Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 632

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 632 หลันเทียนฉีผู้ถูกเมิน
ตอนที่ 632 หลันเทียนฉีผู้ถูกเมิน
โดย
ProjectZyphon
ลั่วหยานั่งแหมะลงกับพื้น ผมเผ้ากระเซิง กระอักเลือดไม่หยุด

เขาเกร็งกระตุกเจ็บปวดไปทั่วร่าง แต่กลับฝืนอย่างดึงดัน เมื่อเทียบกับความเจ็บปวดนี้ ความหวาดกลัวในใจของเขารุนแรงยิ่งกว่า

ลั่วหยาก็คิดไม่ถึงเช่นกัน ว่าตนจะไม่สามารถต้านการโจมตีเดียวของเด็กหนุ่มคนนั้นได้เช่นเดียวกับเว่ยซางและไล่อวิ๋นเซิน!

น่ากลัวเกินไปแล้ว

ครั้นนึกถึงสิ่งที่เพิ่งผ่านพ้นยามประมือกัน ลั่วหยาก็รู้สึกเหมือนภาพฝันที่ไม่เป็นความจริง เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นตนก็พ่ายแพ้ทันใด!

‘ต่อให้เป็นพวกหนิวทุนเทียน เมิ่งเหลียนชิงลงมือ เกรงว่าคงไม่สามารถทำให้ตนพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวชในกระบวนท่าเดียวเช่นนี้กระมัง…’

สภาพจิตใจของลั่วหยาว้าวุ่น อารมณ์สูญเสียการควบคุม รู้สึกถึงความพ่ายแพ้ที่ไม่เคยมีมาก่อนอย่างหนึ่ง เจ้าหมอนั่น… เป็นเทพศักดิ์สิทธิ์จากที่ใดกันแน่

ในโถงใหญ่เงียบสงัดมากขึ้นเรื่อยๆ บุคคลมากสามารถวัยหนุ่มสาวของแต่ละเผ่าเหล่านี้ ในที่สุดก็รู้สึกถึงความกดดันบางอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชั่วขณะนี้นี่เอง

มองดูเด็กหนุ่มที่ยืนอย่างสันโดษห่างออกไปคนนั้น ท่าทีของพวกเขาล้วนแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมและเคลือบแคลง กระทั่งเจือความกริ่งเกรงอันลุ่มลึกด้วยเสี้ยวหนึ่ง

เว่ยซางแพ้แล้ว…

ไล่อวิ๋นเซินแพ้แล้ว…

ขณะนี้แม้แต่ลั่วหยาเองก็พ่ายแพ้เช่นกัน…

ทั้งยังแพ้ภายใต้การโจมตีครั้งเดียว!

นี่ย่อมเห็นได้ชัดว่าน่าหวาดกลัวและพาให้สะพรึงเกินไป ในบรรดาระดับหยั่งสัจจะ ลั่วหยาเรียกได้ว่าเป็นคนที่อยู่ในหมู่คนชั้นยอด แม้แต่เขายังไม่อาจตั้งรับกระบวนท่าของอีกฝ่ายได้ ถ้าเช่นนั้นพลังการต่อสู้ของอีกฝ่ายจะน่าหวาดกลัวถึงระดับไหนกันเล่า

“ยังมีใครไม่จำนน ถือโอกาสนี้ลุกออกมาได้เลย”

หลินสวินส่งเสียง นัยน์ตาดำสนิทลุ่มลึกเย็นชาและสงบนิ่ง เสียงไม่ดังแต่กลับเป็นความมั่นใจในตัวเองและถือดีอย่างหนึ่ง ทำให้ทุกคนในที่นั้นต่างสะท้านใจ ไม่กล้าเอ่ยวาจา

ก่อนหน้านี้พวกเขาภาคภูมิใจทระนงตน ถือตนว่าสูงส่ง คิดว่าในเมื่อหลินสวินและชิงอวิ๋นหยางเป็นสหายกัน จะต้องเป็นบุคคลที่ไม่ควรค่าให้ชายตาแลคนหนึ่งอย่างแน่นอน

ฉะนั้นพวกเขาจึงปรามาสและเหยียดหยามหลินสวินตลอดมา

ทว่าตอนนี้พวกเขาหวาดหวั่นแล้ว รู้สึกถึงความหวาดกลัวและภัยคุกคาม ตระหนักได้ว่าบุคคลที่ ‘ไม่ควรค่าชายตาแล’ ในสายตาของพวกเขานั้น เป็นคนชั้นยอดที่ซ่อนคมในฝักอย่างลึกล้ำคนหนึ่ง!

