ช่วยไม่ได้ จ้าวไท่ไหลยกจ้าวจิ่งเซวียนขึ้นมาขนาดนี้แล้ว หากเขายังไม่ตอบรับอีก นั่นก็เห็นได้ชัดว่าปอดแหกและขี้ขลาดเกินไปแล้ว
ยิ่งกว่านั้นที่จ้าวไท่ไหลพูดมาก็ถูกต้อง ถูกผู้สืบทอดของสำนักกระบี่เทียมฟ้าคนหนึ่งท้าดวลและขวางอยู่หน้าประตูบ้านตน ถ้าหากไม่แยแส กลับจะทำให้ผู้คนในใต้หล้าดูถูกเอา
……
หน้าประตูภูเขาชำระจิต
ชิงเจ๋อจิบชาร่ำสุราตามลำพัง สีหน้าเยือกเย็นราบเรียบ ท่าทางสุขุมไม่ไหวติงเช่นนั้น ยิ่งเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ธรรมดา
ห่างออกไป กู้ตงถิงเห็นภาพนี้ก็ลูบเคราคลี่ยิ้ม นัยน์ตาเจือแววปลื้มปิติเสี้ยวหนึ่ง
กู้ตงถิงก็คือผู้อาวุโสสำนักกระบี่เทียมฟ้าที่มุ่งหน้ามาจักรวรรดิจื่อเย่าในครั้งนี้ เป็นราชันระดับสังสารวัฏที่แท้จริงคนหนึ่ง ความแข็งแกร่งยากหยั่งรู้ได้ ตำแหน่งก็โดดเด่นหาใดเปรียบเช่นเดียวกัน
เขามีรูปลักษณ์สะอาดหมดจด หนวดเคราราวกับหิมะน้ำค้างแข็ง ผิวพรรณกลับขาวพิสุทธิ์เนียนนุ่มเหมือนเด็กทารก ในมือถือแส้หางม้า ยืนอยู่ตรงนั้นง่ายๆ แต่กลับก็ให้ความรู้สึกทรงพลังเกรียงไกรดุจเขาสูงใหญ่แก่ผู้คนได้แล้ว
“สหายน้อยชิงเจ๋อคนนี้ ไม่เสียแรงที่เป็นศิษย์สืบทอดแห่งสำนักกระบี่เทียมฟ้า กิริยามีมาด ท่วงท่าเป็นสง่า วางตัวได้เหนือปวงชน”
ด้านข้างมีคนใหญ่คนโตทอดถอนใจไม่หยุด
“ไม่ผิด คนหนุ่มมากสามารถอย่างชิงเจ๋อก็เหมือนพญาเผิงบนแดนสรวง มีแต่สำนักโบราณเฉกเช่นสำนักกระบี่เทียมฟ้าเท่านั้นจึงจะสามารถบ่มเพาะผู้โดดเด่นชั้นยอดเช่นนี้ออกมาได้”
เสียงชมเชยดังขึ้นเกรียวกราว ข้างกายกู้ตงถิงมีเหล่าคนใหญ่คนโตกลุ่มหนึ่ง ล้วนเป็นบุคคลทรงอำนาจที่มาจากตระกูลจั่วและตระกูลฉินทั้งสิ้น
“ในป่าไร้เสือ ลิงย่อมตั้งตนเป็นใหญ่ หลินสวินคนนี้คิดว่าตัวเองสามารถครองอำนาจในหมู่คนรุ่นใหม่ของจักรวรรดิ หารู้ไม่ว่าในดินแดนรกร้างโบราณ เขาก็เปรียบได้แค่กบในกะลา!”
