สรุปตอน ตอนที่ 652 – จากเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
ตอน ตอนที่ 652 ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
แต่เวลานี้ทุกคนในโถงกลับประหนึ่งร่วงหล่นสู่ถ้ำน้ำแข็ง ทั่วสรรพางค์ถูกความเย็นเยียบบุกจู่โจม รู้สึกถึงไอสังหารเสียดแทงกระดูก ทำเอาพวกเขาจิตวิญญาณสั่นสะท้าน
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
หลินสวินเวลานี้แม้เงียบสงบไม่พูดจา แต่กลิ่นอายเขากลับประหนึ่งเทพสังหารที่โผล่ออกมาจากภูเขาศพทะเลเลือด น่าหวาดกลัวชวนตระหนก
พวกเขาทั้งหมดต่างรู้ดี รายชื่อฉบับนี้ต้องมีผลกระทบอย่างยิ่งยวด ทำให้หลินสวินแทบไม่อาจควบคุมไอสังหารภายในใจ
ตึง!
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัดตึงเครียดหาใดเปรียบนี้ ในฐานะหัวหน้าตระกูลหลินแห่งแสงอุดร หลินไหวหย่วนถึงกับคุกเข่าลงบนพื้นโขกศีรษะกล่าว “ขอผู้นำตระกูลให้โอกาสสุดท้ายแก่ตระกูลหลินแห่งแสงอุดรของข้า!”
ทุกคนตื่นตระหนก หลินไหวหย่วนคุกเข่าครานี้ประหนึ่งฟ้าถล่มดินทลาย!
ชั่วดีอย่างไรเขาก็เป็นผู้อาวุโส เป็นลุงของหลินสวิน ในนครต้องห้ามถือเป็นคนใหญ่คนโตผู้หนึ่ง แต่ตอนนี้เขากลับคุกเข่าต่อหน้าหลานชายตัวเอง!
หากแพร่งพรายออกไป หลินไหวหย่วนต้องกลายเป็นตัวตลกของผู้อื่น แต่หลินสวินเองก็ต้องติดร่างแหเช่นเดียวกัน
ถึงอย่างไรในฐานะผู้น้อย กลับบีบจนผู้อาวุโสท่านหนึ่งไม่อาจไม่คุกเข่าร้องขอความเมตตา นี่มันเห็นได้ว่าเนรคุณเกินไปแล้ว!
“หัวหน้าตระกูล!”
“หัวหน้าตระกูล! ไม่ได้เด็ดขาดนะขอรับ!”
คนสำคัญของตระกูลหลินแห่งแสงอุดรเหล่านั้นต่างลนลานรีบห้ามปราม แต่หลินไหวหย่วนกลับไม่สนใจ โขกศีรษะกับพื้นนิ่งไม่ไหวติง
แม้แต่พวกพญาแร้ง หลินจงล้วนรู้สึกเกินคาดหมาย การคุกเข่านี้ของหลินไหวหย่วนมีความนัยไม่ธรรมดาเกินไปแล้ว หลินสวินจะรับมืออย่างไร
หลินสวินเงียบไปครู่หนึ่ง ท้ายที่สุดจึงกล่าวราบเรียบ “ข้าสามารถให้โอกาสตระกูลหลินแห่งแสงอุดร แต่ผู้คิดคดวางแผนครั้งนี้ต้องรับโทษมหันต์!”
พูดถึงตรงนี้เขาไม่เหลือบและหลินไหวหย่วนบนพื้นอีกแม้เพียงวูบ นัยน์ตาดำขลับราวอสนี กวาดผ่านใบหน้าคนใหญ่คนโตตระกูลหลินแห่งแสงอุดรพวกนั้นในโถงทีละคน ทำเอาพวกเขาพลันรู้สึกอึดอัด
“ตอนนี้คือเวลาไถ่บาปของพวกเจ้า ผู้สำนึกผิดยอมรับด้วยตนเองจะลงโทษสถานเบา ผู้โง่เขลาดึงดันสังหารไม่ละเว้น!”
หลินสวินเน้นย้ำทีละคำ เสียงกึกก้องสะท้านปฐพี
“ขอบคุณผู้นำตระกูลที่ใจกว้างเมตตา!”