บุคคลเช่นนี้ เหยียบย่างสู่ปลายยอดแห่งมหามรรคหยั่งสัจจะแล้ว เรียกได้ว่าไร้เทียมทาน เป็นผู้ที่สามารถเทียบเคียงกับบุคคลระดับบุตรเทพไร้เทียมทานได้ทีเดียว

ต่อให้เขาไร้ซึ่งอิทธิพลคับฟ้าให้พึ่งพิง แต่ก็ไม่ใช่คนที่พวกเขาจะไปยุ่มย่ามด้วยได้!

ทั้งโถงเงียบกริบ เนิ่นนานต่างมิกล้าเอ่ยคำ!

ชิงอวิ๋นหยาเห็นทุกอย่างแก่สายตา ภายในใจก็เหิมฮึกไม่รู้จบ อะไรที่เรียกว่าผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง

ก็นี่อย่างไร!

บุคคลเช่นนี้แบกผืนฟ้าทะยานผ่านเมฆา สยายปีกโผบินด้วยกำลังของตน!

ในทางกลับกัน เหล่าผู้ปรีชาสามารถแต่ละเผ่าที่เรียกกันในที่นี้ ก็ไม่พ้นเป็นแค่มดตามพื้น ได้แต่แหงนมองและยำเกรงเท่านั้น

เสียงฝีเท้าระลอกหนึ่งดังก้องขึ้นนอกโถงใหญ่ ยิ่งฟังดูเด่นชัดเป็นพิเศษท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัด ณ ที่แห่งนี้

“หืม? เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

พลันเห็นชายหนุ่มรูปร่างกำยำ ล่ำสันดุดันผู้หนึ่งสาวเท้าเข้ามา

เขาสวมเสื้อคลุมสีแดงเลือด โครงร่างหยาบใหญ่ หัวโล้นมันวาว นัยน์ตาคู่นั้นมีแสงยะเยือกว่ายเวียน ทั้งตัวดุจดั่งสัตว์อสูรมิปาน มีกลิ่นอายแห่งความดุร้ายข่มขู่อย่างหนึ่ง

หลันเทียนฉี!

ผู้คนในโถงแววตาทอประกายระยับระลอกหนึ่ง จดจำฐานะของผู้มาใหม่ได้ทันใด

คนผู้นี้เป็นบุคคลที่ร้ายกาจยิ่งกว่าลั่วหยา ความแข็งแกร่งแห่งพลังต่อสู้เพียงพอจะไต่เต้าสู่สิบอันดับแรกของคนรุ่นเยาว์ในน่านสมุทรทะเลใต้!

เช่นเดียวกัน เขาก็เป็นบุคคลระดับบุตรเทพไร้เทียมทานคนหนึ่ง พฤติกรรมเหี้ยมโหดดุร้ายยิ่งยวด มีชื่อเสียงดุร้ายในหมู่คนรุ่นเยาว์

ก่อนหน้านี้ที่เว่ยซางขัดขวางไม่ให้ชิงอวิ๋นหยางออกไป ก็เพื่อรอหลันเทียนฉีมา!

ทุกคนต่างรู้กันหมด ระหว่างหลันเทียนฉีและชิงอวิ๋นหยางมีความเคียดแค้นบางอย่างที่คนนอกไม่รู้ เล่าลือว่าอุบัติขึ้นเพราะสตรีนางหนึ่ง

แต่ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้ในหมู่คนรุ่นเยาว์แห่งน่านสมุทรทะเลใต้ต่างรู้ชัดแจ้ง ว่าขอเพียงถูกหลันเทียนฉีบังเอิญพบเข้า ชิงอวิ๋นหยางจะต้องได้รับความอัปยศและการต่อยตียกหนึ่งเป็นแน่!

