ห้องของหลินสวิน อาปี้นั่งยองอยู่กับพื้น สุราขวดแล้วขวดเล่าถูกนางดื่มจนหมด น้ำตาร่วงหล่นจากใบหน้าอย่างหยุดไม่อยู่
นับจากหลินสวินบอกข่าวการตายของหูทงแก่นาง นางก็เป็นเช่นนี้มาตลอด คล้ายสูญเสียจิตวิญญาณ เห็นได้ว่าหมดหนทางยิ่งนัก
หลินสวินนั่งมองอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ จิตใจออกจะสับสนอยู่บ้าง
หูทงตายแล้ว
ร่างไร้วิญญาณถูกค้นพบกลางสนามรบ กระจัดกระจายน่าอนาถ ดวงตา จมูก หัวใจ… ทุกส่วนแทบถูกศัตรูชิงเอาไปเป็นทรัพย์หลังศึก ตายอย่างอเนจอนาถหลือเกิน
เมื่อวานยามหลินสวินเจอศพของหูทง ล้วนแทบไม่กล้าเชื่อสายตาตนเอง
ยอดบุคคลระดับกระบวนแปรจุติผู้หนึ่ง ผู้แข็งแกร่งรุ่นอาวุโสที่ควบทะยานบนสมรภูมิกระหายเลือดนานเจ็ดปีคนหนึ่ง กลับตายลงเช่นนี้…
หลินสวินนึกถึงช่วงเวลาที่สังสรรค์ร่ำสุรากับหูทงเมื่อหลายวันก่อน ริมหูราวยินเสียงหัวเราะเบิกบานผ่าเผยของหูทงดังขึ้นอีกครา
ท้ายที่สุดอาปี้ก็เมามายนอนลงบนพื้น ริมฝีปากพร่ำวาจาคลุมเครือไม่ชัดเจนบางอย่าง ถึงแม้นัยน์ตานางจะปิดสนิท แต่ยังคงมีหยาดน้ำตาร่วงริน
หลินสวินอุ้มนางขึ้นวางบนเตียง ตัวเขากลับนั่งเหม่อลอยอยู่อีกฝั่ง
ล้มหายตายจาก คือเรื่องราวอันเจ็บปวดที่สุดบนโลกโดยไม่ต้องสงสัย
และหลายปีนี้ที่อาปี้อยู่ในสมรภูมิกระหายเลือด เคยประสบการพรากจากเช่นวันนี้มากี่ครา
เมื่อข่าวการตายของสหาย เพื่อนร่วมรบ พวกพ้องปรากฏครั้งแล้วครั้งเล่า การโจมตีและความโศกเศร้าเช่นนี้ ใครเล่าจะสามารถแบกรับไหว
หลินสวินนึกถึงครั้งแรกที่เจออาปี้ ในราตรีนั้นนางกำลังคุกเข่าร่ำไห้เสียงเบาอยู่บนพื้นอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย
‘สมรภูมิกระหายเลือด… สิ่งที่โหดร้ายที่สุดบางทีอาจไม่ใช่การสู้รบ แต่เป็นการจู่โจมและความเศร้าโศกที่ความตายนำพามา…’
‘รสชาติของมัน บางทีคงมีเพียงบนสมรภูมิกระหายเลือดจึงสามารถเข้าใจอย่างลึกซึ้ง’
ความคิดหลินสวินฟุ้งซ่าน นานพอควรจึงสูดหายใจลึก นัยน์ตาดำขลับฉายแววเด็ดเดี่ยววูบหนึ่ง ‘สักวันหนึ่ง ทั้งหมดนี้จะต้องเปลี่ยนแปลงไป…’
‘สุดท้ายศัตรูต้องถูกกำจัดจนสูญสิ้น ดอกจื่อเย่าจะไม่พ่ายชั่วกาลนาน!’
หลินสวินพลันตระหนักได้ บางทีที่จ้าวไท่ไหลส่งตนมายังสมรภูมิกระหายเลือด ก็เพื่อให้ตนประสบทุกอย่างนี้ด้วยตัวเอง
…
วันเวลาต่อมา บรรยากาศในสมรภูมิกระหายเลือดเปลี่ยนเป็นตึงเครียด กองทัพใหญ่ของเผ่าพ่อมดเถื่อนออกเคลื่อนพลไม่หยุดหย่อน แผดคำรามกึกก้องสมรภูมิ กลายเป็นกระฉับกระเฉงและกระหายสงครามยิ่งกว่าก่อน
ทางด้านจักรวรรดิกลับกระชับแนวป้องกัน เปลี่ยนรุกเป็นรับ
ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ สถานการณ์ก็ยังไม่อาจมองในแง่ดี
ผู้ฝึกปราณแห่งจักรวรรดิต่างรู้ชัด เสบียงวัตถุดิบที่เหลืออยู่ของพวกเขามีไม่มาก ฝืนยืนหยัดได้แค่ถึงการเปิดช่องทางสู่จักรวรรดิครั้งต่อไป
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ไม่สามารถเปิดศึกใหญ่กับศัตรูได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นทันทีที่ขาดแคลนเสบียงวัตถุ ไม่ต้องรอศัตรูบุกสังหาร ค่ายทัพจักรวรรดิคงตกอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายภายใน และล่มสลายลงเอง
และเผ่าพ่อมดเถื่อนเล็งเห็นโอกาสนี้อย่างแม่นยำ เริ่มบุกจู่โจมไม่หยุด เคลื่อนทัพใหญ่อย่างกำเริบเสิบสาน หมายโจมตีค่ายจักรวรรดิอย่างหนักหน่วงหาใดเปรียบ
สถานการณ์รุนแรงยิ่ง!