และมีคนใหญ่คนโตบางคนแค่นเสียงเย็นชา แสดงความเหยียดหยามต่อหลินสวิน
ว่าไปแล้วการที่ครั้งนี้ชิงเจ๋อขวางประตูท้าดวลหลินสวิน ผู้ที่ชอบใจมากที่สุกคือตระกูลฉินกับจั่วสองตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงอย่างไม่ต้องสงสัย
ที่ผ่านมาเพราะหลินสวินคนเดียว ก่อเรื่องจนสองตระกูลฉินและจั่วของพวกเขาอับอายขายขี้หน้า ต้องกล้ำกลืนฝืนทนอย่างเสียไม่ได้
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว ชิงเจ๋อเป็นถึงศิษย์สืบทอดของสำนักกระบี่เทียมฟ้า พลังปราณเรียกได้ว่าหาที่เปรียบ ในงานเลี้ยงราชวงศ์เมื่อหลายวันก่อน ถึงขั้นสยบบุคคลสำคัญกลุ่มหนึ่งจนโงหัวไม่ขึ้น
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ คนใหญ่คนโตของสองตระกูลจั่วและฉินแทบอดรนทนไม่ไหว อยากให้ชิงเจ๋อกำราบความหยิ่งยโสของหลินสวินอย่างหนัก ถ้าหากกำจัดเขาจนสิ้นซากได้ เช่นนั้นคงดีอย่างที่สุดแล้ว!
กู้ตงถิงทำเพียงฟังและคลี่ยิ้ม แต่ไม่เอ่ยวาจา สงวนท่าทีอย่างเห็นได้ชัด
“ดูนั่นเร็ว หลินสวินออกมาแล้ว!”
ไกลออกไปจู่ๆ ก็มีเสียงร้องอุทานดังขึ้น ดึงดูดความสนใจทุกคน เมื่อมองไปก็เห็นเด็กหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังก้าวออกมาจากในประตูภูเขาชำระจิต
เป็นหลินสวินนั่นเอง
ทั้งที่นั้นต่างฮือฮา เดิมทีคนจำนวนมากคิดว่าหลินสวินคงไม่ปรากฏกายรับคำท้าแบบสุ่มสี่สุ่มห้าแน่นอน
อย่างไรเสียการท้าดวลครั้งนี้ก็อันตรายเกินไปจริงๆ หากพ่ายแพ้ก็จะสร้างความเสียหายต่อบารมีของหลินสวิน
ดังนั้นตอนที่หลินสวินปรากฏตัว ถึงได้ทำให้ทุกคนเกิดความฮือฮา
“เขาจะรับคำท้าจริงๆ หรือ”
ผู้ฝึกปราณบางส่วนเป็นกังวลอย่างยิ่ง ความน่ากลัวของชิงเจ๋อผู้นั้นลือกระฉ่อนไปทั่วนครต้องห้ามแล้ว แม้แต่คนใหญ่คนโตที่อยู่ในขั้นสมบูรณ์ของระดับกระบวนแปรจุติยังล้วนไม่สามารถรับสามกระบี่ของเขาได้ หลินสวินจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างไรกัน
“แบบนี้ก็ดี แทนที่จะถูกคนขวางอยู่หน้าประตู อดกลั้นอย่างอดสู ไม่สู้ฟาดฟันกันซึ่งๆ หน้าเลยดีกว่า ทำให้ชิงเจ๋อคนนั้นลิ้มรสความร้ายกาจของผู้ฝึกปราณแห่งจักรวรรดิของพวกเรา!”
บางคนก็รู้สึกฮึกเหิม มีความมั่นใจต่อหลินสวินอย่างที่สุด ความสำเร็จอันเรืองรองที่เกิดขึ้นบนตัวหลินสวินในอดีตนั้นมีมากมายเหลือเกิน ในเมื่อหลินสวินกล้าปรากฏตัว จะต้องมาด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมเป็นแน่
ส่วนคนตระกูลฉินและจั่ว เวลานี้ต่างเบิกตากว้าง ดูเหมือนไม่อยากเชื่อเท่าใดนัก แต่หลังจากนั้นก็เหิมฮึกขึ้นมา
พวกเขาอยากเห็นจุดจบของหลินสวินที่พ่ายแพ้ชื่อเสียงยับเยินจนแทบอดใจไม่ไหวแล้ว!
