เขายิ้มตาหยีเข้าไปโผกอดหลินสวินอย่างกระตือรือร้น ก่อนยิ้มพูด “ข้าได้ยินแล้ว เจ้าทำผลงานที่สมรภูมิกระหายเลือดได้สวยงามมาก ตาเฒ่าโดดเดี่ยวที่เรือนโอบดารานิทราบุหลันบอกว่า ค่าอาหารที่ติดค้างเกือบจะจ่ายครบแล้ว”
หลินสวินกลอกตา “ข้าคิดว่าท่านมาต้อนรับข้าเสียอีก ไม่เคยคิดว่าสิ่งที่เป็นห่วงคือเงินค่าอาหารที่ติดค้างเอาไว้”
จ้าวไท่ไหลหัวเราะฮ่าๆ “ไป ออกจากที่บ้าๆ นี่ก่อนเถอะ มิฉะนั้นเดี๋ยวเจ้าไปไหนไม่ได้แน่”
หลินสวินพูดอย่างแปลกใจ “เพราะเหตุใด”
จ้าวไท่ไหลพูดสบายๆ “ใครใช้ให้เจ้าสร้างความครึกครื้นที่สมรภูมิกระหายเลือดขนาดนั้น ทำให้พวกตาเฒ่าในกรมทหารจับจ้องเจ้า จะให้เจ้าอยู่ทำงานในกรมทหาร”
หลินสวินเร่งฝีเท้าทันที พูดเป็นเล่น เขาเพิ่งกลับจากสนามรบยังไม่ทันได้กลับบ้านด้วยซ้ำ จะมีกะจิตกะใจอะไรอยู่รั้งกรมทหารของจักรวรรดิต่อได้อย่างไร
“ให้ตายเถอะ ทำไมไม่เห็นหลินสือเอ้อร์แล้ว หลินสือเอ้อร์ล่ะ”
หลินสวินและจ้าวไท่ไหลจากไปไม่นาน เสียงคำรามโฮกฮากก็กึกก้องไปทั่ว
“เหล่าติง เจ้าโวยวายอะไรของเจ้า แม้หาหลินสือเอ้อร์เจอ เจ้าหมอนั่นก็ไม่ไปกับเจ้าหรอก ต้นกล้าชั้นดีอย่างเขา ต้องอยู่ในกองทัพมังกรดำของข้าเท่านั้นจึงจะสามารถเด่นกว่าคนอื่นได้”
“พูดจาเหลวไหลอะไรของเจ้า! กองทัพมังกรดำของเจ้าเนี่ยนะ กองทัพหมาป่าโลหิตของข้าต่างหากที่โดดเด่นท่ามกลางผู้โดดเด่น ถ้าหลินสือเอ้อร์นั่นจะไป ก็ต้องไปกองทัพหมาป่าโลหิตของข้า!”
“พอเถอะๆ พวกเจ้าหยุดทะเลาะกันได้แล้ว กองทัพกุหลาบของข้ายังไม่เอ่ยปากเลย พวกเจ้าจะทะเลาะอะไรกัน มีความหมายอะไร”
ภายในค่ายมีเสียงถกเถียงกันอย่างดุเดือด พลันเห็นเหล่าแม่ทัพจักรวรรดิที่สีหน้าเคร่งขรึม น่าเกรงขามราวกับมหาสมุทรในตอนแรก ตอนนี้กลับเถียงกันไม่หยุด หน้าดำหน้าแดงกันหมดแล้ว
ทหารจักรวรรดิทุกคนต่างตะลึง ความจริงวันนี้เป็นวันต้อนรับทหารคว้าชัยกลับมาจากสมรภูมิกระหายเลือด เดี๋ยวจะมีการจัดงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จ ทว่าเหตุใดตอนนี้ เหล่าแม่ทัพอาวุโสในค่ายกลับทะเลาะกันเพราะหลินสือเอ้อร์
เจ้าหมอนี่มีอะไรแตกต่างงั้นหรือ
ไม่นานก็มีคนเล่าผลงานอันเกริกก้องที่หลินสวินสร้างในสมรภูมิกระหายเลือด ทำให้ทั้งลานเข้าใจทันควัน ฮือฮากันขึ้นมา
นึกในใจว่าไม่แปลกที่เหล่าแม่ทัพอาวุโสจะแย่งชิงตัวหลินสือเอ้อร์คนนั้นอย่างไม่รักษาท่าทีเช่นนี้ ที่แท้นี่เป็นบุคคลร้ายกาจพลิกฟ้า!
หากหลินสวินเห็นภาพนี้ จะต้องแอบรู้สึกโชคดีที่ตามจ้าวไท่ไหลจากไปก่อน มิฉะนั้นด้วยท่าทางเช่นนี้ หากวันนี้เขาไม่ตกลงอยู่ใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพอาวุโสสักคน คงไม่สามารถออกไปได้แม้แต่ก้าวเดียวแน่!
