เด็กหนุ่มหล่อเหล่าคนนั้นเดือดดาล ใช้นิ้วชี้หลินสวินพลางกล่าว “ภัยจะมาจากปากงั้นเหรอ เจ้ากล้าข่มขู่ข้า พูดมา! ใครส่งเจ้ามา ถ้าไม่ตอบตามความจริง วันนี้ก็อย่าคิดว่าจะได้ออกไป!”
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
ใกล้ๆ เด็กหนุ่มรูปงาม ผู้คุ้มกันทั้งหมดต่างชักอาวุธออกมา จ้องหลินสวินอย่างเย็นชา ท่าทางเตรียมพร้อมลงมือตลอดเวลา
ความเย็นเยียบแวบผ่านเข้ามาในแววตาของหลินสวิน เขารู้ว่าอีกฝ่ายเข้าใจผิด
ทว่าแม้จะเข้าใจผิดก็ไม่ควรเผด็จการขนาดนี้หรือเปล่า
“หากข้าอยู่ต่อ เจ้าจะรับผลลัพธ์ได้หรือ”
หลินสวินพูดสบายๆ ความลุ่มลึกของเสียงคำรามผู่เหลาขับเคลื่อนไปอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้เสียงของเขาแฝงพลังชวนตะลึงที่น่าสะพรึงกลัว
เด็กหนุ่มรูปงามนั่นสั่นเทิ้มไปทั้งกาย เท้าเซถอยล้มลงกับพื้น สะเทือนไปทั้งร่าง
ผู้คุ้มกันเหล่านั้นหัวใจสะท้าน ร้อนรนอย่างที่สุด ยากจะเชื่อนัก ภาพนี้แปลกประหลาดเกินไป คำพูดเดียวเท่านั้นก็สยบคุณชายน้อยของพวกเขาได้แล้ว!
“เจ้ากล้าลอบโจมตี!”
เด็กหนุ่มหล่อเหล่าคนนั้นกรีดร้อง เคียดแค้นอย่างที่สุด “พวกเจ้ายังอึ้งอะไรอยู่ ไปฆ่าไอ้สารเลวนั่นซะ!”
หลินสวินขมวดคิ้ว ถ้าเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ หลังจากถูกโจมตีเช่นนี้จะต้องระแวงและระมัดระวัง ไม่กล้าเหิมเกริมกับตนอีก
แต่เด็กหนุ่มคนนี้กลับแตกต่าง เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเด็กหนุ่มที่ถูกเลี้ยงอย่างตามใจมาตั้งแต่เด็ก ที่ผ่านมายโสโอหังจนติดเป็นนิสัย ไม่เคยเสียเปรียบอะไรมาก่อน
“หุบปาก!”
เหตุการณ์เข่นฆ่ากำลังจะเกิดขึ้น ก็เห็นว่าตอนนี้เองในที่สุดหญิงสาวอ่อนโยนที่เดินออกจากเกี้ยวสมบัติก็หมดความอดทน ดุว่าเด็กหนุ่มรูปงาม “เสี่ยวเทียน เจ้าก่อเรื่องพอหรือยัง ไม่ถามความจริงให้รู้เรื่องก็ฆ่าฟันกัน นี่จะกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว!”
ตอนที่นิ่งเงียบนางดูอ่อนโยนมาก แต่พอโกรธขึ้นมากลับแฝงความน่าเกรงขามอันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้สีหน้าของเด็กหนุ่มหล่อเหลาเปลี่ยนไป สุดท้ายก็อดกลั้นไม่เอ่ยวาจา
ในเวลานั้นหญิงสาวหันมองหลินสวิน พูดอย่างรู้สึกผิด “น้องชายคนเล็กคนนี้ของข้าถูกตามใจจนเสียคน จึงล่วงเกินคุณชาย หวังว่าคุณชายจะเข้าใจ”
หลินสวินขานรับว่าอ้อ ท่าทางคล้ายยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “ในเมื่อเจ้ารู้แต่แรกว่านิสัยของเขาแย่เพียงนี้ ก่อนหน้านี้กลับไม่ห้าม หรือต้องการพิสูจน์ความอดทนของข้า”
สีหน้าของหญิงสาวยิ่งรู้สึกผิด “ที่แท้คุณชายก็ดูออกแล้ว นี่เป็นความผิดของข้าจริงๆ หากคุณชายไม่พอใจ ข้ายินดีมอบความจริงใจให้คุณชายเป็นการชดเชย”
นางจริงใจมาก ไม่ได้เถียงและปกปิด ทำให้หลินสวินอึ้งไป ในใจแอบพูดว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา
“ไม่จำเป็น ในเมื่อเป็นเรื่องเข้าใจผิดข้าย่อมไม่ถือสาเด็กเมื่อวานซืน ขอตัว” หลินสวินโบกมือง่ายๆ แล้วพลันหมุนตัวจะจากไป
ผู้หญิงคนนั้นร้อนรนเล็กน้อย รีบเอ่ยว่า “ไม่ทราบว่าคุณชายมีนามว่าอะไร”
หลินสวินพูด “พบกันโดยบังเอิญเท่านั้น ถามเรื่องนี้ทำไม”
