แม้ผู้ฝึกปราณที่มุงดูเรื่องสนุกจะมีมาก ทว่าตอนที่มองเห็นคนใหญ่คนโตผู้มีอำนาจล้นฟ้าระดับกู่เทียนจางนำขบวนคนชั้นแนวหน้าตระกูลกู่รุดหน้ามา แสดงท่าทางพินอบพิเทายอมรับผิดโดยดุษณี ใครจะไม่ตกใจบ้าง
เมื่อก่อนข่าวลือที่เกี่ยวกับหลินสวินในนครต้องห้ามมีมากเหลือคณา วีรกรรมในตำนานของเขายังเป็นที่รู้จักแม้แต่ในหมู่สตรีและเด็ก
ทว่าอย่างไรเสียเรื่องพวกนี้ก็เป็นข่าวลือ แต่เมื่อมองเห็นภาพนี้เข้า ในที่สุดคราวนี้ผู้ฝึกปราณในที่นั้นต่างก็ตระหนักว่าอำนาจของหลินสวินแข็งแกร่งเพียงใด!
ผู้เป็นใหญ่แห่งตระกูลทรงอิทธิพลชั้นกลางคนหนึ่งมาขอโทษด้วยตัวเองถึงที่ ยิ่งสะท้อนให้เห็นเลาๆ ว่าอำนาจอิทธิพลในนครต้องห้ามยามนี้ของหลินสวินน่าตกใจเพียงใด
ภายในโถงทองคำ กู่ยงที่คุกเข่าลงบนพื้นทรุดตัวลงโดยสิ้นเชิง แม้แต่ผู้นำตระกูลยังมาทันทีที่ได้ยินข่าว เอ่ยขอโทษด้วยตัวเอง สิ่งนี้ทำให้เขาตระหนักได้ว่าครั้งนี้ประสบหายนะใหญ่หลวงเข้าให้จริงๆ แล้ว!
แม้วันนี้จะสามารถพ้นเคราะห์ไปได้ แต่ต่อจากนี้ในตระกูลกู่ย่อมไม่มีที่ให้ตนยืนอีกต่อไปแล้ว!
เมื่อนึกถึงจุดนี้กู่ยงแทบร้องไห้ออกมา เขาไหนเลยจะคาดคิด เพียงแค่พุ่งเป้าใส่เด็กที่ถูกทอดทิ้งคนหนึ่งในตระกูลเท่านั้น ไฉนถึงได้ดึงเอาบุคคลโหดเหี้ยมที่อำนาจทั่วนครหลวงอย่างผู้นำภูเขาชำระจิตมาด้วยเสียได้
ส่วนคนตระกูลกู่ที่มาพร้อมกับกู่ยง เวลานี้ต่างก็มีท่าทีร้อนรนกันทั้งสิ้น
เมื่อครู่พวกเขายังทำทีอวดเบ่งสำแดงอำนาจ ทุบทำลายโถงทองคำอย่างสามหาว หยิ่งผยองไร้ยางอายอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับห่อเหี่ยวมะเขือถูกน้ำค้างแข็งปกคลุมก็มิปาน
“ผู้นำตัวจริงมาแล้ว เจ้าวางแผนจะจัดการอย่างไร”
หลินสวินเหลือบมองกู่เทียนจางและคนอื่นๆ ที่อยู่นอกโถงทองคำแบบส่งๆ แล้วเคลื่อนสายตามองกู่เหลียง
เวลานี้กู่เหลียงก็อึ้งงันเล็กน้อย เขาเองก็ค่อนข้างตกใจเช่นกัน ตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินไม่ได้พูดมากความอะไรเลยสักนิด และไม่ได้ทำอะไรด้วย แต่ตอนนี้กู่เทียนจางกลับนำขบวนคนชั้นแนวหน้าของตระกูลกู่มาขอโทษด้วยตัวเองถึงที่!