“อ้อ จริงสิ เจ้าหนูหลินสือเอ้อร์คนนี้เป็นใครกันแน่ เหตุใดก่อนเขาไปสมรภูมิกระหายเลือดจึงไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน”
ทันใดนั้นแม่ทัพอาวุโสผมขาวคนหนึ่งถาม
ทุกคนต่างมองหน้ากัน
ครู่หนึ่งจึงมีแม่ทัพวัยกลางคนที่พลังแข็งแกร่งมากคนหนึ่งพูดขึ้น “เมื่อครึ่งปีก่อน จ้าวไท่ไหลเป็นคนส่งเด็กคนนี้ไปที่สมรภูมิกระหายเลือด หากการคาดเดาของข้าไม่ผิด เขา… ก็คือหลินสวิน!”
“หลินสวิน? หรือว่า…”
“ใช่ หลินสวินผู้นำตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิต”
“ที่แท้ก็เป็นเขา!”
ทุกคนเข้าใจทันที ในใจแต่ละคนพลันสั่นไหวขึ้นมา เมื่อครึ่งปีที่แล้ว ชื่อของหลินสวินก็ดังก้องอยู่เหนือฟากฟ้านครต้องห้ามตั้งนานแล้ว เป็นที่รู้จักของคนใต้หล้า
ยามนี้เขากลับสร้างผลงานการรบที่โดดเด่นสะดุดตาขนาดนี้ในสมรภูมิกระหายเลือด นี่ดูน่าตกใจมากเกินไปแล้ว
“คุณชายไร้เทียมทาน อำนาจทั่วนครหลวง เฮ้อ เมื่อก่อนข้ายังไม่เห็นด้วยกับคำยกย่องนี้ แต่ตอนนี้กลับอดอุทานไม่ได้ว่าคนรุ่นหลังช่างน่ายำเกรง!”
แม่ทัพอาวุโสผมขาวคนหนึ่งถอนหายใจเอ่ย ทุกคนในที่นั้นต่างเห็นด้วย
ใช่แล้ว เมื่อก่อนหลินสวินมีชื่อเสียงเพียงในนครต้องห้ามเท่านั้น เป็นชื่อเสียงที่โด่งดังในจักรวรรดิ
แต่ตอนนี้เขาได้แผ่บารมี สร้างชื่อเสียงไปถึงสมรภูมิกระหายเลือด ทำให้เผ่าพ่อมดเถื่อนยังสั่นสะเทือน!
……
“ทีแรกข้าว่าจะดื่มกับเจ้าให้หน่ำใจสักจอก แต่ตอนนี้กลับมีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งต้องบอกเจ้า”
คนทั้งสองออกจากเมืองมหัตหลวง ระหว่างทางกลับไปยังนครต้องห้าม จ้าวไท่ไหลถอนหายใจเบาๆ หว่างคิ้วแฝงความทุกข์อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“เรื่องใดหรือ” หลินสวินถาม
ตอนนี้ทั้งสองนั่งอยู่บนยานสำเภา ห้อเหยียดอยู่ภายใต้ท้องฟ้า
“เมื่อไม่กี่วันก่อน ผู้อาวุโสท่านหนึ่งของสำนักกระบี่เทียมฟ้าแห่งดินแดนรกร้างโบราณ นำผู้สืบทอดกลุ่มหนึ่งมาเยือนจักรวรรดิ!”
ประโยคเดียวทำให้หลินสวินหรี่ตาลงทันที
สำนักกระบี่เทียมฟ้า!
เขาคุ้นเคยกับชื่อนี้มาก เพราะอวิ๋นชิ่งไป๋ศัตรูที่ฆ่าคนตระกูลหลินสายตรงในตอนนั้นก็มาจากสำนักกระบี่เทียมฟ้า
พูดได้ว่า ที่หลินสวินยืนยันจะไปดินแดนรกร้างโบราณ การแก้แค้นให้บิดามารดาและญาติพี่น้องเป็นเหตุผลหนึ่งที่สำคัญที่สุด!
และศัตรูก็คืออวิ๋นชิ่งไป๋!
“พวกเขามาทำอะไร” หลินสวินเงียบไปครู่ค่อยถาม
“ในที่แจ้ง จุดประสงค์ของพวกเขาเรียบง่ายมาก คือมาเพื่อองค์ชายเก้าที่ถูกถอดฐานันดรศักดิ์ จะพาองค์ชายเก้าไปฝึกปราณที่ดินแดนรกร้างโบราณ”
จ้าวไท่ไหลอธิบายอย่างใจเย็น “เจ้าเองก็รู้ว่า ท่านตาขององค์ชายเก้าเป็นผู้อาวุโสที่มีอำนาจอย่างแท้จริงในสำนักกระบี่เทียมฟ้า หลังจากพวกเขาได้ยินสิ่งที่องค์ชายเก้าประสบ แน่นอนว่าย่อมไม่นั่งดูดาย”
หลินสวินพยักหน้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์