หลินไหวหย่วนที่อยู่บนพื้นรู้ดี นี่คือผลลัพธ์ดีที่สุดซึ่งเขาสามารถไขว่คว้าไว้ได้
เขาลุกขึ้นจากพื้นพลางกล่าว “ผู้นำตระกูล เรื่องนี้แม้มิได้เกิดจากข้า แต่กลับเพราะการวางเฉยของข้าจึงก่อให้เกิดผลอันน่าขมขื่นเช่นวันนี้ ข้าหวังว่าจะสามารถชดเชยด้วยตนเอง”
“ท่านคิดจะชดเชยอย่างไร” หลินสวินถาม
หลินไหวหย่วนกัดฟัน สีหน้าปรากฏความทรหดวูบหนึ่ง “ที่ควรฆ่าก็ฆ่า ที่ควรลงโทษก็ลงโทษ ยอมฆ่าผิดลงโทษผิด ดีกว่าปล่อยให้หลุดรอดไปแม้สักคน!”
“ดี งั้นข้าจะให้โอกาสท่านครั้งหนึ่ง”
หลินสวินจ้องมองหลินไหวหย่วนครู่หนึ่ง ท้ายที่สุดจึงพยักหน้ารับ
แต่เหล่าคนเบื้องบนของตระกูลหลินแห่งแสงอุดรในโถง แต่ละคนต่างราวสูญพ่อสิ้นแม่ นิ่งอึ้งโดยสมบูรณ์ ให้อย่างไรพวกเขาก็ไม่อาจคาดการณ์ได้ว่า ท้ายที่สุดคนที่ยกดาบสังหารจะเป็นหลินไหวหย่วน…
…
สองชั่วยามหลังจากหลินสวินกลับมายังภูเขาชำระจิต
ในตระกูลหลินแห่งแสงอุดร ผู้ดููและอาวุโสสี่คนถูกลอบสำเร็จโทษ ผู้อาวุโสในตระกูลสิบสามคนถูกเพิกถอนตำแหน่งหน้าที่ทั้งหมด กักขังไว้ในเขตหวงห้ามในภูเขาชำระจิต ให้ปิดด่านคิดทบทวน
ยังมีเก้าผู้ดูแลต่างสกุล เจ็ดผู้ดูแลอาวุโสต่างสกุล ลูกหลานตระกูลสิบเก้าคน ผู้คุ้มกันอารักขาตระกูลหกสิบสามคน… ล้วนประสบบทลงโทษระดับต่างกันไป
ครั้งนี้ดูเหมือนเพื่อแสดงออกถึงท่าทีของตน และเพื่อเรียกความเห็นอกเห็นใจของหลินสวินคืนมา หลินไหวหย่วนจึงลงมือกวาดล้างดุจอสนีบาต ฆ่าสังหารเด็ดขาด ใช้วิธีแข็งกร้าวที่อำมหิตและรวดเร็วรุนแรง
เมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้น ชั่วขณะหลินไหวหย่วนประหนึ่งสูญเสียกำลังทั้งหมด ทรุดลงบนเก้าอี้ สีหน้ามืดมนและผิดหวัง
ผ่านการสะสางบัญชีครานี้ พูดได้ว่าพวกเขาตระกูลหลินแห่งแสงอุดรบาดเจ็บสาหัส กล้ามเนื้อทลายกระดูกเคลื่อน คิดอยากฟื้นคืนกลับมาเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ในเวลาอันสั้น
แต่นี่คือผลลัพธ์ซึ่งดีที่สุดแล้ว!
อย่างน้อยที่สุด ตระกูลหลินแห่งแสงอุดรยังมีต้นกล้ารุ่นเยาว์มากมาย ขอแค่พวกเขายังอยู่ จากนี้ก็มีหวังที่จะเติบใหญ่เข้มแข็งใหม่อีกครั้ง
แต่หากครานี้ให้หลินสวินลงมือ…
ผลลัพธ์นั้นมิกล้าจะจินตนา!
“หลินเหวินจิ้งเอ๋ยหลินเหวินจิ้ง เจ้าน่ะให้กำเนิดบุตรชายที่ดีคนหนึ่งจริงๆ… ตระกูลหลินมีผู้สืบทอดเช่นนี้นำพา หลังจากนี้คิดอยากฟื้นคืนเกียรติยศเมื่อห้าร้อยปีก่อน ก้าวเข้าสู่อันดับตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงใหม่อีกครั้ง บางทีอาจไม่ใช่เป็นไปไม่ได้…”
หลินไหวหย่วนพึมพำ หว่างคิ้วปรากฏความอ่อนเพลียและทอดถอนใจสุดซึ้งวูบหนึ่ง
“หัวหน้าตระกูลขอรับ!”
