Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 744

สรุปบท ตอนที่ 744 รับผิดโดยดี: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 744 รับผิดโดยดี – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 744 รับผิดโดยดี จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 744 รับผิดโดยดี
ปัง! ปัง! ปัง!

ในโถงทองคำ เสียงแตกพังดังขึ้นเป็นระยะ คนในตระกูลกู่เหล่านั้นเริ่มลงมืออย่างหยาบคาย ทุบทำลายของมีค่าอันเลื่องชื่อที่สุดภายในโถงจนป่นปี้

“พวกเจ้าช่างกล้า!”

กู่เหลียงโกรธโดยสิ้นเชิง พุ่งถลาไปเบื้องหน้าด้วยดวงตาปูดโปน

“ถ้าเจ้ากล้าลงมือ ที่นี่จะต้องนองเลือด!”

นัยน์ตากู่ยงเฉียบคม กวาดมองบริเวณที่ห่างออกไปอย่างไม่แยแส ที่ตรงนั้นมีผู้ติดตามและคนรับใช้ของโถงทองคำตกใจจนตัวสั่นงันงกยืนอยู่เป็นกลุ่มก้อน

“พวกเจ้า… พวกเจ้าข่มเหงรังแกกันเกินไปแล้ว!”

กู่เหลียงโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม ดวงตาแดงก่ำ ข้ารับใช้และผู้ติดตามเหล่านั้นต่างเป็นผู้บริสุทธิ์ หากพวกเขาต้องพลอยรับเคราะห์เพราะตน เขาคงยากทำใจให้สงบได้!

ยิ่งเขาเป็นเช่นนี้กู่ยงก็ยิ่งครึ้มใจ กล่าวพลางหัวเราะว่า “จัดการกับเศษสวะกระจ้อยร้อยอย่างเจ้า ยังมีเรื่องที่พวกข้าไม่กล้าทำด้วยหรือ”

คนตระกูลกู่ที่กำลังทุบทำลายโถงทองคำเหล่านั้นก็หัวเราะครืนไม่สิ้น

กู่เกลียงโกรธจนเลือดขึ้นหน้า กล่าวด้วยสีหน้าคล้ำเขียว “ข้าเคยบอกแล้วว่าโถงทองคำแห่งนี้ไม่ใช่แค่ของข้ากับท่านพ่อข้าเท่านั้น พวกเจ้าทำเช่นนี้ ไม่กลัวว่าผู้นำตระกูลหลินจะลงโทษพวกเจ้าหรือ ถึงตอนนั้นกลัวแต่พวกเจ้าตระกูลกู่รวมตัวกันก็ยังแบกรับไม่ไหวด้วยซ้ำ!”

กู่ยงปั้นหน้าขรึมทันที กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ระยำจนป่านนี้แล้ว เจ้ายังเอาตระกูลหลินมาขู่พวกข้าอีก หากผู้นำตระกูลหลินมีความเกี่ยวข้องกับโถงทองคำ เหตุใดหลายวันมานี้ถึงไม่หือไม่อือเลยเล่า”

กู่เหลียงพลันจนคำพูด เพียงแต่สีหน้ายิ่งเหยเกมากขึ้นเรื่อยๆ มองดูร้านที่ตนเพิ่งเปิดหมาดๆ ด้วยความยากลำบากถูกทุบทำลายทิ้งทั้งอย่างนี้ หัวใจของเขาเจ็บแปลบไม่สิ้นสุด จวนเจียนกระอักเลือด

“เจ้าถอดใจเสียเถอะ!”

