หลินสวินอึ้งงัน เมื่อวานเขาเพิ่งจะปฏิเสธเทียบท้าดวลที่มาจากชิงเจ๋อ แต่นี่เพิ่งผ่านไปวันเดียวเท่านั้น อีกฝ่ายก็รุดหน้ามาเอง ทำให้หลินสวินรู้สึกเหนือความคาดหมายในบัดดล
“ไม่ผิด คนผู้นี้ใจเย็นยิ่ง จัดเตรียมโต๊ะและเบาะรองนั่งมาเอง จิบชาร่ำสุรานั่งอยู่หน้าประตูภูเขาชำระจิตของเรา ดูจากสภาพการณ์แล้ว นายน้อยหากท่านไม่ปรากฏตัว เขาจะต้องรอแบบนี้ต่อไปเป็นแน่”
หลินจงขมวดคิ้ว ท่าทางค่อนข้างเคร่งขรึม
เมื่อครู่เขาได้เห็นชิงเจ๋อคนนั้นกับตาตัวเอง คนหนุ่มคนนั้นมีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา ท่วงท่าโดดเด่นเป็นสง่า ดวงหน้าสดใสเปล่งปลั่ง นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างสบายๆ อิริยาบถโดดเด่น ทั้งสุขุมและเยือกเย็น เป็นผู้แข็งแกร่งที่น่ากลัวถึงที่สุดคนหนึ่งอย่างสิ้นเชิง
และเมื่อนึกถึงในงานเลี้ยงราชวงศ์เมื่อหลายวันก่อน ชิงเจ๋อคนนี้เคยพิชิตบุคคลสำคัญแห่งจักรวรรดิคนแล้วคนเล่าอย่างง่ายดาย ในใจหลินจงก็ยิ่งรู้สึกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ
ด้วยพลังปราณระดับกระบวนแปรจุติขั้นต้น กลับสามารถขับเคี่ยวมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติรุ่นอาวุโสของจักรวรรดิได้ ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยมีใครรับสามกระบี่ของเขาได้เลย นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว
คนหนุ่มซึ่งประวัติความเป็นมา รากฐาน พลังปราณ พลังต่อสู้ต่างเรียกได้ว่าน่ากลัวเช่นนี้ ยืนกรานจะท้าดวลหลินสวินให้ได้ สำหรับหลินจงแล้ว สิ่งนี้ไม่ใช่ข่าวดีอย่างแน่นอน
“ได้ยินว่าหลังจากมาถึงนครต้องห้าม ยังไม่เคยมีใครสกัดรับสามกระบี่ของคนผู้นี้ได้เลยสักคนหรือ”
หลินสวินคล้ายขบคิด
“เป็นเช่นนั้นจริงๆ”
หลินจงพยักหน้า กล่าวอย่างเป็นกังวล “นายน้อย ผู้มามีเจตนาร้าย ในเมื่อคนผู้นี้ยืนกรานทำเช่นนี้ กลัวแต่ว่าเจตนาคงจะไม่เรียบง่ายนัก”
“นี่มันแน่อยู่แล้ว เขาเป็นมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติ กลับเป็นฝ่ายวิ่งโร่มาท้าดาลกับข้า คนตาบอดยังมองออกว่าเรื่องนี้มันไม่ชอบมาพากล”
หลินสวินกล่าวสบายๆ ว่า “ข้าถึงขั้นสงสัยว่าชิงเจ๋อผู้นี้ถูกอวิ๋นชิ่งไป๋ยุยงด้วยซ้ำ”
อวิ๋นชิ่งไป๋!
ครั้นเอ่ยถึงชื่อนี้ นัยน์ตาของหลินจงก็ฉายแววเกลียดชังเข้ากระดูกออกมา คนตระกูลหลินสายตรงเมื่อสิบกว่าปีก่อนล้วนถูกสังหารด้วยน้ำมือคนผู้นี้!
“นายน้อย ท่านวางแผนจะรับมืออย่างไร”
“ตราบใดที่เขายังไม่ก่อเรื่อง ก็ปล่อยเขานั่งจิบชาร่ำสุราอยู่ตรงนั้นตามสบาย ข้าไม่มีแก่ใจไปต่อสู้ตัดสินแลกเปลี่ยนอะไรกับคนเจตนาไม่ดีหรอก”
หลินสวินตอบอย่างราบเรียบยิ่งนัก
เขากล่าวพลางล้วงเจดีย์ไร้อักษรออกมา ตั้งแต่กลับมาจากทะเลกลืนวิญญาณเจ้าคางคกก็เริ่มปิดด่าน ทำการทะลวงขั้น แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่มีวี่แววจะออกด่านเลยแม้แต่น้อย
หลินสวินสัมผัสดูอย่างถี่ถ้วน พบว่ากลิ่นอายของเจ้าคางคกสมบูรณ์ไหลลื่น สำรวมสงบนิ่ง ถึงได้วางใจลงล นี่พิสูจน์ได้ว่าเจ้าคางคกไม่ได้เผชิญภัยร้ายแรงอะไรยามปิดด่านอยู่นั่นเอง
‘ตามคำกล่าวของเจ้าคางคก อย่างน้อยหนึ่งปี อย่างมากสามปี เขาถึงจะสามารถทะลวงด่านครั้งนี้ได้โดยบริบูรณ์ เมื่อคำนวณเช่นนี้แล้ว ตอนนั้นน่ากลัวว่าข้าคงมุ่งหน้าไปดินแดนรกร้างโบราณแล้ว…’