แม้แต่หลินสวินยังตระหนักถึงจุดนี้อย่างสุดซึ้ง
เมื่อใดที่ค่ายหมายเลขเจ็ดส่งผู้ฝึกปราณแห่งจักรวรรดิออกไปกรำศึก จำนวนการบาดเจ็บล้มตายเห็นชัดว่าเพิ่มสูงลิ่ว เงาแห่งความตายราวหมอกควัน ปกคลุมจิตใจผู้ฝึกปราณแห่งจักรวรรดิทุกคน
บรรยากาศภายในค่ายนับวันจะเปลี่ยนเป็นอึมครึมและกดดันขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีความครึกครื้นดังเก่าก่อน ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยความหนาบเหน็บและตึงเครียด
…
วันนี้
ณ สมรภูมิกระหายเลือด เทือกเขาหิมะเงิน
“ฆ่า!”
กองทัพพ่อมดเถื่อนขนาดมากกว่าพันคนขบวนหนึ่งเพิ่งข้ามผ่านเทือกเขาหิมะเงิน เงาร่างปราดเปรียวหนึ่งพลันทะยานออกมา กระชับกระบี่คมเล่มหนึ่งมุ่งสังหารโดยตรง
กองทัพพ่อมดเถื่อนตื่นตระหนกในหะแรก แต่ไม่ทันไรก็หัวเราะยกใหญ่
พวกเขาแต่ละคนเผยสีหน้าเหี้ยมเกรียมปรามาส ผู้ฝึกปราณหญิงคนหนึ่งของจักรวรรดิถึงกับทะเล่อทะล่ากระโดดออกมา นี่มันซุ่มโจมตีที่ไหนกัน เห็นชัดว่ารนหาที่ตาย!
สถานการณ์นี้เห็นได้ว่าไร้สาระสิ้นดี คนผู้หนึ่งเผชิญหน้ากองทัพพ่อมดเถื่อนมือฉมังนับพัน ช่างไร้ค่าและสุดจะทานทนเหลือเกิน
แต่นางคล้ายไม่หวาดหวั่น มุ่งหน้าประจัญบาน เงาร่างปราดเปรียวราวสายลมดุดัน พุ่งไปเบื้องหน้าอย่างอาจหาญ!
ผมสีข้าวฟ่างทั้งศีรษะนางกำลังพลิ้วไหวกลางสายลม กระบี่คมในมือแฝงไอสังหารคมกริบ ดั่งผู้กล้าโดดเดี่ยวยินยอมพลีชีพ แม้มีคนนับหมื่นเข้าขัดขวาง
คนผู้นี้ที่แท้เป็นอาปี้!
ฉัวะ! ฉัวะ!
ทันทีที่ประจัญบานก็มีผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนสองคนถูกฟันสังหารในบัดดล โลหิตแดงสดสาดกระเซ็น กระทั่งก่อนตายพวกเขายังมึนงงคล้ายไม่กล้าเชื่อ ว่าหญิงสาวนางหนึ่งเช่นนี้ดันกล้าสู้ตายไม่คิดชีวิตกับทัพของพวกเขาจริงๆ
ศัตรูลนลานอยู่บ้าง จากนั้นต่างบันดาลโทสะแผดเสียงตะโกนลั่น ล้อมอาปี้ดั่งกระแสน้ำ หมายกำจัดให้สิ้นซาก
อาปี้สีหน้าไม่หวาดกลัว ใบหน้างดงามนิ่งสงบแทบจะไร้ความรู้สึก มีเพียงในนัยน์ตากระจ่างที่ไฟแค้นโหมกระหน่ำดั่งเพลิงอัคคี
ฆ่า!
นางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันบุกโจมตีอย่างไร้เกรงกลัว คล้ายลืมสิ้นความเป็นตาย โยนทุกอย่างทิ้งไว้เบื้องหลัง คิดแค่สังหารศัตรูให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
เมื่อคนคนหนึ่งไม่สนใจความเป็นตายอีก หากไม่ถูกบีบบังคับถึงขีดสุดก็ต้องเป็นถอยจนไม่อาจถอยแล้ว
แต่อาปี้กลับต่างออกไป นางคิดแค่ฆ่าศัตรู!
เพื่อนร่วมรบ สหาย พวกพ้องในวันวานต่างทยอยตายจากไป นี่ทำให้นางแทบพังทลาย ในใจถูกความโศกเศร้าและคับแค้นไร้สิ้นสุดเข้าครอบงำ
หากมีชีวิตอยู่ต่อเช่นนี้ มิสู้สังหารศัตรูจนตัวตาย!
ฆ่า!
โลหิตแดงสดสาดกระจาย เสียงคำรามดุดันของศัตรูดังต่อเนื่องเป็นระลอก เบื้องหน้าเต็มไปด้วยสีแดงก่ำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์