กู่ยงกล่าวอย่างดูหมิ่นถิ่นแคลน “หากวันนี้ผู้นำตระกูลหลินมาด้วยตัวเอง ให้ข้าคุกเข่าโขกหัวก็ได้ทั้งนั้น แต่เห็นได้ชัดยิ่งว่านี่เป็นไปไม่ได้ นครต้องห้ามในปัจจุบัน ใครบ้างไม่รู้ว่าผู้นำตระกูลหลินเป็นถึงผู้กล้าไร้เทียมทาน ชื่อเสียงน่าเกรงขาม แม้แต่ตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงยังไม่กล้าล่วงเกินง่ายๆ บุคคลโดดเด่นที่ชื่อเสียงโด่งดังทั่วหล้าเช่นนี้ ไหนเลยจะมาข้องเกี่ยวกับโถงทองคำเฮงซวยห่วยแตกของเจ้า”

ไม่กี่วันก่อนเขาก็เคยนำคนในตระกูลมุ่งหน้ามาทำลายสถานที่นี้ แต่กลับถูกกู่เหลียงเอ่ยอ้างความสัมพันธ์กับหลินสวินผู้นำตระกูลหลินจนตกใจ สุดท้ายก็จากไปด้วยความตื่นกลัว

เพียงแต่ไม่นานเขาก็ตระหนักได้ว่า หลินสวินไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลยแม้แต่น้อยเมื่อเห็นโถงทองคำประสบปัญหา

ดังนั้นกู่ยงจึงพลันอับอายจนพาลโกรธ คิดว่าตนติดกับเสียแล้ว ฉะนั้นจึงนำคนในตระกูลยกทัพกลับมาอีกครั้ง

ในตอนแรกเขาเองก็กังวลใจอยู่เล็กน้อย ดังนั้นตอนที่พุ่งเป้าใส่โถงทองคำจึงยั้งไม้ยังมืออยู่บ้าง ไม่กล้าทำเกินเหตุนัก

ทว่าหลังจากเขาหยั่งเชิงอยู่หลายวัน ก็พบว่าตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตยังคงไม่มีการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย สิ่งนี้ทำให้กู่ยงมั่นใจในที่สุดว่าตนนั้นติดกับของกู่เหลียงเข้าให้แล้ว

ไอ้เศษเดนนี่กำลังเขียนเสือให้วัวกลัวอยู่!

ภายใต้ความอับอายจนพาลโกรธ วันนี้กู่ยงมาด้วยไอสังหารท่วมท้น ตัดสินใจมั่นว่าจะไม่ยั้งมืออีกต่อไป จะทำลายโถงทองคำสิ้นซาก ทำให้เจ้าเศษสวะกู่เหลียงหนีอุตลุดออกจากนครต้องห้ามแบบจับเจ่าเศร้าซึม

และก็เพราะมีความคิดเช่นนี้เป็นพื้นฐาน กู่ยงถึงได้กล้าพูดอย่างมั่นใจเต็มพิกัดเช่นนี้ออกมา

เวลานี้เขาถึงขั้นครึ้มใจที่ตนเองมองเห็นธาตุแท้ใน ‘คำโกหก’ ของกู่เหลียง เปิดโปง ‘เจตนาชั่วร้าย’ ของเจ้าเด็กคนนี้

“เจ้าจะต้องเสียใจภายหลัง” ท่าทางของกู่เหลียงซึมกะทือ ในครรลองสายตาเขา โถงทองคำที่แสนวิจิตรงดงามแต่เดิม เวลานี้ถูกทำลายไม่เหลือชิ้นดี ยับเยินป่นปี้ ระเนระนาดเกลื่อนพื้น สิ่งนี้ทำให้หัวใจของเขากระตุกเกร็ง

“เสียใจภายหลัง?”

กู่ยงระเบิดหัวเราะลั่น “ข้ากู่ยงทำการใดยังไม่เคยเสียใจภายหลัง!”

ตุบๆ!

ในเวลานี้เอง ผู้ฝึกปราณตระกูลกู่ที่อออยู่หน้าประตูใหญ่โถงทองคำเป็น ‘กำแพงมนุษย์’ เหล่านั้น กลับเหมือนพบเจอการพุ่งชนของวัวป่าเถื่อนโบราณ แต่ละคนลอยกระเด็นเข้ามาในโถงดุจว่าวที่เชือกขาด กลิ้งหลุนๆ เต็มพื้น

เสียงโหยหวนและคร่ำครวญดังขึ้น

“บังอาจ! ใครแม่งกล้าขัดขวางตระกูลกู่ของข้า”

