ในโถงทองคำ เสียงแตกพังดังขึ้นเป็นระยะ คนในตระกูลกู่เหล่านั้นเริ่มลงมืออย่างหยาบคาย ทุบทำลายของมีค่าอันเลื่องชื่อที่สุดภายในโถงจนป่นปี้
“พวกเจ้าช่างกล้า!”
กู่เหลียงโกรธโดยสิ้นเชิง พุ่งถลาไปเบื้องหน้าด้วยดวงตาปูดโปน
“ถ้าเจ้ากล้าลงมือ ที่นี่จะต้องนองเลือด!”
นัยน์ตากู่ยงเฉียบคม กวาดมองบริเวณที่ห่างออกไปอย่างไม่แยแส ที่ตรงนั้นมีผู้ติดตามและคนรับใช้ของโถงทองคำตกใจจนตัวสั่นงันงกยืนอยู่เป็นกลุ่มก้อน
“พวกเจ้า… พวกเจ้าข่มเหงรังแกกันเกินไปแล้ว!”
กู่เหลียงโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม ดวงตาแดงก่ำ ข้ารับใช้และผู้ติดตามเหล่านั้นต่างเป็นผู้บริสุทธิ์ หากพวกเขาต้องพลอยรับเคราะห์เพราะตน เขาคงยากทำใจให้สงบได้!
ยิ่งเขาเป็นเช่นนี้กู่ยงก็ยิ่งครึ้มใจ กล่าวพลางหัวเราะว่า “จัดการกับเศษสวะกระจ้อยร้อยอย่างเจ้า ยังมีเรื่องที่พวกข้าไม่กล้าทำด้วยหรือ”
คนตระกูลกู่ที่กำลังทุบทำลายโถงทองคำเหล่านั้นก็หัวเราะครืนไม่สิ้น
กู่เกลียงโกรธจนเลือดขึ้นหน้า กล่าวด้วยสีหน้าคล้ำเขียว “ข้าเคยบอกแล้วว่าโถงทองคำแห่งนี้ไม่ใช่แค่ของข้ากับท่านพ่อข้าเท่านั้น พวกเจ้าทำเช่นนี้ ไม่กลัวว่าผู้นำตระกูลหลินจะลงโทษพวกเจ้าหรือ ถึงตอนนั้นกลัวแต่พวกเจ้าตระกูลกู่รวมตัวกันก็ยังแบกรับไม่ไหวด้วยซ้ำ!”
กู่ยงปั้นหน้าขรึมทันที กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ระยำจนป่านนี้แล้ว เจ้ายังเอาตระกูลหลินมาขู่พวกข้าอีก หากผู้นำตระกูลหลินมีความเกี่ยวข้องกับโถงทองคำ เหตุใดหลายวันมานี้ถึงไม่หือไม่อือเลยเล่า”
กู่เหลียงพลันจนคำพูด เพียงแต่สีหน้ายิ่งเหยเกมากขึ้นเรื่อยๆ มองดูร้านที่ตนเพิ่งเปิดหมาดๆ ด้วยความยากลำบากถูกทุบทำลายทิ้งทั้งอย่างนี้ หัวใจของเขาเจ็บแปลบไม่สิ้นสุด จวนเจียนกระอักเลือด
“เจ้าถอดใจเสียเถอะ!”
กู่ยงกล่าวอย่างดูหมิ่นถิ่นแคลน “หากวันนี้ผู้นำตระกูลหลินมาด้วยตัวเอง ให้ข้าคุกเข่าโขกหัวก็ได้ทั้งนั้น แต่เห็นได้ชัดยิ่งว่านี่เป็นไปไม่ได้ นครต้องห้ามในปัจจุบัน ใครบ้างไม่รู้ว่าผู้นำตระกูลหลินเป็นถึงผู้กล้าไร้เทียมทาน ชื่อเสียงน่าเกรงขาม แม้แต่ตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงยังไม่กล้าล่วงเกินง่ายๆ บุคคลโดดเด่นที่ชื่อเสียงโด่งดังทั่วหล้าเช่นนี้ ไหนเลยจะมาข้องเกี่ยวกับโถงทองคำเฮงซวยห่วยแตกของเจ้า”
ไม่กี่วันก่อนเขาก็เคยนำคนในตระกูลมุ่งหน้ามาทำลายสถานที่นี้ แต่กลับถูกกู่เหลียงเอ่ยอ้างความสัมพันธ์กับหลินสวินผู้นำตระกูลหลินจนตกใจ สุดท้ายก็จากไปด้วยความตื่นกลัว
เพียงแต่ไม่นานเขาก็ตระหนักได้ว่า หลินสวินไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลยแม้แต่น้อยเมื่อเห็นโถงทองคำประสบปัญหา
ดังนั้นกู่ยงจึงพลันอับอายจนพาลโกรธ คิดว่าตนติดกับเสียแล้ว ฉะนั้นจึงนำคนในตระกูลยกทัพกลับมาอีกครั้ง
ในตอนแรกเขาเองก็กังวลใจอยู่เล็กน้อย ดังนั้นตอนที่พุ่งเป้าใส่โถงทองคำจึงยั้งไม้ยังมืออยู่บ้าง ไม่กล้าทำเกินเหตุนัก
ทว่าหลังจากเขาหยั่งเชิงอยู่หลายวัน ก็พบว่าตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตยังคงไม่มีการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย สิ่งนี้ทำให้กู่ยงมั่นใจในที่สุดว่าตนนั้นติดกับของกู่เหลียงเข้าให้แล้ว
ไอ้เศษเดนนี่กำลังเขียนเสือให้วัวกลัวอยู่!