สิ่งนี้ทำให้กู่เหลียงปรับตัวไม่ทันอยู่บ้าง สักพักกว่าจะตระหนักได้ในที่สุด ว่าหลินสวินในตอนนี้แตกต่างจากหลินสวินที่ตนรู้จักอย่างสิ้นเชิงมานานแล้ว
“ข้า…”
กู่เหลียงอ้าปากหมายจะเอ่ยคำ กลับเห็นกู่เทียนจางและคนใหญ่คนโตเบื้องบนที่อยู่นอกโถงล้วนส่งสายตามองมาที่เขากันหมด ในสายตาถึงกับเจือแววขอร้องอยู่รำไร
สิ่งนี้ทำให้กู่เหลียงค่อนข้างสับสนไปพักหนึ่ง
หากพูดกันถึงที่สุดแล้ว เขาก็นับว่าเป็นคนตระกูลกู่เช่นเดียวกัน เพียงแต่ปีนั้นถูกขับไล่ออกจากตระกูลก็เท่านั้น
ที่ผ่านมากู่เทียนจางและคนในตระกูลพวกนี้แม้จะทำให้กู่เหลียงชิงชังหาที่เปรียบมิได้ แต่ก็ไม่อาจไม่ยอมรับว่าพวกเขาแข็งแกร่งมากเกินไป
ทว่าตอนนี้เมื่อมองเห็น ‘พวกคนใหญ่คนโต’ เหล่านี้แต่ละคนกลับใช้ท่าทีวิงวอนมองมาที่ตน การเปลี่ยนแปลงชวนขันระดับนี้ ทำให้กู่เหลียงไม่อยากเชื่อไปชั่วขณะเลยทีเดียว
หลินสวินมองออกถึงความลังเลของกู่เหลียง กล่าวว่า “หากมีความแค้นที่คลี่คลายไม่ออก ก็ให้ข้าช่วยเจ้าจัดการเรื่องนี้เอง…”
ครั้นได้ยินประโยคนี้ หัวใจของพวกกู่เทียนจางที่อยู่นอกโถงพลันรัดแน่นรุนแรง สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ถ้าหากเด็กหนุ่มเทพมารที่โหดเหี้ยมไร้ที่เปรียบอย่างหลินสวินเป็นคนลงมือ เช่นนั้นต่อให้พวกเขาตระกูลกู่เดิมพันทุกสิ่งที่มี กลัวแต่ว่ายังทำอะไรไม่ได้สักกระผีกด้วยซ้ำ!
สิ่งที่ทำให้พวกเขาลอบรู้สึกโชคดีคือ ไม่รอให้หลินสวินพูดจบก็ถูกกู่เหลียงตัดบท “ให้ข้าจัดการเองดีกว่า”
ประโยคเดียวทำให้พวกกู่เทียนจางรู้สึกผ่อนคลายทันที รู้สึกเหมือนปลดพันธนาการก็ไม่ปาน ราวกับจัดการภาระหนักอึ้งได้แล้ว
และในเวลานี้สายตาหลินสวินมองมาทางพวกเขา ถึงแม้สีหน้าจะราบเรียบ แต่กลับทำให้พวกกู่เทียนจางใจสะท้าน ก้มหน้างุดลงตามๆ กัน ถึงกับไม่กล้าสบตาหลินสวิน!
“โถงทองคำแห่งนี้เดิมก็มีส่วนของข้าอยู่ ตอนนี้กลับถูกคนของพวกเจ้าทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะมีคำอธิบายที่ทำให้ข้าพอใจได้” หลินสวินกล่าวเอื่อยๆ
กู่เทียนจางเหงื่อกาฬท่วมศีรษะ รีบร้อนกล่าวว่า “คุณชายหลินโปรดวางใจ เรื่องนี้ตระกูลกู่ของข้าจะต้องชดเชยให้สิบเท่าร้อยเท่าแน่ และจะลงโทษผู้กระทำความผิดอุกฉกาจโดยไม่ผ่อนปรน!”