หลินสวินปรากฏตัวแล้ว ชั่วขณะนั้นโลกภายนอกต่างอลหม่านปั่นป่วน ไม่อาจสงบลงได้
ตั้งแต่ตอนที่ชิงเจ๋อออกเทียบท้าดวล ศึกตัดสินนี้ก็สร้างความฮือฮาไปทั่วนครต้องห้าม ดึงดูดความสนใจของขุมอำนาจตั้งไม่รู้เท่าไร
ศิษย์สืบทอดของสำนักกระบี่เทียมฟ้าผู้หนึ่ง เคยสยบคนใหญ่คนโตระดับกระบวนแปรจุติของจักรวรรดิทั้งกลุ่มได้ภายในสามกระบี่ พลังต่อสู้โดเด่น เรียกได้ว่าไร้เทียมทาน
อีกคนคือเด็กหนุ่มในจักรวรรดิที่มีฉายาว่า ‘อำนาจทั่วนครหลวง’ รอบกายของเขาก็มีรัศมีอันพราวตาไร้ที่เปรียบเช่นเดียวกัน
แค่คิดก็รู้ว่าหากการดวลระหว่างสองคนนี้บังเกิดขึ้น จะบันลือโลกมากขนาดไหน!
……
เมื่อเห็นหลินสวินปรากฏตัว ชิงเจ๋อที่กำลังร่ำสุราตามลำพังอึ้งงันไปก่อนเป็นสิ่งแรก ดูเหมือนค่อนข้างแปลกใจที่หลินสวินปรากฏตัวรวดเร็วเพียงนี้
จากนั้นท่าทางของเขาก็กลับสู่ความสงบนิ่งอีกครั้ง วางจอกเหล้าในมือลงบนโต๊ะเตี้ย ก่อนหยัดกายขึ้นเต็มความสูง
เพียงแค่การเคลื่อนไหวเพื่อหยัดตัวขึ้นเท่านั้น กลับทำให้ทั่วทั้งลานเงียบกริบในบัดดล สายตาทุกคู่ล้วนเพ่งความสนใจมองมา
ชิงเจ๋อมีเอวหลังเหยียดตรง รูปร่างสูงโปร่ง ผมสีเงินเปล่งประกายเจือความแวววาว เขาเรียกได้ว่าหล่อเหลางดงามยิ่งยวด ผิวพรรณเนียนขาว นัยน์ตาราวกับหินหยกสีเขียว ยามที่เขาหยัดกายขึ้นยืน ทั้งตัวประหนึ่งหอกเล่มหนึ่ง ผ่าเผยน่ายำเกรง
ต่อให้เป็นผู้ฝึกปราณที่ไม่ชอบใจชิงเจ๋อก็ล้วนไม่อาจไม่ยอมรับ รูปลักษณ์ภายนอกของเจ้าหมอนี่ดูดีเหลือเกิน เพียงแค่มองก็รู้ว่าเป็นผู้กล้าที่เปล่งประกายยิ่ง
ส่วนผู้ฝึกปราณรุ่นอาวุโสบางคนกลับท่าทีเคร่งขรึม ชิงเจ๋อในเวลานี้แตกต่างจากตอนที่นั่งอยู่ก่อนหน้านี้ มีประกายคมที่ซ่อนแฝงประการหนึ่ง ทำให้ผู้คนหัวใจสั่นไหว
“ระวังหน่อย ความเชี่ยวชาญในวิถีกระบี่ของเจ้าหมอนี่เข้าขั้นน่ากลัวสุดขีด อีกทั้งเจ้าตัวยังเป็นทายาทสายตรงของเผ่ากระเรียนเขียวบรรพกาล มีวิชาลับพรสวรรค์”
จ้าวไท่ไหลเอ่ยเตือนอยู่ด้านหลัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์