ศิษย์สืบทอดสายในสำนักกระบี่เทียมฟ้า มีปราณระดับกระบวนแปรจุติขั้นต้น และยังเป็นทายาทสายตรงของเผ่ากระเรียนเขียวแห่งดินแดนรกร้างโบราณอีกด้วย
ครอบครองพรสวรรค์ชั้นดี ‘ปราณรบยอดเขียว’ เป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่โดดเด่นที่สุดของสำนักกระบี่เทียมฟ้า คุณสมบัติพิเศษเหนือปวงชน พลังต่อสู้น่าทึ่ง
หลายวันก่อนชิงเจ๋อติดตามกู้ตงถิงผู้อาวุโสสำนักกระบี่เทียมฟ้ามุ่งหน้ามาจักรวรรดิจื่อเย่า และได้รับการต้อนรับอย่างสมเกียรติจากราชวงศ์
และในงานเลี้ยงคราวนั้นได้เกิดเรื่องใหญ่เป็นที่ฮือฮาขึ้น
ยามนั้นบุคคลสำคัญแห่งราชวงศ์ผู้หนึ่งนามว่าจ้าวกวงซิ่วเป็นคารวะสุราให้ชิงเจ๋อ แต่กลับถูกชิงเจ๋อปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง กล่าวว่า ‘คารวะสุราให้ข้าย่อมได้ แต่เจ้ามีคุณสมบัติไม่พอ’
ประโยคเดียวทำเอาบรรยากาศ ณ ที่นั้นเปลี่ยนไป
โดยเฉพาะจ้าวกวงซิ่วยิ่งตกอยู่ในสถานการณ์น่าอับอาย สีหน้าไร้แวว มีโทสะเป็นอย่างยิ่ง
เขาเป็นท่านโหวแห่งราชวงศ์ผู้หนึ่ง เป็นฝ่ายคารวะสุราเอง กลับถูกอีกฝ่ายปฏิเสธ ซ้ำยังคิดว่าเขามีคุณสมบัติไม่พอจะคารวะสุราอย่างไม่ไว้หน้าอีก ทำเขาขายหน้าต่อหน้าธารกำนัล นี่มันดูหมิ่นกันอย่างเห็นได้ชัด
‘เช่นนั้นข้าคารวะสุราเจ้าสักจอกเป็นอย่างไร’
ณ ที่นั้นมีคนทนดูไม่ไหว หยัดกายลุกขึ้นเอ่ยเสียงเย็นชา เขาคือท่านอ๋องผู้น่าเคารพยำเกรงและมีชื่อเสียงคนหนึ่ง
ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกผู้คนล้วนคาดไม่ถึงคือ ชิงเจ๋อไม่แม้แต่จะเหลือบตาเลยสักนิดก็ปฏิเสธอีกครั้ง ‘เจ้าก็ไม่ได้’
บัดนั้นบรรยากาศในที่นั้นพลันเปลี่ยนเป็นเงียบกริบและกดดัน ในงานเลี้ยงนี้ล้วนเป็นบุคคลชนชั้นสูงที่เลื่องชื่อลือชาในจักรวรรดิ มีผู้ทรงอิทธิพลระดับแนวหน้าอยู่ไม่น้อย
ยามนี้กลับถูกท่าทียิ่งผยองไร้มารยาท ดูหมิ่นถิ่นแคลนของชิงเจ๋อทำเอาเดือดดาลกันหมด
‘เช่นนั้นเจ้าคิดว่า ณ ที่แห่งนี้มีใครคุณสมบัติครบถ้วนพอจะคารวะสุราเจ้ากัน’
คนใหญ่คนโตผู้หนึ่งเอ่ยถามเสียงเย็นชา
ต้นแต่ต้นจนจบชิงเจ๋อดูเยือกเย็นอย่างเห็นได้ชัด รินสุราให้ตนไปพลางกล่าวอย่างราบเรียบ ‘ถ้าผู้ใดรับสามกระบี่ของข้าได้ ย่อมมีคุณสมบัติร่ำสุรากับข้า’
คราวนี้คนใหญ่คนโต ณ ที่นั้นถึงตระหนึกได้ว่า เหตุที่ชิงเจ๋อผู้นี้หยิ่งผยองและไร้มารยาทเช่นนี้ ที่แท้ก็เพราะเห็นว่าตนเหนือกว่า มองว่าท่านอ๋องท่านโหวที่หันไปคารวะสุราเขาเมื่อครู่นั้น ในแง่ของพลังความแข็งแกร่ง ไม่สามารถรับพลังแห่งสามกระบี่ของเขาได้!
