ใกล้ๆ ชายหนุ่มยังมีผู้ติดตามกลุ่มหนึ่ง
เสียงตะโกนหนวกหูมาจากกลุ่มผู้ติดตามนั่น
สายตาพวกเขามองไปยังประตูห้องซึ่งปิดสนิทห้องหนึ่งบนชั้นสองของโรงเตี๊ยม เห็นชัดว่าฟางหลินหานจากอาศรมดาบแปดวิทูรน่าจะอยู่ในนั้น
“ยอดฝีมือรุ่นเยาว์หลิ่วไจ้เหวินแห่งตระกูลหลิ่ว! เขามาท้ารบฟางหลินหานด้วยตัวเองแล้ว!”
เสียงอึกทึกพลันดังขึ้นกลางโรงเตี๊ยม เผยฐานะชายหนุ่มพาดกระบี่วิญญาณสีชาดนั่น
ตระกูลหลิ่วเป็นหนึ่งใน ‘สี่สำนักสามตระกูล’ แห่งแคว้นวิญญาณอัคนี เส้นสนกลในเก่าแก่ยาวนาน มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อแคว้นวิญญาณอัคนี
ภายในตระกูลมียอดฝีมือปรากฏตัวอย่างต่อเนื่อง เป็นแหล่งรวมผู้แข็งแกร่ง เฉกเช่นหลิ่วไจ้เหวินก็เป็นพวกชั้นยอดในรุ่นเยาว์ตระกูลหลิ่ว ในนครเตโชนับได้ว่าเป็นบุคคลทรงอิทธิพลในบรรดาคลื่นลูกใหม่
“คราวนี้มีเรื่องสนุกดูแล้ว”
ผู้ฝึกปราณซึ่งมุงล้อมมากมายตื่นเต้นยิ่ง
ก่อนหน้านี้ยามหลินสวินเดินเล่นบนถนน ตลอดทางได้ยินข่าวเกี่ยวกับฟางหลินหานผู้สืบทอดอาศรมดาบแปดวิทูรนั่นไม่น้อย
คนผู้นี้มาจากแคว้นวารีทมิฬ อายุน้อยแต่พลังต่อสู้เป็นเลิศ พรสวรรค์และหน่วยก้านล้วนเรียกได้ว่าน่าตกตะลึง
ก่อนหน้านี้หนึ่งเดือน ฟางหลินหานปรากฏตัวกลางลานประลองยุทธ์นครเตโช ขึ้นเวทีเข้าร่วมการต่อสู้ท้าประลอง
เขาอาศัยท่าทางแกร่งกร้าวทะลวงด่านอย่างราบรื่น พบเจอการต่อสู้น้อยใหญ่นับร้อยสนาม ซัดยอดฝีมือรุ่นเยาว์นับร้อยคนซึ่งมาจากขุมอำนาจต่างๆ ในแคว้นวิญญาณอัคนีจนพินาศ กระทั่งปัจจุบันยังไม่เคยพ่ายแม้เพียงครา!
เรื่องนี้ไม่ช้าก็ฮือฮาทั่วนครเตโชจนอึกทึกครึกโครม ทำให้ผู้แข็งแกร่งรุ่นเยาว์แคว้นวิญญาณอัคนีเกือบทั้งหมดต่างรู้จักนามฟางหลินหานนี้
อาศรมดาบแปดวิทูร สำนักซึ่งชื่อเสียงไม่โด่งดังแห่งหนึ่งในแคว้นวารีทมิฬ แต่กลับกลายเป็นที่รู้จักของทุกคนอย่างรวดเร็วเพราะฟางหลินหานที่ผงาดอย่างแกร่งกร้าว
ทว่าสำหรับผู้ฝึกปราณรุ่นเยาว์แคว้นวิญญาณอัคนี ท้ายที่สุดฟางหลินหานก็ยังเป็น ‘คนต่างถิ่น’ คนหนึ่ง
ผลงานซึ่งฟางหลินหานได้รับยิ่งเจิดจรัส ยิ่งทำให้เห็นว่าพวกเขาผู้แข็งแกร่งรุ่นเยาว์แห่งแคว้นวิญญาณอัคนีไร้น้ำยาโดยไม่ต้องสงสัย
กระทั่งเรื่องนี้ยังถูกมองเป็นความอัปยศอดสูของคนรุ่นเยาว์แคว้นวิญญาณอัคนี!
ก็เหมือนกับข่าวสารที่หลินสวินได้ยินเกี่ยวกับฟางหลินหาน แทบจะแฝงอคติและมองเป็นศัตรูทั้งสิ้น
แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้กลับทำให้หลินสวินรู้สึกยิ่งกว่าเดิมว่าฟางหลินหานคนนี้ไม่ธรรมดา กล้ามาแคว้นวิญญาณอัคนีตัวคนเดียว ขึ้นเวทีท้าประลองในนครเตโชอันเจริญเฟื่องฟูที่สุด ซึ่งเป็นของยอดฝีมือรุ่นเยาว์แห่งแคว้นวิญญาณอัคนี เพียงแค่ความห้าวหาญนี้ก็หาใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถมีได้
“ฟางหลินหาน เจ้ากลัวรึไง รีบออกมา!”
