห็นแล้วว่า เจ้าหมอนี่ก็ไม่เท่าไร”

ท่าทางสงบนิ่งราบเรียบนั่น ทำให้ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าในโถงใหญ่ต่างโกรธเกรี้ยวและประหลาดใจ เด็กหนุ่มนี่เป็นใครกันแน่ เหตุใดไม่เคยเห็นเขามาก่อน

เห็นจะมีเพียงชิงอวิ๋นหยางที่ความรู้สึกซับซ้อน หากเขามีพลังเฉกเช่นหลินสวิน แน่นอนว่าจะไม่อดกลั้นและหวาดกลัว

“ปัญหาของเจ้าไม่ได้อยู่ที่ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของพลัง แต่เป็นปัญหาของจิตใจ” หลินสวินมองชิงอวิ๋นหยางวูบหนึ่ง ดูเหมือนอ่านความคิดเขาออก

“ข้าเข้าใจแล้ว” ชิงอวิ๋นหยางพยักหน้า

ตั้งแต่ต้นจนจบ หลินสวินทำการชี้แนะบางอย่างแก่ชิงอวิ๋นหยางโดยตลอด มองหมู่คนในโถงใหญ่ราวสิ่งไร้ค่า ไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย

ถึงขั้นแม้แต่เว่ยซางที่ศิโรราบคุกเข่าอยู่กับพื้น ในสายตาเขาก็เหมือนแค่ตัวอย่างหนึ่งซึ่งถูกนำมาพิสูจน์ให้ชิงอวิ๋นหยางเห็น

ท่าทีทำอะไรตามใจไม่ใส่ใจผู้อื่น หยิ่งยโสไม่เห็นใครในสายตาเช่นนี้ ทำเอาทุกคนรวมทั้งลั่วหยาต่างเกิดความรู้สึกถูกมองข้ามและหยามหน้า

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์