หลินสวินและชิงอวิ๋นหยางอยู่ท่ามกลางฝูงชนพลุกพล่าน
การเคลื่อนไหวของพวกเขาดูเหมือนเชื่องช้า ในความเป็นจริงกลับกำลังทะยานตัวพุ่งออกเกาะโจมเมฆาด้วยความเร็วอันว่องไวยิ่งยวดอยู่
‘เจ้าพวกนั้นถึงจะอวดภูมิไปหน่อย แต่ก็มิได้เลอะเลือน เกรงว่าอีกไม่นานคงจะคาดเดาตัวตนของข้าออกแล้ว ตอนนี้เจ้ากลัวหรือไม่’
หลินสวินรุดหน้าไปพลาง สื่อจิตถามชิงอวิ๋นหยางไปพลาง ‘หากให้พวกเขารู้ว่าเจ้ากับข้ามีความเกี่ยวข้องกัน เช่นนั้นที่ผลที่ตามมาก็ยากจะคาดเดาแล้ว’
‘ไม่กลัว!’
สีหน้าชิงอวิ๋นหยางเยือกเย็น ‘เผ่าตะพาบเขียวของข้าถึงแม้จะเสื่อมถอย ทว่าก็ไม่ใช่คนที่ใครๆ จะมาข่มเหงได้ ยิ่งกว่านั้นตอนนี้ผู้อาวุโสชิงเลี่ยของเผ่าเราได้หวนกลับมาแล้ว มีผู้อาวุโสอย่างอยู่ทั้งคน ใครคิดจะต่อกรพวกเราคงต้องชั่งใจดูสักหน่อย’
เขาสูดลมหายใจลึกหนึ่งเฮือก นัยน์ตาเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น ‘รอหลังกลับเผ่าคราวนี้ก่อนข้าก็จะปิดด่าน ภายในสิบปี จะต้องกลายเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริงให้จงได้!’
ชิงอวิ๋นหยางเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ สภาวะจิตใจของเขาต่างไปจากเมื่อก่อนเป็นที่เรียบร้อย มีความเชื่อมั่นอันแน่วแน่และยืนหยัดเพิ่มขึ้นมา
ดังคำกล่าวที่เรียกว่าผู้แข็งแกร่งมุ่งมั่นพัฒนาตนเอง ด้วยเหตุนี้จึงไม่ย่อท้อ
ครอบครองสภาวะจิตใจเช่นนี้แล้ว เชื่อว่าชิงอวิ๋นหยางจะต้องสู้ฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการบนมรรคาอันแห่งตนได้อย่างแน่นอน
หลินสวินมองทุกอย่างนี้ในสายตา ลอบพยักหน้าอย่างอดไม่ได้ เวลานี้เพิ่งจะกระจ่างแจ้ง ยังไม่ถือว่าสาย
‘ตัวเจ้าล่ะ ไม่กังวลเลยหรือ’
จู่ๆ ชิงอวิ๋นหยางก็ถามขึ้น ควรรู้ว่าหลินสวินในตอนนี้เป็นบุคคลที่ทุกผู้คนในน่านสมุทรทะเลใต้ต่างตามหา หากถูกรู้ถึงตัวตนเข้า เช่นนั้นผลที่ตามมาจะต้องน่ากลัวจนไม่สามารถจินตนาการได้เป็นแน่
‘ถ้าหากเป็นไปด้วยดี วันนี้ข้าก็จะจากไปแล้ว’ หลินสวินแย้มยิ้มไม่ใส่ใจ
‘เจ้าอยู่ที่เผ่าตะพาบเขียวของข้าก็ได้ เชื่อว่ามีผู้อาวุโสชิงเลี่ยคอยคุ้มครอง อย่างน้อยๆ ก็สามารถทำให้เจ้าหลบเลี่ยงเคราะห์สังหารบางประการไปได้’ ชิงอวิ๋นหยางเสนอ
‘ไม่ต้องหรอก’ หลินสวินส่ายหน้า
ระหว่างสนทนา ทั้งสองได้ออกจากเกาะโจมเมฆาเรียบร้อยแล้ว มาถึงหลังกระดองตะพาบเขียวมหึมาตัวนั้นอันเป็นที่ตั้งของผู้แข็งแกร่งเผ่าตะพาบเขียว
“เจ้าคางคก เป็นอย่างไร”
แวบแรกที่เพิ่งมาถึง หลินสวินก็มองเห็นเจ้าคางคกที่รออยู่ตรงนั้นทันที
เจ้าคางคกในวันนี้ติดตามผู้อาวุโสชิงเลี่ยรุดหน้าไปเข้าร่วมการชุมนุมประมูลสมบัติ พวกเขานัดหมายกันตั้งแต่ต้น รอเมื่อซื้อ ‘ยานขนส่งอวกาศ’ ลำนั้นได้แล้วก็จะออกเดินทางทันที ล่องน่านสมุทรทะเลใต้หวนสู่จักรวรรดิจื่อเย่าในบัดดล
กลับเห็นเจ้าคางคกทอดถอนใจทันที มุ่นคิ้วกล่าว “เกิดเหตุสุดวิสัยขึ้น”
อะไรนะ?