นี่มันบ้าเกินไปอย่างเห็นได้ชัดแล้ว
บรรดาคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้น ไม่เพียงแต่สูงศักดิ์ ฐานะสูงส่ง แต่พวกเขายังเป็นคนใหญ่คนโตผู้มีอำนาจสะท้านแผ่นดิน พลังปราณแทบไม่ได้ด้อยไปกว่าระดับกระบวนแปรจุติ
ทว่าชิงเจ๋อผู้นี้กลับกล้าโพล่งวาจาบ้าคลั่งเช่นนี้ในงานเลี้ยง ย่อมทำให้ผู้คนอึดอัดยิ่งยวดเป็นธรรมดา
หากไม่ได้เห็นแก่ว่าอีกฝ่ายมาจากสำนักกระบี่เทียมฟ้า ป่านนี้พวกเขาคงโยนไอ้บ้าที่ไม่เห็นใครในสายคนนี้ไปให้พ้นตั้งนานแล้ว
ท้ายที่สุดแม่ทัพตรีอวี่เหวินจงแห่งทัพเพลิงทักษิณของจักรวรรดิก็ทนไม่ไหว ยืนขึ้นมาหมายจะอาศัยความแข็งแกร่งไป ‘คารวะสุรา’ ให้บทเรียนแก่ชิงเจ๋ออย่างโหดเหี้ยมสักครา
อวี่เหวินจงเป็นถึงมหายุทธ์แนวหน้าแห่งระดับกระบวนแปรจุติ กรำศึกฆ่าฟันมาหลายปี ประสบการณ์การต่อสู้คับคั่งหาที่เปรียบไม่ได้
ทว่าภายใต้การจับจ้องด้วยสายตาตื่นตระหนกของฝูงชน เขากลับถูกชิงเจ๋อพิชิตชัยในกระบี่เดียว!
หรือควรพูดว่า อวี่เหวินจงตั้งรับไม่ได้แม้แต่กระบี่เดียวเลยด้วยซ้ำ ก็ถูกซัดสะเทือนจนร่างซวนเซถอยร่นออกไปหลายก้าว ท้ายที่สุดก็อดไม่ไหวกระอักเลือดออกมา!
และต้นตั้งต้นจนจบชิงเจ๋อนั่งตัวตรงอยู่หน้าโต๊ะ ในมือยังคงถือจอกเหล้า หนึ่งกระบี่พุ่งออกไป เหล้าในจอกของเขาไม่ได้กระฉอกออกมาแม้แต่หยดเดียว
อากัปกิริยาสงบเยือกเย็นเช่นนั้น ทำเอาบุคคลสำคัญ ณ ที่นั้นต่างตกตะลึงกันอีกระลอก
‘กระบี่แรกนี้ของข้านามว่า ‘รุ่งสาง’ ดุจดังตะวันเพิ่งโผล่พ้น ลำแสงครอบคลุมทั่วพื้นดิน ความมืดมิดสลายตัวไม่มีเหลือ น่าเสียดาย เจ้าสกัดกั้นไม่ได้แม้แต่กระบี่แรก จะมีคุณสมบัติร่ำสุรากับข้าได้อย่างไร’
ชิงเจ๋อถอนหายใจเบาๆ ดูคล้ายหมดความสนใจ
ประโยคนี้เหมือนสั่งสอนผู้อ่อนอาวุโสคนหนึ่งชัดๆ ท่าทางเช่นนั้นพาให้สีหน้าบุคคลสำคัญแห่งจักรวรรดิทั้งกลุ่มยิ่งไม่น่าดูมากขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนอวี่เหวินถิงยิ่งอับอายและโกรธเกรี้ยวจนอยากตาย ถูกทิ่มแทงจนสะบัดแขนเสื้อจากไปทันที
‘หึๆ บ้าดีเดือดดีนี่!’