รอยยิ้มของกู่ยงพลันแข็งทื่อในบัดดล ตะคอกอย่างเดือดดาลขึ้นมา รู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจอยู่บ้าง

“เจ้าบอกว่าขอแค่ข้ามา เจ้าจะคุกเข่าโขกหัว ตอนนี้เจ้าไม่เพียงแต่ไม่คุกเข่า กลับยังกล้าพูดจาหยาบคายกับข้า ช่างใจกล้าเสียจริง”

ที่ตามหลังน้ำเสียงราบเรียบมาคือเด็กหนุ่มหล่อเหล่ารูปร่างสูงโปร่งคนหนึ่ง เดินสาวเท้าเข้ามาในโถงทองคำโดยมีชายชราคนหนึ่งเดินเคียงมา

“เจ้าเป็นใคร”

นัยน์ตากู่ยงหดรัดลงเล็กน้อย สีหน้าท่าทีแคลงใจไม่มั่นคงอยู่บ้าง

ผู้ฝึกปราณตระกูลกู่ที่กำลังทุบทำลายโถงทองคำอยู่ ก็ถูกการเคลื่อนไหวเมื่อสักครู่ทำเอาตกใจเช่นกัน เวลานี้ต่างพากันหยุดการเคลื่อนไหว ทอดสายตามองมา

“เจ้าคุกเข่าลงไปก่อนแล้วค่อยพูดกับข้า”

เด็กหนุ่มคนนั้นย่อมเป็นหลินสวิน เขาชำเลืองมองกู่ยงปราดหนึ่งแล้วคร้านจะใส่ใจอีก มองไปทางกู่เหลียง

“ข้ามาช้าไป” หลินสวินค่อนข้างรู้สึกผิด

กู่เหลียงส่ายหน้า เผยรอยยิ้มจากใจพลางกล่าว “ไม่ถือว่าช้า อย่างน้อยในนครต้องห้าม ในที่สุดพวกเราก็ได้พบกันอีกครั้งแล้ว”

“จะ… เจ้า… เจ้าคือ…”

ยามนี้นัยน์ตากู่ยงเบิกตากว้างสุดแรงเหมือนคาดเดาบางอย่างออก มีท่าทีคล้ายเห็นผีตัวเป็นๆ ตาค้างโดยสิ้นเชิง

ตุบ!

เวลานี้หลินจงเดินมาข้างหน้า ฝ่ามือตบบนตัวกู่ยงเบาๆ ฝ่ายหลังก็คุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังตุบ กระดูกเข่าทั้งสองข้างพลันแตกละเอียด ปวดจนแก้มเขาบิดเบี้ยวขึ้นมา สูดลมหายใจเย็นเยียบไม่หยุด

เขาไม่กล้าร้องออกเสียง เนื่องจากตกใจกลัวจนเบลอแล้วจริงๆ เหงื่อเย็นเปียกชุ่มหน้าผาก มีท่าทีตกใจอย่างท่วมท้น

เมื่อคิดถึงตรงนี้กู่ยงแทบอยากตบตัวเองสักฉาด ถึงกับล่วงเกินจนผู้นำตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตคนนี้ปรากฏตัว

เมื่อนึกถึงวีรกรรมป่าเถื่อนที่ ‘คนโหดเหี้ยม’ ผู้นี้เคยทำมาทั้งหมดในนครต้องห้าม กู่ยงถึงขั้นคิดจะตายแล้วด้วยซ้ำ สภาพจิตใจในตอนนี้แทบหาคำมาสาธยายไม่ได้

หวาดกลัว?

ตกใจ?

นึกเสียใจ?