หลินสวินหรี่ตา “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
“มารดามันเถอะ พูดถึงแล้วข้าก็อยากฆ่าคน!”
เจ้าคางคกหน้าหดหู่ ยามพูดถึงเรื่องนี้ก็ยังคงโกรธจนเต้นเร่าๆ แหกปากสาปแช่งอยู่ดี
เดิมทีในการชุมนุมประมูลสมบัตินั้น เจ้าคางคกและชิงเลี่ยมุ่งมั่นว่าต้องได้ยานขนส่งอวกาศ ฝืนเสนอราคาสูงลิ่วออกไป เอาชนะคนใหญ่คนโตอื่นๆ ให้ไม่กล้าแข่งขันกับพวกเขา
ใครเลยจะคาดคิด พริบตาสุดท้ายที่ลั่นค้อน กลับมีคนยื่นมือเข้าแทรกกะทันหัน เพิ่มเป็นสองเท่าจากราคาของพวกเจ้าคางคกทั้งอย่างนั้น ประมูลเอายานขนส่งอวกาศลำนั้นไป
เป็ดที่ย่างสุกลอยหายไปต่อหน้าต่อตา ก็ไม่แปลกที่เจ้าคางคกจะโกรธจนเป็นสภาพเช่นนี้
“เดิมทีข้ากับพี่ใหญ่ชิงเลี่ยต่างโกรธกันมาก คิดจะเปิดฉากคนชิงสมบัติ ไปแย่งเอายานขนส่งอวกาศลำนั้นกลับมาให้รู้แล้วรู้รอด”
เจ้าคางคกตื่นเต้นมากอย่างเห็นได้ชัด “ใครจะไปคิด เมื่อการชุมนุมประมูลสมบัติเสร็จสิ้น เจ้าคนผู้นั้นก็หนีจากไปนานแล้ว เจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าสุนัขจิ้งจอกชัดๆ!”
หลินสวินฟังจบก็จนคำพูดไปพักหนึ่ง นี่มันหักมุมสามตลบเลยจริงๆ
“แล้วพี่ใหญ่ชิงเลี่ยเล่า?” หลินสวินถาม
“ถูกพวกคนใหญ่คนโตกลุ่มหนึ่งเรียกตัวไปหารือเรื่องต่างๆ นู่นแล้ว”
เจ้าคางคกตอบอย่างสบายๆ กล่าวถึงตรงนี้เขาพลันหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ตบเข้าที่หน้าผากหนึ่งฉาด กล่าวว่า “ข้าเกือบลืมเรื่องสำคัญไปเลย!”
“เรื่องสำคัญอะไร” หลินสวินขมวดคิ้ว
“เกี่ยวกับเจ้า”
เจ้าคางคกสีหน้าเคร่งขรึม หว่างคิ้วปรากฏแววกังวลขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง กล่าวว่า “การชุมนุมประมูลสมบัติครั้งนี้ถึงจะยิ่งใหญ่เป็นประวัติการณ์ ดึงดูดบุคคลสำคัญมากมายของแต่ละเผ่าให้เข้าร่วมได้ แต่เจ้ารู้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของพวกเขาคืออะไรหรือไม่”
ไม่รอหลินสวินตอบคำถาม เขาก็เอ่ยทันที “เพื่อจัดการเจ้าน่ะสิ!”
หลินสวินใจสั่นไหวอย่างรุนแรง “จัดการข้า?”