เวลานี้ผู้คุ้มกันคนหนึ่งเดินเข้ามา และนำสารลับออกมาฉบับหนึ่ง กล่าวว่ามีคนเพิ่งส่งมาถึง ระบุว่ามอบแก่หลินไหวถัง
หลินไหวหยวนมุมปากกระตุกเล็กน้อย ในใจพรั่งพรูความเจ็บปวดรวดร้าวยากจะเอ่ยวูบหนึ่ง
หลินไหวถังเป็นถึงน้องชายแท้ๆ ของเขา ถูกอินทรีแดงตัวหนึ่งข้างกายหลินสวินสังหารไปนานแล้ว!
“ไม่ถูกสิ!”
ขณะรับสารลับและกำลังเปิดออก หลินไหวหย่วนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย คล้ายตระหนักถึงอะไรได้ ท้ายที่สุดจึงเก็บสารลับอย่างระมัดระวัง
จากนั้นเขาผุดลุกขึ้นและจากไปอย่างรีบเร่ง มุ่งสู่ตำหนักชำระจิต
…
“ก็ประมาณนี้แหละนะ”
ในโถงใหญ่บนตำหนักชำระจิตเวลานี้ หลินสวินเล่าประสบการณ์บางส่วนของตนในส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณออกมาอย่างกระชับ
ทว่าแม้เขาพูดอย่างเรียบง่าย แต่เมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมดนี้พวกเสี่ยวเคอ หลินจง พญาแร้งยังคงตื่นตระหนกอยู่ตรงนั้น เนิ่นนานไม่อาจนิ่งสงบได้
ในแดนลับอสูรมารอริยะ เขาเคลื่อนกวาดสังหารเหล่าวีรชนแต่ละเผ่า ฆ่าจนบุตรเทพทั้งมวลไม่กล้าหันปลายกระบี่เข้าใส่!
เขากลายเป็นคนพิการที่ได้แต่นั่งบนรถเข็น ได้แต่ใช้ชีวิตไปวันๆ ปลอบประโลมตนเองผ่านวันเวลา เดิมคิดว่าชาตินี้คงถูกผูกมัดจมดิ่งอยู่เช่นนี้ ใครเล่าจะคาดคิด หลินสวินกลับนำ ‘ชีวิตใหม่’ มอบให้แก่เขา!
สำหรับพญาแร้ง ดอกหลอมวิญญาณสมุทรต้นหนึ่งเปรียบได้กับการให้ชีวิตใหม่กับเขาอย่างแท้จริง เป็นการมอบชีวิตที่สามารถบุกตะลุยมหามรรคครั้งที่สองแก่เขา!
“ราชาปฏิบัติต่อข้าดุจเสาหลักบ้านเมือง ข้าก็จะเป็นเสนาเสาหลักบ้านเมืองตอบแทน!”
