ทรัพย์หลังศึกในนั้น มีทั้งฟันของคนจากสายคนเถื่อนทองคำ ดวงตาของสายคนเถื่อนวารี ผิวหนังบริเวณหน้าอกของสายคนเถื่อนอัคคี ไหล่ของสายคนเถื่อนพสุธา…
ชิ้นส่วนเหล่านี้มีความพิเศษอย่างมาก เป็นตำแหน่งที่มีลายสัญลักษณ์ของพวกเขา
สำหรับผู้แข็งแกร่งเผ่าพ่อมดเถื่อน ลายสัญลักษณ์เป็นตำแหน่งของแก่นพลัง ก็เหมือนกับแหล่งกำเนิดมรรควิถีของผู้ฝึกปราณ
มีเพียงชิ้นส่วนเหล่านี้เท่านั้น ซึ่งจะสามารถกำหนดความใหญ่เล็กของคุณูปการทางทหารได้
……
เวลาหนึ่งเค่อหลังจากนั้น
หลินสวินถูกกลุ่มผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนซุ่มโจมตี
นี่เป็นกองทหารเล็กๆ ล้วนเป็นพ่อมดเถื่อนระดับจอมพลัง ไม่สามารถคุกคามหลินสวินได้สักนิด
หากบอกว่าเป็นการซุ่มโจมตี ไม่สู้เรียกว่าหลินสวินจงใจพุ่งเข้าไปเองจะดีกว่า
การฆ่าฟันจบลงในชั่วพริบตา เลือดและซากศพบนพื้นดินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และในห่อสัมภาระของหลินสวินก็มีคุณูปการทางทหารที่อาบเลือดเพิ่มขึ้นชิ้นแล้วชิ้นเล่า
หลายชั่วยามหลังจากนั้น หลินสวินเจอกับศัตรูอีกสิบกว่ากลุ่ม ทั้งจากการเป็นฝ่ายจู่โจมก่อนและถูกโจมตี
ไม่ถึงกับเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด เพราะยังไม่เคยปรากฏคู่ต่อสู้ที่สามารถคุกคามหลินสวินได้ จึงถูกเขากวาดล้างอย่างง่ายดายทั้งหมด ไม่มีเหลือรอด
ทรัพย์หลังศึกในห่อสัมภาระมากขึ้นเรื่อยๆ กองเป็นภูเขาเล็กๆ แต่สภาพจิตใจของหลินสวินกลับหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ
เขาตระหนักได้ว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีแล้ว
เขาอยู่ระหว่างทางไปค่ายจักรวรรดิ แต่สิ่งที่พบเจอระหว่างทางแทบจะเป็นร่องรอยของศัตรูทั้งหมด แม้จะเห็นเงาร่างของผู้ฝึกปราณจักรวรรดิ แต่ล้วนเป็นศพหลังจากถูกฆ่าทั้งสิ้น
นี่หมายความว่าในสมรภูมิกระหายเลือด สถานการณ์ของค่ายจักรวรรดิไม่สู้ดีนัก!
‘จิ้งจอกเฒ่าคนนั้นกล่าวว่า สมรภูมิกระหายเลือดแห่งนี้เป็นแนวป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดในการคุ้มกันจักรวรรดิ หากแนวป้องกันนี้ยังถูกคุกคาม…’
หลินสวินส่ายหน้า ไม่อยากคิดอะไรมากไปกว่านี้
เขายังไม่รู้สถานการณ์ ไม่สามารถคาดเดาเองได้ แต่สิ่งที่เห็นและได้ยินระหว่างทางทำให้เขาตระหนักได้ว่า ในสงครามอันโหดเหี้ยมนองเลือดนี้ สถานการณ์ของผู้ฝึกปราณจักรวรรดิคงไม่ดีนัก
หลินสวินตระหนักในตัวเอง รู้ดีว่าด้วยพลังของตัวเอง ตอนนี้ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้ในคราเดียว
สิ่งเดียวที่เขาทำได้ในตอนนี้คือ ถ้าไม่ฆ่าศัตรูให้ได้มากที่สุด ก็ต้องพยายามทำภารกิจของตนให้สำเร็จ หลังจากนั้น…
รอดชีวิตกลับไป!
……
ท้องฟ้ามืดลงเรื่อยๆ มืดครึ้มน่าหดหู่
ลมกระโชกแรงพัดไปทั่วพื้นดินรกร้าง พัดฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว ส่งเสียงครวญครางราวกับเสียงร้องไห้
กลิ่นคาวเลือดและเน่าเสียของศพคละคลุ้งเต็มอากาศไม่เสื่อมคลาย
หลินสวินที่กำลังเคลื่อนตัวไปข้างหน้าชะงักฝีเท้ากะทันหัน ร่างกายแวบไปปรากฏอยู่ในร่องน้ำตื้นแห่งหนึ่ง
ในระยะที่ไกลออกไปไม่มากนักมีเงาที่แทบมองไม่เห็น ไม่มีลมหายใจ พิงกับหินที่อยู่ข้างๆ ราวกับเป็นเงาสะท้อนของหินที่เห็นได้ปกติ
แต่หลินสวินกลับหรี่ตาลงอย่างกะทันหัน ในยามนั้นร่างกายประหนึ่งคันธนูที่ถูกง้างจนสุด ขับเคลื่อนพลังทั่วทั้งร่างอย่างเต็มกำลัง
ฟิ้ว!
เขาหยิบธนูวิญญาณไร้แก่นสารออกมาอย่างไม่ลังเล ดึงสายธนูสีแดงราวกับเลือด ลูกศรที่ราวกับสายฟ้าพุ่งฉีกอากาศ ยิงไปยังเงาซึ่งอยู่ห่างออกไปนั้นเงียบๆ
ปัง!
หินนั่นแตกกระจายทันที พื้นดินถูกยิงเป็นหลุมลึกจนไม่เห็นก้น เพียงแต่เงานั่นกลับกะพริบไหวแปลกประหลาด และหายไปอย่างไร้ร่องรอย
นัยน์ตาเย็นเยียบของหลินสวินราวกับสายฟ้า ดึงธนูวิญญาณไร้แก่นสารจนสุด แล้วยิงลูกศรดุจห่าฝนไปในตำแหน่งที่แตกต่างกันอย่างต่อเนื่อง
ชั่วขณะหนึ่งพื้นที่แห่งนี้พลันมีเสียงระเบิดเสียดหูดังขึ้น พื้นดินถูกเจาะเป็นรอยแตก ก้อนหินถูกทะลวงจนแหลกละเอียดเป็นฝุ่นผง อากาศถูกฉีกขาดเป็นร่องแหวก
หากผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ อยู่ที่นี่คงจะงุนงง คิดว่าหลินสวินยิงอย่างไม่มีจุดหมาย เพราะตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่เห็นร่องรอยของศัตรูเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์