บางคนทนไม่ไหว ลุกพรวดขึ้นอย่างหุนหัน ด่าทอหลินสวิน
คนอื่นๆ ล้วนมีสีหน้าไม่เป็นมิตร แววตาทอประกายวาม
หลินสวินดูเหมือนไม่รู้ตัว สายตามองไปที่ชิงอวิ๋นหยาง กล่าวว่า “ถ้าเจ้าเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริงคนหนึ่ง จะสนใจเสียงแหกปากของแมลงวันตัวเดียวหรือไม่”
ชิงอวิ๋นหยางมุมปากกระตุก เขาอยากพูดเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าหมอนั่นหาใช่แมลงวัน และมีนามว่าไล่อวิ๋นเซิน แม้ความแข็งแกร่งจะไม่เข้าขั้นน่ากลัว ทว่าเผ่าวิหคเพลิงคะนองที่อยู่เบื้องหลังเขากลับเป็นเจ้าเหนือหัวฝ่ายหนึ่งในหมู่ชนเผ่าแห่งน่านสมุทรทะเลใต้ ผู้ใดล้วนไม่กล้ายั่วโทสะเอาง่ายๆ
ทว่ายามเผชิญหน้ากับสายตาลึกล้ำเยือกเย็นคู่นั้นของหลินสวิน ท้ายที่สุดชิงอวิ๋นหยางก็ยังกัดฟัน ไม่ได้พูดสิ่งเหล่านี้ออกมา ซ้ำยังพูดอย่างไม่อ้อมค้อม “ไม่สนใจ!”
หลินสวินพยักหน้า “นี่สิถูกต้อง”
ส่วนไล่อวิ๋นเซินที่ถูกหลินสวินมองว่าเป็น ‘แมลงวัน’ แหกปากนั้นโกรธจนหน้าเป็นสีแดงก่ำ ปอดแทบระเบิดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เขาคือบุคคลสูงศักดิ์ของเผ่าวิหคเพลิงคะนอง มีหรือจะเคยถูกคนหยาบหยามเยี่ยงนี้
ไม่มี!
ทว่าตอนนี้ ภายใต้สายตาจับจ้องของผู้ชน เด็กหนุ่มคนหนึ่งกลับไม่เกรงใจสักนิด เห็นเขาเป็นสิ่งต่ำต้อยและอัปลักษณ์เฉกเช่นแมลงวัน แล้วเช่นนี้จะให้ไล่อวิ๋นเซินอดกลั้นไหวได้อย่างไร
“เหอะๆ คิดว่าสยบเว่ยซางแล้ว จะดูหมิ่นดูแคลนทุกสิ่ง ทำเกะกะระรานได้จริงๆ หรือ”
เสียงของไล่อวิ๋นเซินเย็นเยียบหาใดเปรียบ “ข้าไม่สนว่าเจ้าเป็นใคร วันนี้หากเจ้าไม่คุกเข่าขอโทษข้า ไม่เพียงแต่เจ้า ญาติสนิทมิตรสหายที่เกี่ยวข้องกับเจ้าจะต้องชดใช้ด้วยความตายทั้งหมด!”
น้ำเสียงแข็งกร้าวไร้ความปรานี
ผู้คนในโถงใหญ่ต่างผุดรอยยิ้มโหดร้ายออกมาเสี้ยวหนึ่ง ในความคิดของพวกเขา ไล่อวิ๋นเซินมีคุณสมบัติจะกล่าวเช่นนี้! เพราะเขาเป็นทายาทแห่งเผ่าวิหคเพลิงคะนอง!
ลำพังแค่ฐานะนี้ก็เพียงพอจะทำให้ผู้คนเคารพยำเกรงได้แล้ว!
เจ้าเด็กนี่จบเห่แล้ว!