“ถูกต้อง ก็ไม่รู้ว่าเจ้าเฒ่าคนไหนสำแดงวิชาลับ คิดคำนวณว่าตอนนี้เจ้ายังไม่ได้ออกไปจากน่านสมุทรทะเลใต้ ดังนั้นบุคคลสำคัญของแต่ละเผ่าล้วนไม่อยู่นิ่ง หลั่งไหลมาเมื่อได้ยินข่าว หมายจะร่วมมือกัน เตรียมพร้อมวางกับดักจับกุมเจ้าไปสังหาร!”
นัยน์ตาดำสนิทของหลินสวินพลุ่งพล่าน จมสู่ความเงียบสงัด
“เจ้าอย่าได้ไม่เชื่อ น่านสมุทรทะเลใต้ในตอนนี้รู้กันเกือบหมดว่าเจ้าชิงศุภโชคอันยิ่งใหญ่ที่สุด รวมถึงมรดกอริยมรรคที่แท้จริงจากแดนลับอสูรมารอริยะไป เจ้าคิดว่าราชันระดับสังสารวัฏพวกนั้นจะหักใจปล่อยเจ้าไปต่อหน้าต่อตารึ”
เห็นหลินสวินไม่เอ่ยคำ เจ้าคางคกกลับเป็นฝ่ายร้อนรนแทน
หลินสวินวางสองมือไพล่หลัง กล่าวทอดถอนใจเบาๆ “ข้าคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ราชันระดับสังสารวัฏผู้ยิ่งใหญ่ ถึงขนาดจะร่วมมือกันเพื่อจัดการผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะแค่คนเดียวอย่างข้า ช่างให้เกียรติข้าจริงๆ”
ก่อนหน้านี้ชนรุ่นเยาว์มากสามารถของแต่ละเผ่าอย่างพวกลั่วหยาก็รวมพลกัน หารือคิดจะต่อกรเขา หลินสวินไม่รู้สึกแปลกใจต่อเรื่องนี้เลย กระทั่งเก็บเอามาใส่ใจด้วยซ้ำ
ทว่าตอนนี้แตกต่างออกไป นี่เป็นถึงการร่วมมือกันของสัตว์ประหลาดเฒ่ากลุ่มหนึ่ง เพ่งเล็งมหาศุภโชคบนตัวเขา ไม่อาจทนปล่อยให้เขารอดชีวิตออกไปจากน่านสมุทรทะเลใต้!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แม้จะเป็นหลินสวิน สภาพจิตใจก็หนักอึ้งขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
สิ่งที่บัดซบที่สุดคือ แม้แต่ยานขนส่งอวกาศก็ถูกคนอื่นชิงตัดหน้าเอาไปก่อน!
‘หรือว่า วางแผนจะบีบให้ข้าข้ามทะเลกลืนวิญญาณไปตรงๆ?’ หลินสวินจมสู่ภวังค์ความคิด
การย้อนกลับนครต้องห้ามจากที่นี่ จำเป็นต้องหกเหินไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ตลอดทางเต็มไปด้วยเคราะห์ภัยธรรมชาติและอันตรายที่ยากหยั่งถึง
หากปราศจากราชันระดับสังสารวัฏคอยนำทาง ต้องเอาชีวิตไม่รอดแน่นอน
เหมือนอย่างตอนแรกที่หลินสวินมาพร้อมกับพวกจ้าวจิ่งเซวียน ต้องขอบคุณผู้เฒ่าเกาหยางผู้นั้นที่เตรียมการไว้พร้อมพรัก ถึงได้แคล้วคลาดอันตรายตลอดทาง ไปถึงนอกแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์โดยสวัสดิภาพ
ทว่าตอนนี้กลับแตกต่างออกไป เหลือแค่หลินสวินกับเจ้าคางคกเพียงสองคน อาศัยแค่ความแข็งแกร่งในตอนนี้ของพวกเขา คิดจะข้ามผ่านทะเลกลืนวิญญาณ นั่นคงไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตายชัดๆ
“ต้องโทษไอ้สารเลวที่ฉกเอายานขนส่งอวกาศของพวกเราไป! อย่าให้ข้ารู้เชียวว่ามันเป็นใคร ข้าจะฆ่ามันทิ้งซะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์