“ทำไม รู้ว่าคุณชายตระกูลข้ามาเยือน เจ้าจึงไม่กล้ารับคำท้ารึ”
“เจ้าบ้าคลั่งนักไม่ใช่รึไง เอ็ดตะโรว่าพวกข้าคนรุ่นเยาว์แคว้นวิญญาณอัคนีไม่มีใครสามารถต่อกรเจ้าได้ ทำไมตอนนี้กลับไม่กล้าแม้แต่จะออกจากห้องเล่า”
บรรดาผู้ติดตามตระกูลหลิ่วพวกนั้นยังคงเอะอะ น้ำเสียงแฝงรสยั่วยุเต็มเปี่ยม
นานพอควร ประตูห้องซึ่งปิดสนิทนั้นก็มีเสียงเหนื่อยหน่ายดังออกมา “พวกหมาแมวที่ไหนมาโวยวายใส่ข้า รีบไสหัวไป อย่ามารบกวนการทำสมาธิของข้า”
ทุกคนส่งเสียงอื้ออึง ฉุนเฉียวไม่หยุด
แต่หลินสวินอดไม่ได้ที่จะตะลึงงัน แค่ฟังน้ำเสียงฟางหลินหานคนนี้คงระห่ำจริงดังว่า มีความกำเริบเสิบสานประการหนึ่ง
“เจ้าถึงกับกล้าด่าพวกเราเป็นหมาแมวรึ” ผู้ติดตามตระกูลหลิ่วพวกนั้นโกรธจนร้องตะโกน
แม้แต่หลิ่วไจ้เหวินซึ่งรอคอยอย่างเงียบๆ มาตลอด ขณะนี้ยังคิ้วขมวดมุ่นอย่างอดไม่อยู่ สีหน้าฉายแววเย็นเยียบ
เขาโบกมือหยุดเสียงเอ็ดตะโรของบรรดาผู้ติดตาม เงยหน้ามองไปทางบานประตูซึ่งปิดสนิทนั่น ก่อนกล่าวเย็นชา “ฟางหลินหาน หากเจ้ากลัวข้าจะไปตอนนี้ หากเจ้ากล้ารับคำท้าก็ออกมาหาข้า อย่ามาเสียเวลาทุกคนโดยเปล่าประโยชน์อีก”
“กลัว?”
ภายในห้องเสียงหัวเราะลั่นของฟางหลินหานดังออกมา น้ำเสียงอาจหาญเจือความหยิ่งผยอง “พรุ่งนี้เจ้ามาลานประลองยุทธ์นครเตโช ภายในสามดาบหากล้มเจ้าไม่ได้ ข้าผู้แซ่ฟางจะทำลายปราณทิ้งด้วยตัวเอง!”
เฮือก!
กลางที่นั้นเสียงสูดหายใจหนาวเยือกดังขึ้นฉับพลัน เจ้าฟางหลินหานนี่ไม่เพียงแต่หยิ่งผยอง ยังไม่เห็นใครในสายตาโดยสิ้นเชิง มองหลิ่วไจ้เหวินราวกับไร้ตัวตน!
นี่ไม่ใช่การกล่าวา ด้วยฝีมือของหลิ่วไจ้เหวิน เดิมทีก็สกัดสามดาบของเขาไม่อยู่หรอกรึ
ระห่ำเกินไปแล้ว!
ผู้ฝึกปราณมากมายซึ่งเฝ้าดูล้วนทนต่อไปไม่ไหว คนต่างถิ่นคนหนึ่ง แม้อาศัยความสามารถได้รับชัยชนะมาอย่างเจิดจรัสอยู่บ้าง แต่กลับหลงระเริงเช่นนี้ พาให้ผู้คนรู้สึกโมโหซะจริง
สีหน้าหลิ่วไจ้เหวินเองก็อึมครึม นัยน์ตาสาดแววเยียบเย็น เห็นชัดว่ามีโทสะ
ชิ้ง!
เบื้องหลังเขา กระบี่วิญญาณสีชาดเล่มหนึ่งพุ่งทะยานแหวกอากาศ เพลิงศักดิ์สิทธิ์เรืองรองแสบตา ดุจดั่งมังกรเพลิงก็ไม่ปาน น่าตระหนกชวนประหวั่นหาใดเปรียบ
“ไม่ต้องรอแล้ว ตอนนี้แหละที่ข้าจะให้เจ้าทำลายปราณตนเอง!”
ท่ามกลางน้ำเสียงเยียบเย็น หลิ่วไจ้เหวินยื่นมือจับกระบี่วิญญาณสีชาดมั่น เงาร่างวาบกะพริบ พลันพุ่งไปยังชั้นสองของโรงเตี๊ยม ปลายกระบี่สาดแสงส่องสว่างลานตาสายหนึ่ง ฟันผ่าไปทางบานประตูซึ่งปิดสนิทนั่น
เขาหมายบีบบังคับฟางหลินหานออกมาสู้!
ผู้คนกลางที่นั้นกู่ร้องกันเซ็งแซ่ คิดว่าการกระทำนี้ของหลิ่วไจ้เหวินช่วยเชิดหน้าชูตาพวกเขา ไม่ให้ความน่ายำเกรงของพวกเขาเหล่าผู้ฝึกปราณแคว้นวิญญาณอัคนีต้องตกต่ำ
“มดเขย่าไม้ใหญ่ น่าขันที่ไม่เจียมตน”
แต่ไม่รอให้ผู้คนดีใจเร็วเกินไป ที่ตามน้ำเสียงปรามาสและหยิ่งผยองมาคือบานประตูซึ่งปิดสนิทพลันเปิดออก
แทบจะในเวลาเดียวกัน ปลายดาบสายหนึ่งพลันปรากฏ ดุจฟ้าร้องกัมปนาทกลางพื้นราบ ตามมาด้วยแสงสายฟ้าชวนประหวั่นควบทะยาน
พริบตานั้นดวงตามากมายแสบแปลบ จิตใจสั่นตระหนก ล้วนไม่อาจมองเห็นโดยกระจ่าง
ตูม!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์