พญาแร้งปิดด่านแล้ว นี่คือคำพูดประโยคหนึ่งที่เขาทิ้งไว้ก่อนจากไป ในความเคร่งขรึมจริงจังและนิ่งสงบแฝงความเด็ดเดี่ยวประการหนึ่ง
“หลินสวิน ขอบคุณเจ้ามาก” เสี่ยวเคอก็ตื่นเต้นหาใดเปรียบ พญาแร้งเสมือนดั่งบิดานาง นางรู้ดีว่าหลายปีนี้พญาแร้งผ่านความยากลำบากมามาก และหลินสวินสามารถมอบความหวังในการฝึกปราณใหม่อีกครั้งแก่พญาแร้ง มีหรือจะไม่ทำให้เสี่ยวเคอปิติยินดีและตื้นตันใจ
“ครูฝึก นี่คือสิ่งที่ตระเตรียมไว้แก่ท่าน”
หลินสวินหยิบกล่องหยกอีกใบออกมาเช่นเดียวกัน ภายในผนึกดาบหยกมรกตเล่มหนึ่ง เป็นสมบัติโบราณทรงอานุภาพชิ้นหนึ่งจากมือบุตรเทพเผ่ากวางหยก
ขณะเดียวกันหลินสวินยังเตรียมของขวัญสำหรับหลินจง จูเหล่าซาน และซย่าจื้อแยกกันด้วย ล้วนแต่เป็นทรัพย์หลังศึกที่เขาตักตวงกลับมาจากส่วนลึกทะเลกลืนวิญญาณ แต่ละชิ้นต่างเป็นของล้ำค่าที่หลินสวินคัดสรรเลือกเฟ้น มูลค่ามหาศาลไม่อาจประเมิน
“จริงสิ ทำไมซย่าจื้อถึงปิดด่านอีกแล้ว” หลินสวินกล่าวถาม
“หนึ่งเดือนก่อน คุณหนูซย่าจื้อจู่ๆ ก็กล่าวว่านางจะปิดด่าน หลังจากนั้นก็เสมือนหลับใหลไป กระทั่งถึงตอนนี้ยังไม่ตื่นขึ้นมาขอรับ” หลินจงกล่าวอธิบาย
หลินสวินใคร่ครวญครู่หนึ่ง ชั่วขณะก็เข้าใจ ซย่าจื้อได้เริ่ม ‘จุติกำเนิดใหม่’ ครั้งที่สองแล้ว
ที่นางฝึกคือ ‘คัมภีร์จุตินพชาติ’ นี่เป็นวิชายุทธ์ซึ่งมีที่มาเร้นลับและน่าหวาดกลัว ดับสูญครั้งหนึ่งเสมือนตัดรากมรรควิถีทั้งปวงในอดีต ให้สิ่งนี้วิวัฒน์เป็นพลังแฝงอันยิ่งใหญ่ในร่างตัวเอง และเริ่มฝึกปราณใหม่ตั้งแต่ต้น
นี่ก็เหมือนการฝึกปราณข้ามชาติภพ อัศจรรย์และไม่อาจจินตนาการ
‘ก็ไม่รู้ว่านางจุติกำเนิดใหม่ครั้งที่สองนี้ จะละทิ้งความทรงจำทั้งหมดอีกหรือไม่…’ หลินสวินผุดลุกขึ้น คิดจะไปดูซย่าจื้อ
บนโลกนี้คนที่สามารถทำให้หลินสวินระลึกถึงนั้นมีไม่มาก แต่ซย่าจื้อคือคนหนึ่งซึ่งสำคัญที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อนึกถึงว่าแต่ละครั้งที่นางจุติจะตัดทิ้งซึ่งอดีต เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ในใจหลินสวินก็กังวลอยู่บ้าง ไม่อาจสงบใจได้
แต่ยังไม่รอให้หลินสวินจากไป หลินไหวหย่วนก็รีบเร่งเข้ามา นำสารลับฉบับหนึ่งซึ่งยังไม่เปิดผนึกส่งมอบแก่หลินสวิน
หลินสวินรับมาดูในมือ นัยน์ตาดำขลับพลันฉายแววไอสังหารทันที
เนื้อความสารลับเรียบง่ายยิ่ง หัวหน้าสามตระกูลรอง ธารประจิม คานเมฆา ยอดวายุร่วมกันส่งเทียบเชิญ ให้หลินไหวถังไปเยือนตระกูลหลินแห่งธารประจิมในวันนี้ยามสายัณห์ เพื่อปรึกษาหารือเรื่องการครอบครองภูเขาชำระจิตด้วยกัน!
เห็นชัดว่าพวกเขาล้วนคิดว่าวันนี้หลินไหวถังต้องเคลื่อนไหว ทำการชิงอำนาจ ‘บีบให้สละบัลลังก์’ ได้สำเร็จเป็นแน่ ดังนั้นค่ำนี้จึงเตรียมหารือและวางแผน ว่าต่อจากนี้จะครอบครองภูเขาชำระจิตร่วมกันอย่างไร
ที่น่าเสียดายคือ พวกเขาต่างไม่รู้ว่าหลินสวินกลับมาแล้ว และหลินไหวถังไม่มีโอกาสรับเทียบเชิญฉบับนี้นานแล้ว…
“เดิมทียังคิดหลีกทางให้พวกเจ้าดิ้นรนสักสองวัน แต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คืนนี้ก็สะสางมันซะให้จบเถอะ!”
ฟึ่บ!
สารลับมอดไหม้ในมือหลินสวิน กลายเป็นเถ้าถ่านละลิ่วพลิ้วลอย
………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์