ผลคือขณะเขากางสองแขน ก็ถูกเท้าข้างหนึ่งของหลินสวินถีบกระเด็นจนแผดเสียงร้องโหยหวน แยกเขี้ยวยิงฟันลูบก้น ไม่เห็นท่าทางโศกเศร้าขณะจากลาอีกแม้แต่น้อย
“หากยังไม่ไป ข้าจะตุ๋นเจ้าซะตอนนี้!”
หลินสวินเหลือบมองหมูอสูรมารตัวนี้วูบหนึ่ง
“คุณชาย หัวใจคนเราคือก้อนเนื้อ จะแยกจากกันอยู่แล้ว ไยต้องไร้เยื่อใยเช่นนี้เล่า”
หมูอสูรมารโศกเศร้าถอนใจยาว
หลินสวินยิ้มเย็นกล่าวสั่งการ “เสี่ยวฉง เจ้าไปก่อไฟ ก่อนจากไปพวกเรามากินให้อิ่มสักมื้อ”
สวบ!
คำพูดเพิ่งจบ ก็เห็นหมูอสูรมารประหนึ่งฝ่าเท้าลูบน้ำมัน ผลุบหนีหายไปไร้ร่องรอยดั่งหมอกควัน ความเร็วอันว่องไวทำเอาหลินสวินและซย่าเสี่ยวฉงต่างตะลึงงันอยู่บ้าง
ซย่าเสี่ยวฉงย่นจมูกกล่าววิจารณ์ “เจ้าหมูนี่ช่างต่ำทรามทั้งยังหน้าไม่อาย อีกทั้งยังเจ้าชู้ตัณหาจัด ศีลธรรมเพียงนิดล้วนไม่มี หากถูกอาจารย์ข้าพบเข้าต้องจับมันเจื๋อนแน่ เพราะที่อาจารย์ข้าเกลียดที่สุดก็คือพวกตัณหากลับเยี่ยงนี้”
คำวิจารณ์ที่มีต่อหมูอสูรมารทำให้หลินสวินรู้สึกเช่นเดียวกัน ทว่าเมื่อฟังถึงตอนท้าย หลินสวินอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเย็นเยียบ ลังเลอยู่บ้างว่าจะไปคารวะอาจารย์ของซย่าเสี่ยวฉงดีหรือไม่
…
แคว้นวิญญาณอัคนี
กว้างขวางหาใดเปรียบ ใหญ่ราวโลกแห่งหนึ่ง ภายในพรมแดนขุนเขาสูงชันมากมี รอบรั้วคูเมืองกว่าพัน รวบรวมสรรพชีวิตหลายหมื่นพัน
นอกจากเจ็ดขุมอำนาจใหญ่ ‘สี่สำนักสามตระกูล’ ซึ่งมีชื่อเสียงที่สุด ภายในแคว้นวิญญาณอัคนียังมีขุมอำนาจและกลุ่มเผ่าพันธุ์อื่นมากมายหลายหลาก
แค่เพียงอาณาเขตแคว้นหนึ่ง ก็ใหญ่กว่าอาณาเขตของจักรวรรดิจื่อเย่าบนโลกชั้นล่างอยู่มาก!
และทั่วแดนฐิติประจิมมีเขตแคว้นมากกว่าพัน สถานที่ซึ่งใหญ่กว่าแคว้นวิญญาณอัคนี รุ่งเรืองเฟื่องฟูยิ่งกว่า ยิ่งมีมากมายเหลือคณานับ!
เปรียบเทียบเช่นนี้ก็รู้แล้วว่าดินแดนรกร้างโบราณซึ่งครอบคลุมจตุแดนวิภูอย่างแดนชัยบูรพา แดนฐิติประจิม แดนกาฬทักษิณและแดนดาราอุดรกว้างใหญ่ไพศาลระดับใด แทบสามารถใช้คำว่าไร้สิ้นสุดไร้ขอบเขตมาพรรณนา
อันที่จริงจวบจนปัจจุบัน แม้บุคคลเทียมฟ้าผู้ก้าวสู่อริยมรรค ก็ล้วนไม่อาจอนุมานได้ว่าเส้นขอบเขตของดินแดนรกร้างโบราณอยู่ที่ไหนกันแน่…
เมื่อทราบสิ่งเหล่านี้หลินสวินอดทอดถอนใจไม่ได้ ท้ายที่สุดจึงเข้าใจแล้วว่า เหตุใดเหล่าผู้สืบทอดของสำนักต่างๆ อย่างแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ สำนักกระบี่เทียมฟ้า เมื่อมาถึงโลกชั้นล่างล้วนแต่หยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีเช่นนั้น
เทียบทั้งดินแดนรกร้างโบราณ จักรวรรดิจื่อเย่าเห็นได้ว่าเล็กกระจิดริดและยากไร้เหลือเกิน
ทว่าหลินสวินรู้ดีว่า ถึงแม้อาณาเขตของแคว้นวิญญาณอัคนีใหญ่กว่าจักรวรรดิจื่อเย่าอยู่มาก แต่หากกล่าวถึงยอดพลังที่แท้จริง จักรวรรดิจื่อเย่ากลับมีหลายจุดที่แคว้นวิญญาณอัคนีไม่อาจเทียบได้
ยกตัวอย่างเช่น ภายในเจ็ดขุมอำนาจใหญ่สี่สำนักสามตระกูลแห่งแคว้นวิญญาณอัคนี ไม่มีราชันที่แท้จริงคอยบัญชาการ
แต่ในจักรวรรดิ จักรพรรดิและจักรพรรดินีองค์ปัจจุบัน ราชครูแห่งหอดูดาวหลวง เจ้าสำนักสำนักศึกษามฤคมรกต ล้วนแต่เป็นบุคคลน่าสะพรึงซึ่งครอบครองพลังพลิกฟ้าดินทั้งสิ้น
ต่อให้ไม่พูดถึงบุคคลเหล่านี้ แค่ในเจ็ดตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงก็ล้วนไม่ขาดแคลนราชันระดับสังสารวัฏที่แท้จริง!