ภายใต้ความอับอายจนพาลโกรธ วันนี้กู่ยงมาด้วยไอสังหารท่วมท้น ตัดสินใจมั่นว่าจะไม่ยั้งมืออีกต่อไป จะทำลายโถงทองคำสิ้นซาก ทำให้เจ้าเศษสวะกู่เหลียงหนีอุตลุดออกจากนครต้องห้ามแบบจับเจ่าเศร้าซึม
และก็เพราะมีความคิดเช่นนี้เป็นพื้นฐาน กู่ยงถึงได้กล้าพูดอย่างมั่นใจเต็มพิกัดเช่นนี้ออกมา
เวลานี้เขาถึงขั้นครึ้มใจที่ตนเองมองเห็นธาตุแท้ใน ‘คำโกหก’ ของกู่เหลียง เปิดโปง ‘เจตนาชั่วร้าย’ ของเจ้าเด็กคนนี้
“เจ้าจะต้องเสียใจภายหลัง” ท่าทางของกู่เหลียงซึมกะทือ ในครรลองสายตาเขา โถงทองคำที่แสนวิจิตรงดงามแต่เดิม เวลานี้ถูกทำลายไม่เหลือชิ้นดี ยับเยินป่นปี้ ระเนระนาดเกลื่อนพื้น สิ่งนี้ทำให้หัวใจของเขากระตุกเกร็ง
“เสียใจภายหลัง?”
กู่ยงระเบิดหัวเราะลั่น “ข้ากู่ยงทำการใดยังไม่เคยเสียใจภายหลัง!”
ตุบๆ!
ในเวลานี้เอง ผู้ฝึกปราณตระกูลกู่ที่อออยู่หน้าประตูใหญ่โถงทองคำเป็น ‘กำแพงมนุษย์’ เหล่านั้น กลับเหมือนพบเจอการพุ่งชนของวัวป่าเถื่อนโบราณ แต่ละคนลอยกระเด็นเข้ามาในโถงดุจว่าวที่เชือกขาด กลิ้งหลุนๆ เต็มพื้น
เสียงโหยหวนและคร่ำครวญดังขึ้น
“บังอาจ! ใครแม่งกล้าขัดขวางตระกูลกู่ของข้า”
รอยยิ้มของกู่ยงพลันแข็งทื่อในบัดดล ตะคอกอย่างเดือดดาลขึ้นมา รู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจอยู่บ้าง
“เจ้าบอกว่าขอแค่ข้ามา เจ้าจะคุกเข่าโขกหัว ตอนนี้เจ้าไม่เพียงแต่ไม่คุกเข่า กลับยังกล้าพูดจาหยาบคายกับข้า ช่างใจกล้าเสียจริง”
ที่ตามหลังน้ำเสียงราบเรียบมาคือเด็กหนุ่มหล่อเหล่ารูปร่างสูงโปร่งคนหนึ่ง เดินสาวเท้าเข้ามาในโถงทองคำโดยมีชายชราคนหนึ่งเดินเคียงมา
“เจ้าเป็นใคร”
นัยน์ตากู่ยงหดรัดลงเล็กน้อย สีหน้าท่าทีแคลงใจไม่มั่นคงอยู่บ้าง
ผู้ฝึกปราณตระกูลกู่ที่กำลังทุบทำลายโถงทองคำอยู่ ก็ถูกการเคลื่อนไหวเมื่อสักครู่ทำเอาตกใจเช่นกัน เวลานี้ต่างพากันหยุดการเคลื่อนไหว ทอดสายตามองมา
“เจ้าคุกเข่าลงไปก่อนแล้วค่อยพูดกับข้า”
เด็กหนุ่มคนนั้นย่อมเป็นหลินสวิน เขาชำเลืองมองกู่ยงปราดหนึ่งแล้วคร้านจะใส่ใจอีก มองไปทางกู่เหลียง
“ข้ามาช้าไป” หลินสวินค่อนข้างรู้สึกผิด
กู่เหลียงส่ายหน้า เผยรอยยิ้มจากใจพลางกล่าว “ไม่ถือว่าช้า อย่างน้อยในนครต้องห้าม ในที่สุดพวกเราก็ได้พบกันอีกครั้งแล้ว”
“จะ… เจ้า… เจ้าคือ…”
ยามนี้นัยน์ตากู่ยงเบิกตากว้างสุดแรงเหมือนคาดเดาบางอย่างออก มีท่าทีคล้ายเห็นผีตัวเป็นๆ ตาค้างโดยสิ้นเชิง
ตุบ!
เวลานี้หลินจงเดินมาข้างหน้า ฝ่ามือตบบนตัวกู่ยงเบาๆ ฝ่ายหลังก็คุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังตุบ กระดูกเข่าทั้งสองข้างพลันแตกละเอียด ปวดจนแก้มเขาบิดเบี้ยวขึ้นมา สูดลมหายใจเย็นเยียบไม่หยุด
เขาไม่กล้าร้องออกเสียง เนื่องจากตกใจกลัวจนเบลอแล้วจริงๆ เหงื่อเย็นเปียกชุ่มหน้าผาก มีท่าทีตกใจอย่างท่วมท้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์