ไม่นานก็มีคนใหญ่คนโตผู้หนึ่งยืนขึ้นอีกครั้ง เขาคือท่านโหวแห่งราชวงศ์คนหนึ่ง เป็นผู้ฝึกปราณระดับกระบวนแปรจุติขั้นสมบูรณ์ ยามอายุยังน้อยเคยสังหารเจียวหลงที่แท้จริงมาแล้ว เป็นคนร้ายกาจที่พลังต่อสู้ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง
ทว่าท้ายที่สุดเขาพยายามเต็มที่เพื่อหยุดกระบี่ของชิงเจ๋อ แต่ก็ต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยเหตุนี้ ยามชิงเจ๋อออกกระบี่ที่สอง สุดท้ายเขาก็ยังถอยครูดเสียหลัก ไม่กล้าขวางคมกระบี่อีกฝ่าย
สิ่งนี้ทำให้ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงอย่างที่สุด
มหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติขั้นสมบูรณ์รุ่นอาวุโสผู้หนึ่ง กลับสกัดได้แค่กระบี่เดียวของชิงเจ๋อเท่านั้น
นี่มันน่าตกใจเกินไปแล้วชัดๆ!
เนื่องจากทุกผู้คนต่างมองออกว่าชิงเจ๋อคนนั้นเพิ่งเป็นเพียงผู้ฝึกปราณระดับกระบวนแปรจุติขั้นต้น อายุอย่างมากก็ยี่สิบกว่าปีเท่านั้น!
หรือว่า นี่ก็คือศักยภาพของศิษย์สืบทอดสายในแห่งสำนักกระบี่เทียมฟ้า?
กลับเห็นชิงเจ๋อยังคงกล่าวเสียงเรียบ ‘กระบี่ที่สองของข้ามีนามว่า ‘เกล็ดน้ำค้าง’ เมื่อสำแดงสรรพสิ่งล้วนควบแข็ง พลังชีวิตมอดดับ สามารถทำให้ข้าสำแดงกระบี่นี้ออกมาได้ เจ้าก็ภาคภูมิใจได้แล้ว’
ท่านโหวผู้สูงส่งแห่งจักรวรรดิคนหนึ่งพ่ายแพ้แล้ว ซ้ำยังถูกวิจารณ์เช่นนี้อีก นี่มันต่างอะไรกับการสบประมาทและเยาะเย้ยกัน
ท้ายที่สุดท่านโหวผู้นี้ก็โกรธจนหน้าเขียว จากไปอย่างเฉียวฉุน
จากนั้นมีคนใหญ่คนโตลุกออกมาคนแล้วคนเล่าอย่างต่อเนื่อง แต่ละคนต่างเรียกได้ว่าเป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียงโดดเด่นในรุ่นอาวุโส แต่ท้ายที่สุดล้วนถูกชิงเจ๋อพิชิตชัยประหนึ่งลำไผ่หักก็ไม่ปาน!
ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยมีใครรับกระบี่ที่สองของชิงเจ๋อได้เลย!
จวบจนบัดนี้ บรรยากาศภายในงานเลี้ยงควบแข็งถึงขีดสุด คนใหญ่คนโตแห่งจักรวรรดิแต่ละคนสีหน้าเขียวคล้ำ นิ่งเงียบจนคำพูด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์