จากจุดนี้ก็สามารถมองออกว่า แม้จักรวรรดิจื่อเย่าตั้งอยู่ในโลกชั้นล่าง เป็นดินแดนยากไร้ในสายตาแวดวงผู้ฝึกปราณ
แต่ภายในจักรวรรดินี้ กลับมีเส้นสนกลในชวนประหวั่นที่คนภายนอกไม่อาจรับรู้
…
นครเตโช
ศูนย์กลางแห่งแคว้นวิญญาณอัคนี เป็นแดนฝึกปราณศักดิ์สิทธิ์ในเขตแคว้นวิญญาณอัคนีซึ่งผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนใฝ่ฝันมากที่สุด แต่ละวันล้วนมีผู้ฝึกปราณเหลือคณานับจากอาณาเขตอื่นๆ ในแคว้นมุ่งหน้ามาเยือน
เหตุผลนั้นง่ายมาก สี่สำนักใหญ่แห่งแคว้นวิญญาณอัคนีอย่างสำนักยุทธ์พันเวท สำนักกระบี่สนขจี สำนักมุกวิญญาณ สำนักเร้นปรัชญา รวมถึงสามตระกูลใหญ่หลิ่ว เวิน เซียวต่างลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่
ประจวบเหมาะเที่ยงวัน ภายในนครเตโชคึกคักหาใดเปรียบ ม้าเกวียนสวนกันขวักไขว่ ผู้คนสัญจรคลาคล่ำ
หลินสวินและซย่าเสี่ยวฉงกำลังเดินเล่นบนท้องถนนอันกว้างขวางรุ่งเรือง
สิ่งปลูกสร้างในนครเตโชปรากฏสีแดงเพลิงสะดุดตา มองจากเบื้องบนลงมา ทั้งเมืองประดุจผลึกอัคคีก้อนใหญ่มหึมาหาใดเปรียบก้อนหนึ่ง สดใสสว่างกระจ่างตายิ่ง
ลือกันว่าเมื่อนานมาแล้ว ใต้พิภพนครเตโชฝัง ‘ชีพจรเพลิงแรกกำเนิด’ สายหนึ่งเอาไว้ ก่อเกิดเป็นเจินหลงเพลิงแดงตัวหนึ่ง ด้วยบรรลุมรรคได้ในวันเดียวจึงพุ่งทะยานสู่ฟากฟ้า ถูกมนุษย์โลกเรียกขานอย่างยกย่องว่า ‘สัจจเทพมังกรเพลิง’
แน่นอนว่าเป็นแค่ตำนานอย่างหนึ่ง ใครต่างไม่อาจตัดสินได้ว่าจริงหรือเท็จ ทว่าเพราะตำนานเล่าขานนี้ ทำให้นครเตโชมีสีสันบำเพ็ญเพียรอันเร้นลับไร้รูปขึ้นอีก
“ลดกระหน่ำถ้ำสถิตบำเพ็ญเพียรชั้นสูงแห่งหนึ่งบนภูเขาเซียนหิมะ ภายในมีตาน้ำพุวิญญาณ ทุ่งวิญญาณห้าหมู่ นอกจากนี้ยังมีสวนโอสถผืนหนึ่ง แค่เพียงแปดพันแกนวิญญาณขั้นกลางเท่านั้น!”
“ข่าวดีครั้งใหญ่! ภายในสิบวันนี้สำนักยุทธ์ตะวันเมฆาจ้างวานผู้สืบทอดสำนักเร้นปรัชญารุ่นที่สามสิบเจ็ดมาชี้แนะสอนสั่งโดยเฉพาะ ค่าสมัครแค่หนึ่งร้อยแกนวิญญาณขั้นต่ำ!”
“ลองมาดูลองมาชม นี่คือ ‘ลูกกลอนจินดาสมประสงค์’ หลอมตามตำรับลับมรดกเผ่ากระจิบเขียวของข้า แค่เก้าร้อยเก้าสิบแปดแกนวิญญาณขั้นต่ำ! อะไรนะ สหายยุทธ์ท่านนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อนรึ งั้นท่านก็อยู่ในกะลาแล้ว เมื่อครั้งบรรพกาลลูกกลอนจินดาสมประสงค์ของเผ่าข้าน่ะ เป็นลูกกลอนวิญญาณที่ได้ผลชะงัด เป็นที่นิยมในใต้หล้า แค่เพียงเม็ดเดียวก็สามารถทำให้ท่านคงความหนุ่มสาว ไม่แก่เฒ่าชั่วนิรันดร์! เอ๋สหายยุทธ์ ท่านอย่าเพิ่งรีบไป ถ้าท่านไม่ต้องการก็สามารถซื้อไปเอาอกเอาใจคนรู้ใจ อีกทั้งราคายังไม่ใช่ปัญหา ล้วนสามารถเจรจากันได้…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์