ส่วนสาเหตุเป็นรูปธรรม บางทีคงมีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่รู้แก่ใจ

ตอนนี้หลันเทียนฉีมาถึงแล้ว อีกทั้งชิงอวิ๋นหยางก็ยังอยู่ในโถง จะยังเกิดเรื่องคล้ายกับที่ผ่านมาอีกหรือไม่

สายตาของฝูงชนอดมองไปทางเด็กหนุ่มคนนั้นที่อยู่ในโถงไม่ได้ ยามเห็นนัยน์ตาลึกล้ำเย็นยะเยือกคู่นั้นของเขา พวกเขาต่างสั่นเทิ้มไปทั่วกาย ยิ่งเงียบกริบมากขึ้นเรื่อยๆ

นี่ไม่ใช่เวลามาชมเรื่องสนุก!

“เหตุใดถึงไม่มีใครพูด”

หลันเทียนฉีมุ่นคิ้ว สายตากวาดมองทั่วโถงใหญ่ สัมผัสได้ว่าบรรยากาศชักจะทะแม่งๆ

“ไปเถอะ”

หลินสวินคำนวณเวลา ยามนี้ชุมนุมประมูลสมบัติใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว ดังนั้นเขาจึงเรียกชิงอวิ๋นหยางแล้วสาวเท้าเดินออกไปทางด้านนอกโถงใหญ่ทันที

สิ่งนี้ทำให้ผู้คน ณ ที่นั้นต่างนิ่งงัน จะไปทั้งอย่างนี้เลยหรือ

ทันใดนั้นพวกเขาต่างลอบถอนหายใจโล่งอก ไปแล้วก็ดี ถ้าเจ้าหมอนี่ยังสู้ต่อไปอีก กลัวแต่ว่าพวกเขาทั้งหมดคงต้องประสบเภทภัยแล้ว

หลันเทียนฉีเห็นดังนี้สีหน้าพลันขรึมลง ที่ผ่านมาเขาเดินไปที่ไหนล้วนต้องถูกผู้คนทักทายปราศรัยปานดาวล้อมเดือน

ทว่าวันนี้กลับผิดปกติเหลือแสน นับตั้งแต่เดินเข้าสู่โถงใหญ่ ทั้งที่มีคนคุ้นหน้าคุ้นตามากมายขนาดนั้นแท้ๆ แต่กลับเหมือนเป็นใบ้กันหมด ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีใครสนใจเขาเลย!

สิ่งที่ทำให้หลันเทียนฉีไม่อาจทนได้มากที่สุดก็คือ เด็กหนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่งกลับเรียกชิงอวิ๋นหยางคำเดียว แล้วยกเท้าจะจากไป

เขาถูกคนเมินโต้งๆ อย่างไม่ต้องสงสัย!

สิ่งนี้ทำให้นัยน์ตาหลันเทียนฉีฉายประกายดุดันแวบหนึ่ง จากนั้นก็ร้องตะโกน “ชิงอวิ๋นหยาง เจ้าหยุดให้ข้าเดี๋ยวนี้!”

น้ำเสียงดั่งอสนีบาต วิญญาณหลุดขวัญกระเจิง

หากเป็นยามปกติ ชิงอวิ๋นหยางถูกระบุตัวเช่นนี้จะต้องตกใจจนตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้นไม่กล้าขยับแน่

ทว่าคราวนี้หลันเทียนฉีกลับต้องผิดคาดอีกครั้ง ชิงอวิ๋นหยางหมุนกายเดินไปประหนึ่งไม่ได้ยิน ไม่ได้มองเขาแม้แต่ปราดเดียวด้วยซ้ำ

“เจ้า…รนหาที่ตาย!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์