หลินสวินใคร่ครวญ
ในที่สุดหลินจงที่อยู่ข้างๆ ก็มั่นใจว่าที่นายน้อยพูดเมื่อครู่นั้นหาได้ล้อเล่นไม่ ไม่คิดจะดวลศึกตัดสินกับชิงเจ๋อซึ่งมาเยือนถึงที่คนนั้นจริงๆ
‘อย่างนี้ก็ดี อย่างน้อยก็ไม่ต้องเป็นห่วงว่านายน้อยจะมีอันตรายใด…’
หลินจงรับคำสั่งและจากไป
……
ด้านนอกประตูภูเขาชำระจิต
บนทางเดินที่แต่เดิมราบเรียบกว้างขวาง มีเงาร่างสายหนึ่งเพิ่มขึ้นมา ถึงแม้เขาจะนั่งขัดสมาธิบนเบาะรองนั่ง เรือนกายกลับยังคงเหยียดตรงมากอย่างเห็นได้ชัด
เขามีผมยาวสีเงินเหมือนแสงเงินแวววาว นัยน์ตาสีเขียวกระจ่าง มีประกายวาววับน่ากลัวไหลวนออกมา
บนโต๊ะเตี้ยเบื้องหน้าเขามีเหล้าหนึ่งกา ชาหนึ่งหม้อ เวลานี้เขากำลังดื่มด่ำตามลำพังอย่างอภิรมย์ ดุจดั่งอยู่ในลานบ้านของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น เห็นได้ชัดว่าแสนอภิรมย์และทำตัวตามสบาย
คนผู้นี้ก็คือชิงเจ๋อ ศิษย์สืบทอดสายในสำนักกระบี่เทียมฟ้า!
เขายังหนุ่มมาก อยู่ในวัยยี่สิบกว่าปี หน้าผากเอิบอิ่ม ผิวพรรณดั่งหินหยกแวววาว อบอวลด้วยแสงเจิดจ้าเป็นประกาย ท่วงท่าประณีตโดดเด่นยิ่งนัก
ด้านข้างชิงเจ๋อ ข้ารับใช้เฉินเฟิงยืนอยู่ตรงนั้น แม้ว่าเขามีฐานะเป็นข้ารับใช้ ทว่าหน้าตาหล่อเหลา กิริยาท่าทางก็โดดเด่นมากเช่นเดียวกัน ท่วงท่าสง่างามเกินกว่าผู้ฝึกปราณทั่วไป
หนึ่งนายหนึ่งบ่าวเฝ้ารออยู่ตรงนั้น เห็นได้ชัดว่าไร้กังวล มั่นใจเต็มเปี่ยม
การมาของชิงเจ๋อ ทำให้ด้านนอกประตูภูเขาชะชำระจิตแห่งนี้กลายเป็นที่จับตาของขุมอำนาจทุกฝ่ายในนครต้องห้ามอย่างที่สุด
เวลานี้ในบริเวณใกล้เคียง ทุกหย่อมหญ้าล้วนเป็นเงาร่างของผู้ฝึกปราณเบียดเสียดกัน ต่างกำลังเฝ้าชม ให้ความสนใจอย่างใกล้ชิด
“ชิงเจ๋อคนนี้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ตรงดิ่งมาเยือนถึงที่ ขวางอยู่หน้าประตูภูเขาตระกูลหลินอย่างผ่าเผยขนาดนี้ นี่กำลังบังคับกันชัดๆ!”
ผู้ฝึกปราณบางคนลอบตกใจ
“แค่คิดก็รู้แล้ว ถ้าหลินสวินไม่รับคำท้า ชิงเจ๋อผู้นี้ต้องไม่ยอมเลิกราเป็นแน่!”
“ไม่ ถ้าหลินสวินไม่รับคำท้าละก็ ผลกระทบไม่เพียงแค่เท่านี้แน่ นี่อาจทำให้ทุกคนต่างคิดว่าหลินสวินกลัว หัวหดไม่ยอมออกมา นี่ย่อมเป็นการทำลายชื่อเสียงของหลินสวินอย่างร้ายแรงแน่นอน!”
ผู้ฝึกปราณจำนวนมากทำการวิเคราะห์ ท้ายที่สุดก็ได้ข้อสรุปที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ถ้าหากปล่อยให้ชิงเจ๋อขวางอยู่หน้าประตูใหญ่ภูเขาชำระจิตเช่นนี้ เวลายิ่งนานไปก็ยิ่งไม่เป็นผลดีต่อเกียรติภูมิของหลินสวิน
ทุกวันนี้หลินสวินมีฉายาว่า ‘อำนาจทั่วนครหลวง’ เป็นประหนึ่งผู้นำ ผู้กล้าไร้เทียมทานในหมู่คนรุ่นใหม่ของจักรวรรดิ
หากแม้แต่เขายังไม่กล้ารับคำท้าของชิงเจ๋อ นั่นไม่ได้หมายความว่าผู้ฝึกปราณรุ่นใหม่แห่งจักรวรรดิล้วนถูกชิงเจ๋อเหยียบย่ำไว้ใต้เท้ากันหมดหรอกหรือ
ผลกระทบนี้ดูจะร้ายแรงไปหน่อยแล้ว!
“รังแกกันเกินไปแล้ว เขาเป็นผู้ฝึกปราณระดับกระบวนแปรจุติขั้นต้น แต่หมายต่อสู้ดวลกับหลินสวินที่เป็นผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะ นี่มันกลั่นแกล้งกันชัดๆ!”
และมีผู้ฝึกปราณบางคนฉุนจัด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์