นี่คือความคิดของทุกคน
“สหายท่านนี้ บางทีเจ้าอาจจะแข็งแกร่งยิ่ง มีต้นทุนที่จะภาคภูมิใจ แต่อยู่ต่อหน้าพวกข้า กลับไม่พ้นเป็นเพียงคนโง่เขลาที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำคนหนึ่งเท่านั้น ตอนนี้เจ้าคุกเข่าขอโทษแต่โดยดี บางทียังพอจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้”
เด็กสาวแรกแย้มนางหนึ่งเอ่ยปาก น้ำเสียงฉายความหยิ่งทระนง
“ไม่ คุกเข่าขอโทษอย่างเดียวยังไม่พอ เขาทำร้ายเว่ยซาง ซ้ำยังเมินพวกเรา จะต้องมอบบทลงโทษที่สลักลึกในความทรงจำจึงจะระบายความเกลียดชังในใจของพวกข้าได้”
“เฮอะ ก็ไม่รู้เด็กบ้านป่าจากที่ไหนโผล่มา พลังแกร่งกล้าแล้วอย่างไร คิดจริงๆ หรือว่ามีพลังนิดหน่อยก็จะทำตัวไม่สนขื่อสนแปได้”
คนอื่นๆ ก็พากันแค่นหัวเราะ
ภาพที่หลินสวินเอาชนะเว่ยซางได้อาจทำให้พวกเขาประหวั่นและประหลาดใจ ทว่าในมุมมองของพวกเขา ต่อให้หลินสวินเก่งกาจมากเพียงใด ท้ายที่สุดก็เป็นแค่เด็กหนุ่มที่ไม่ได้มีเส้นสายอะไรคนหนึ่งเท่านั้น
จากการที่เขากลายเป็นเพื่อนกับคนอย่างชิงอวิ๋นหยางได้ สิ่งนี้ก็เพียงพอจะมองออกถึงข้อบ่งชี้บางประการ เพราะถึงอย่างไรคนที่มีอำนาจอิทธิพลอย่างแท้จริงใครเล่าจะผูกมิตรกับชิงอวิ๋นหยาง
จากการตัดสินเช่นนี้ พวกเขาถึงได้ไม่กังวลใจ เต็มด้วยความรู้สึกเหนือกว่า
ทว่าการตอบสนองของหลินสวินอยู่นอกเหนือความคาดหมายของพวกเขาอีกครั้ง
เขายังคงเยือกเย็นมากเช่นเดิม มองไปทางชิงอวิ๋นหยางแล้วกล่าว “ตอนนี้เจ้ารู้สึกอะไรอยู่”
สีหน้าชิงอวิ๋นหยางฉายแววซับซ้อนยากอธิบาย เขาดูคล้ายจะมองทะลุได้โดยสิ้นเชิง และกระจ่างแจ้งแล้ว สูดหายใจลึกๆ หนึ่งเฮือก กล่าวว่า “ข้าพบว่าเมื่อก่อนตัวเองน่าขันยิ่งนัก ถึงขั้นเกลือกกลั้วอยู่กับคนพวกนี้ได้ ข้านี่มันตาบอดชัดๆ”
ทุกคนล้วนมีสีหน้าอึมครึม ถ้อยคำนี้ไม่มีปกปิดแม้แต่น้อย ตรงไปตรงมา เท่ากับด่าพวกเขาตรงๆ ว่าไร้สามารถ!
“ชิงอวิ๋นหยาง เจ้ารู้ชัดถึงผลลัพธ์ของประโยคที่พูดออกมาหรือไม่!”
ไล่อวิ๋นเซินเดือดดาล กลิ่นอายคุกคามเต็มเปี่ยม
คนอื่นๆ ต่างก็มีท่าทีเย็นชา คิดจะฉีกหน้าพวกเขาหรือ แต่เจ้าชิงอวิ๋นหยางมีคุณสมบัติหรือไม่ รนหาที่ตายเองชัดๆ!