กล่าวจบ ภายในใจของเขาก็อดกราดเกรี้ยวขึ้นมาไม่ได้ แทบอดรนทนไม่ไหวอยากตบพวกกู่ยงให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ แหย่ใครไม่แหย่ ดันไปแหย่เด็กหนุ่มปีศาจอย่างหลินสวิน!
หรือไม่รู้ว่าสองตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงอย่างตระกูลจั่วและฉินล้วนถูกเด็กหนุ่มปีศาจคนนี้โจมตีจนบอบช้ำเต็มที ท้ายที่สุดก็ต้องจำยอมอย่างเสียไม่ได้
ไม่พูดเรื่องพวกนี้ ลำพังแค่ความโปรดปรานที่จักรพรรดิองค์ปัจจุบันมีต่อเด็กหนุ่มปีศาจคนนี้ ทั่วทั้งนครต้องห้ามแห่งนี้ ใครแม่งยังจะเบื่อชีวิตจนไปแหย่เจ้าเด็กนี่กัน
แต่ทั้งที่เป็นเช่นนั้น…
เจ้าสารเลวพวกนี้ดันไม่มีตา!
เมื่อคิดถึงจุดนี้ กู่เทียนจางก็เกิดอยากฆ่าคนขึ้นมาเสียแล้ว
หลินสวินเห็นดังนี้ ก็รู้ว่ากู่เหลียงคงไม่มีความคิดจะมาสังสรรค์พูดคุยกันแน่ จึงกล่าวอำลาทันทีว่า “รอเจ้าจัดการเรื่องพวกนี้แล้วค่อยมาหาข้าที่ภูเขาชำระจิต พวกเรามาดื่มกันสักยกเถอะ”
“ดี!”
กู่เหลียงตกปากรับคำอย่างมีความสุข
หลินสวินไม่รอช้าอีกต่อไป กล่าวอำลาแล้วจากไปพร้อมกับหลินจงทันที ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยมองไปทางพวกกู่เทียนจางเลย
ส่วนด้านนอกโถงทองคำ ผู้ฝึกปราณที่ชมเรื่องครึกครื้นทั้งหมดเห็นว่าหลินสวินเดินออกมาแล้ว ต่างกระวีกระวาดปรี่เข้ามาทักทายปราศรัยอย่างกระตือรือร้น
“คุณชายหลินสวิน พวกข้าเลื่อมใสท่านมานานแล้ว ไม่ทราบว่าร่วมดื่มเหล้ากับท่านสักจอกได้หรือไม่”
“ปฐมาจารย์หลิน ข้าคือนักสลักวิญญาณจากมณฑลซีหนาน ขอเรียนถามท่านว่ารับศิษย์หรือไม่”
ผู้ฝึกปราณเหล่านี้มีสายตาร้อนแรง กระตือรือร้นยิ่งนัก ท่าทางที่แสดงออกเปี่ยมด้วยความเลื่อมใส ห้อมล้อมเบียดเสียดกันอยู่บนถนนที่หลินสวินกำลังมุ่งไป ดูตระการตาอย่างเห็นได้ชัด
“คุณชายหลิน ได้ยินว่า… ได้ยินว่าจนถึงตอนนี้ท่านยังไม่ได้แต่งงาน”
กระทั่งสาวน้อยอรชรบางคนก็ยังรวบรวมความกล้าก้าวมาข้างหน้า ล้วงหยกประดับที่พกติดตัวออกมาด้วยความรักหยาดเยิ้ม หมายจะมอบให้หลินสวินด้วยดวงหน้าแดงซ่าน
หลินสวินรู้สึกอึดอัดอยู่บ้างโดยพลัน ยังดีที่มีหลินจงคอยช่วยคุ้มกันอยู่ตลอดทาง ถึงได้แทรกตัวออกมาจากฝูงชนที่แสนกระตือรือร้นได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์