บางทีอาจมีรวมกันทั้งหมด

สรุปแล้วสีหน้าของกู่ยงในตอนนี้ซีดเซียวยิ่งนัก เหมือนบุพการีสิ้นชีพก็ไม่ปาน

“ข้าจำได้ว่าคราวก่อนตอนเราสองคนพบกันที่เมืองหมอกอำพราง ก็แทบจะเป็นภาพคล้ายๆ กันนี้ เหตุใดมาถึงนครต้องห้ามแล้วยังเกิดเรื่องแบบนี้อยู่อีก”

หลินสวินไม่ได้สนใจอย่างอื่น สายตาเพียงมองไปที่กู่เหลียง

“พูดไปแล้วเรื่องมันยาว”

กู่เหลียงถอนหายใจ “เรื่องพวกนี้ อันที่จริงเกี่ยวโยงถึงบุญคุณความแค้นบางอย่างของบิดาข้ากับตระกูลกู่ ล้วนเป็นเรื่องเก่าในอดีตทั้งสิ้น เดิมทีข้านึกว่าข้ากับบิดาอดกลั้นและหลีกถอยเพียงพอแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่าจนป่านนี้ตระกูลกู่ก็ยังไม่คิดหยุดเพียงเท่านี้”

ทั้งสองพูดคุยจิปาถะกันอยู่ข้างๆ มองบุคคลอื่นในที่นั้นราวกับไม่มีตัวตน

ทว่ายิ่งเป็นเช่นนี้ ก็ทำให้กู่ยงและคนตระกูลกู่พวกนั้นยิ่งกลัวลนลานและกระสับกระส่ายขึ้นเรื่อยๆ รสชาติของการรอถูกกำจัด ชีวิตอยู่ในประตูมรณะเช่นนี้ ทำให้พวกเขาแทบล้มทั้งยืน

ส่วนด้านนอกโถงทองคำ กลุ่มคนที่มุงล้อมกลับมากขึ้นเรื่อยๆ ล้วนเป็นผู้ฝึกปราณที่ได้ยินว่าหลินสวินปรากฏกายอยู่ที่นี่แล้วเร่งรุดมาชมเรื่องสนุกกันทั้งนั้น

ช่วยไม่ได้ หลินสวินนิ่งเงียบไม่เคยปรากฏตัวมาครึ่งปีแล้ว การเคลื่อนไหวของผู้กล้าไร้เทียมทานคนหนึ่งเช่นนี้ เดิมก็ได้รับความสนใจมากอยู่แล้ว และตอนนี้เขาถึงกับปรากฏตัวอยู่ภายในร้านค้าที่ไม่มีใครรู้จักแห่งหนึ่ง แค่คิดก็รู้ว่าจะดูดดึงเสียงเกรียวกราวได้มากเพียงใด

“ข้ากู่เทียนจาง นำสมาชิกตระกูลมาขอขมายอมรับผิดแต่โดยดี!”

ไม่นานนักนอกโถงทองคำพลันมีเสียงชราเสียงหนึ่งดังขึ้น

กลุ่มคนที่ล้อมชมเรื่องสนุกอยู่นอกโถงทองคำถูกแหวกออก พลันเห็นชายชราคนหนึ่งนำขบวนชายหญิงมาด้วยความเร่งรีบ ท้ายที่สุดก็หยุดเท้าอยู่นอกโถงทองคำ แล้วพากันโน้มกายคารวะ

ภาพนี้ทำเอาผู้ฝึกปราณมากมายตกตะลึงในบัดดล เพราะพวกเขาจำได้ว่ากู่เทียนจางผู้นั้นเป็นผู้นำคนปัจจุบันของตระกูลกู่!

นี่เป็นถึงเจ้าตระกูลแห่งตระกูลทรงอิทธิพลชั้นกลางผู้หนึ่ง ในสายตาของผู้ฝึกปราณทั่วไป เรียกได้ว่าเป็นคนใหญ่คนโตมากอำนาจโดยสิ้นเชิง

ในขณะเดียวกันเหล่าชายหญิงที่อยู่ข้างกายกู่เทียนจาง ต่างก็เป็นกลุ่มคนชั้นนำของตระกูลกู่ มีทั้งผู้อาวุโสและมีผู้ดูแล ไม่ขาดตกบุคคลชั้นแนวหน้าเลย

ทว่าตอนนี้พวกเขากลับรุดหน้ามาพร้อมกันภายใต้การนำของกู่เทียนจาง ยอมรับผิดอยู่นอกโถงทองคำ ภาพเหตุการณ์ระดับนั้น แค่คิดก็รู้ว่าน่าตกใจมากเพียงใด!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์