“แค่กลุ่มตัวตลกที่ได้แต่พึ่งพาอิทธิพลของเผ่าวางอำนาจบาตรใหญ่กลุ่มหนึ่งเท่านั้น เสียแรงที่เมื่อก่อนข้ายังเห็นพวกเจ้าเป็นคนร่วมวิถี ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว ในสายตาของผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง พวกเจ้ามันก็แค่แมลงวันกลุ่มหนึ่ง ไม่รู้ความสูงลิ่วแห่งท้องนภา ความลุ่มลึกอันยิ่งใหญ่ น่าขันยิ่งนัก!”
ชิงอวิ๋นหยางเริ่มเยือกเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ บนดวงหน้าเปี่ยมด้วยแววมาดมั่น น้ำเสียงราบเรียบแน่วแน่ ดุจว่าเปลี่ยนเป็นอีกคน
เขาถอดคราบแล้ว!
อย่างน้อยในแง่สภาพจิตใจ ก็เกิดการแปรสภาพจากเมื่อก่อนแล้วเสี้ยวหนึ่ง!
หลินสวินตระหนักถึงจุดนี้อย่างฉับไว คำพูดที่ชิงอวิ๋นหยางกล่าวไม่สำคัญ สำคัญที่ทัศนคติเบื้องหลังถ้อยวาจาของเขาต่างหาก
นี่จึงจะเป็นสิ่งสำคัญ
ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่ง หากไร้สภาพจิตใจประเภทนี้ ชั่วชีวิตย่อมไม่อาจประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่อะไรได้!
ตัวตลก… แมลงวัน…
ครั้นได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ ทั้งยังเปล่งออกมาจากปากชิงอวิ๋นหยางที่มักจะก้มหัวมือกุมต่ำให้พวกเขาเรื่อยมา ทั่วทั้งโถงต่างปากอ้าตาค้างอยู่บ้าง ยากจะทำใจเชื่อ
ฉับพลันนั้นพวกเขาก็เปลี่ยนจากอับอายกลายเป็นโกรธ เศษสวะพรรค์นี้อย่างชิงอวิ๋นหยาง กล้ามองว่าพวกเขาเป็นตัวตลกกับแมลงวันหรือ
สิ่งนี้ทำให้พวกเขารู้สึกว่าศักดิ์ศรีถูกทิ่มแทงและลบหลู่อย่างไม่เคยมีมาก่อน!
“ชิงอวิ๋นหยาง ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย คุกเข่าลงตอนนี้ กล่าวขอโทษพวกเรา ข้าจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น มิเช่นนั้น…”
เสียงของไล่อวิ๋นเซินคล้ายเค้นลอดไรฟัน ยื่นมือชี้ไปที่หลินสวิน “มิเช่นนั้นเจ้าก็จะเป็นเหมือนกับเขา วันนี้เลิกคิดหนีได้เลย!”
“งั้นหรือ”
หลินสวินเงยหน้า นัยน์ตาลุ่มลึกประดุจเหวลึก มองไล่อวิ๋นเซินอย่างเย็นเยียบ
ชั่วขณะนั้นไล่อวิ๋นเซินพลันแข็งทื่อไปทั้งร่างอย่างน่าประหลาด ภายในใจสั่นเทิ้ม รับรู้ถึงความหนาวสะท้านที่ไม่เคยมีมาก่อน รู้สึกว่าตัวเองเหมือนถูกเทพสังหารที่ยืนตระหง่านอยู่บนเก้าชั้นฟ้าจับจ้องอยู่
นี่…
เพียงแค่แววตาเท่านั้น ไฉนจึงสยดสยองได้ถึงเพียงนี้
ตูม!
ไม่รอให้ทำความเข้าใจ เขารู้สึกแค่ว่าภาพเบื้องหน้าพร่าเลือน หลินสวินได้ปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าแล้ว รวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ ทำให้เขาไม่ทันตั้งตัว
“เจ้าก็คุกเข่าลงด้วยสิ”
น้ำเสียงราบเรียบเยือกเย็นดังขึ้นข้างหู ทว่าเวลานี้กลับเป็นเหมือนคำบัญชาเด็ดขาด ทำเอาจิตวิญญาณของไล่อวิ๋นเซินสั่นสะท้านไปหมด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์