หญิงสาวอธิบาย “คุณชายอย่าได้เข้าใจผิด เมื่อครู่นี้ล่วงเกินไปมาก ข้าเพียงอยากชดเชยความผิดอย่างเต็มที่ มิฉะนั้นคงรู้สึกไม่สบายใจ”
หลินสวินถอนหายใจในใจ ไม่สนใจนัก ท่าทีของผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะจริงใจอ่อนโยน ความจริงแอบแฝงความเร้นลับเอาไว้
นางพูดไปพูดมา ก็เพื่ออยากยืนยันฐานะของตน จะได้คาดเดาจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ก็เท่านั้น
ก็หมายความว่าจวบจนกระทั่งตอนนี้นางยังคงสงสัยว่า ที่จู่ๆ ตนปรากฏตัวหน้าเทือกเขาซึ่งมีชีพจรปราณวิญญาณแห่งนี้ เพราะมีจุดประสงค์อื่น
หลินสวินฝึกปราณมาถึงวันนี้ คลื่นลมอะไรบ้างที่ไม่เคยเจอ ความคิดเพียงเล็กน้อยเท่านี้เขามองออกในแวบเดียว ไม่จำเป็นต้องคาดเดาด้วยซ้ำก็
“หากเจ้าอยากชดเชยจริงๆ ก็ไปขุดสายแร่วิญญาณของเจ้าอย่างสบายใจเถอะ ของแค่นี้ไม่เข้าตาข้าหรอก” หลินสวินทิ้งประโยคนี้เอาไว้แล้วลอยตัวออกไปอย่างไม่ลังเลอีก
ผู้หญิงคนนั้นสีหน้าแข็งทื่อ ใบหน้างดงามร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เจ้าหมอนี่… ดันอ่านใจตนออกตั้งแต่แรกแล้วงั้นหรือ
นางคล้ายคิดอะไรอยู่ ตระหนักได้อย่างมีไหวพริบว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดายิ่ง ต่างจากเหล่าผู้กล้าที่โดดเด่นที่นางเคยเจอมา
“คุณชาย ข้านามว่าอวี๋เสวี่ยเจียว มาจากเมืองก่วมหิมะ ต่อไปหากมีวาสนาได้พบกันอีกจะชดเชยและตอบแทนแน่!”
นางพูดเสียงใส เสียงดังออกไปไกลมาก เพียงแต่เสียดายที่หลินสวินไปไกลแล้ว จึงไม่รู้ว่าได้ยินหรือไม่
“ท่านพี่ ด้วยฐานะของท่าน เหตุใดต้องเคารพเจ้าหมอนั่นขนาดนี้ ข้าว่าเจ้าหมอนั่นเจ้าเล่ห์อย่างเห็นได้ชัด มีเจตนาไม่ดี!” เด็กหนุ่มรูปงามนั่นไม่พอใจมาก เขามีชื่อว่าอวี๋เสวี่ยเทียน เป็นน้องชายแท้ๆ ของอวี๋เสวี่ยเจียว
ผู้คุ้มกันคนอื่นๆ ก็สงสัยมาก
ตระกูลอวี๋ของพวกเขาทรงอิทธิพลเป็นอันดับหนึ่งในเมืองก่วมหิมะ ชื่อเสียงเลื่องลือในรัศมีหนึ่งหมื่นลี้นี้ และด้วยฐานะหญิงสาวรุ่นเยาว์ตระกูลอวี๋ที่โดดเด่นที่สุด ในเมืองก่วมหิมะ อวี๋เสวี่ยเจียวเรียกได้ว่ามีชื่อเสียงโด่งดัง ฐานะสูงส่ง
แต่ตอนนี้นางกลับทั้งยอมถอยและขอโทษเด็กหนุ่มที่ไม่คุ้นหน้าคนนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า นี่เห็นได้ชัดว่าผิดปกติเกินไป!
อวี๋เสวี่ยเจียวชะงักไปครู่หนึ่งจึงถอนหายใจเบาๆ “พวกเจ้าจะเข้าใจอะไร เมื่อครู่นี้หากเขาต้องการช่วงชิงสายแร่วิญญาณแห่งนี้จริงๆ ในบรรดาพวกเราใครก็ขวางไม่อยู่”
นางฝึกวิชาลับจิตวิญญาณมาตั้งแต่เด็ก การรับรู้ยิ่งใหญ่อย่างที่สุด ตั้งแต่เห็นหลินสวินในแวบแรกนางก็รู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างที่สุด ราวกับหุบเหวใหญ่ที่ลึกล้ำเกินจะคาดเดา!
“พวกเราออกมาเกือบเดือนแล้ว ควรจะกลับเมืองได้แล้ว…” จู่ๆ อวี๋เสวี่ยเจียวก็ตัดสินใจ ดูกะทันหันมาก ทำให้คนอื่นๆ ต่างอึ้งงัน
กลับเมืองก่วมหิมะหรือ
……
สองชั่วยามหลังจากนั้น
ทอดสายตามองไป ลักษณะภูมิประเทศเปลี่ยนเป็นราบเรียบและกว้างขวางขึ้น
บนทุ่งรกร้าง หมู่เขาค่อยๆ ซ่อนตัวบนเส้นขอบฟ้า สามารถมองเห็นเค้าโครงกำแพงเมืองขนาดใหญ่แห่งหนึ่งแต่ไกล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์