ตลอดทางมีสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันไม่น้อยตามหลัง บุคคลที่ดูเหมือน ‘อริยะ’ เช่นนี้ผู้หนึ่งปรากฏบนโลกยุคปัจจุบัน จะเป็นเพราะอะไรกัน
นี่ทำให้พวกเขาสงสัย เพียงแต่เมื่อเห็นว่าตอนนี้เงาร่างของนางปรากฏหน้าเขาคุนอู๋ สัตว์ประหลาดระดับราชันเหล่านี้ล้วนใจสะท้านไหว แทบงงงวย
นาง…
นี่จะทำอะไร
เขาคุนอู๋สูงตระหง่านและศักดิ์สิทธิ์ ไอสีม่วงอบอวล ผู้ฝึกปราณเรือนกระบี่เร้นปุจฉาที่อารักขาอยู่ภายในนั้น เวลานี้ล้วนขนลุกซู่ รู้สึกกดดันอย่างยิ่งยวด แข็งทื่อไปทั้งตัว หน้าเปลี่ยนสีในทันใด
ไม่นานนักเจ้าสำนักเรือนกระบี่เร้นปุจฉาก็ตื่นตระหนก นำบุคคลชั้นสูงในสำนักทั้งหมดออกมา
เพียงแต่เมื่อเห็นเงาร่างอรชรที่ยืนเด่นอยู่เหนือห้วงอากาศนั้นพวกเขาก็หน้าเปลี่ยนสียิ่ง ไม่อาจรักษาความสุขุมเยือกเย็นได้ ประหนึ่งเผชิญหน้ากับผู้เป็นนายเหนือหัวคนหนึ่ง
“พวกเจ้าถอยไปให้หมด!” ก็ในตอนนี้เอง กลางเขตหวงห้ามหลังเขาที่ลี้ลับที่สุดในเขาคุนอู๋ก็มีเสียงชราเสียงหนึ่งดังออกมา เผยความน่าเกรงขามอย่างยิ่ง
ผู้อาวุโสชางเจิ้งก็ตื่นตระหนกเข้าแล้ว!
ในชั่วพริบตา โดยรอบเรือนกระบี่เร้นปุจฉาล้วนสั่นไหวจนไม่อาจพูนเพิ่มไปมากกว่านี้ได้แล้ว
ผู้อาวุโสชางเจิ้ง คนเก่าแก่ระดับดึกดำบรรพ์ที่มีชีวิตผู้หนึ่ง ทั้งยังเป็นอริยะที่ชื่อเสียงสะเทือนไปทั้งดินแดนรกร้างโบราณคนหนึ่ง!
เพียงแต่เขาไม่ได้เปล่งเสียงมานับพันปีแล้ว แต่ตอนนี้กลับตื่นตระหนกและออกคำสั่ง ทำให้พวกเขาย่อมสั่นสะท้านอย่างมาก ทั้งรู้สึกได้ว่าเงาร่างอ้อนแอ้นที่มาอย่างกะทันหันนั้นต้องมีที่มาน่าหวาดหวั่นแน่
หาไม่แล้วจะทำให้อริยะชางเจิ้งสะทกสะท้านได้อย่างไร
หญิงสาวยืนอยู่ตรงนั้นกลับเหมือนไม่รับรู้ททุกอย่างนี้ ดวงตาคู่นั้นของนางกวาดมองเขาคุนอู๋ สีหน้าปรากฏความเจ็บปวด
ระหว่างที่เหม่อลอยอยู่นั้น นางราวกับได้ยินเสียงหัวเราะภาคภูมิไร้ซึ่งข้อจำกัดเสียงนั้นอีกครั้ง…
‘ไม่แค้นใจที่ผู้คนในอดีตไม่เห็นข้า แต่แค้นใจที่ผู้คนในอดีตไม่ได้เห็นข้าบ้าระห่ำ!’
คนผู้นั้นในตอนนั้นสวมอาภรณ์สีขาวทั้งตัว พรสวรรค์โดดเด่น จิตใจฮึกเหิม เคยฟันแปดพันบรรพตให้สะบั้นในกระบี่เดียว อานุภาพข่มขวัญไปทั้งสิบเก้าเขตแดนของดินแดนรกร้างโบราณ
แต่กาลเวลาผันผ่าน ตอนนี้แม้แต่เขาก็ไม่อยู่แล้ว…
หญิงสาวลอบถอนใจในใจ เยื้องย่างในห้วงอากาศ มาถึงในเขาคุณอู๋อย่างฉับพลัน เงาร่างปรากฏขึ้นหน้ากระท่อมที่ทรุดโทรมหาใดเทียบหลังหนึ่ง
ระหว่างนี้ค่ายกลใหญ่ปกปักษ์ภูเขาที่เรียกได้ว่าสามารถปลิดชีพสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันได้นั้น กลับไม่ไหวติงแม้สักนิด
ส่วนเหล่าผู้ฝึกปราณของเรือนกระบี่เร้นปุจฉาทั้งหมดต่างงงงวย สะเทือนขวัญจนอึ้งงันอยู่เช่นนั้น ภาพตรงหน้านี้เหนือธรรมดาและน่าหวาดหวั่นเกินจินตนาการของพวกเขาไปแล้ว!
หินลับกระบี่ก้อนหนึ่งตั้งอยู่หน้ากระท่อม แวววาวดุจกระจก บนนั้นยังมีเจตกระบี่ไร้เทียมทานพวยพุ่ง เสียดแทงหาใดเทียบ
“ขอสหายยุทธ์หยุดก่อน นี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเรือนกระบี่เร้นปุจฉาของข้า ไม่อาจยลได้”
เสียงอริยะชางเจิ้งดังขึ้น เป็นทั้งการเตือนและบอกให้ระวัง
ทว่าตั้งแต่เริ่มจนจบเขาไม่ได้ลงมือขัดขวางไม่ให้หญิงสาวผู้นั้นเข้าสู่เรือนกระบี่เร้นปุจฉาอย่างแท้จริง นี่บ่งบอกว่าขนาดอริยะระดับเขายังรับมือไม่ไหวอยู่บ้างโดยไม่ต้องสงสัย
หญิงสาวไม่ใส่ใจเรื่องเหล่านี้ ยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น จดจ้องกระท่อมที่ผ่านลมฝนจนทรุดโทรมมานานแล้วหลังนั้น ครู่ใหญ่จึงเอ่ยพึมพำว่า “สหายร่วมทางในชีวิตล้วนล้มหายตายจาก ช่างน่าห่อเหี่ยว ผู้ที่เข้าใจข้ามีแต่สหายเหล่านั้น ผ่านไปเนิ่นนานปีล้วนแก่ชรา เฉยชาต่อสรรพสิ่งในโลกา…”
น้ำเสียงเศร้าซึม ดูทดท้อใจและสิ้นหวังอย่างไร้สิ้นสุด
นางเดินมาหน้าหินลับกระบี่ก้อนนั้น ก้มหน้ามองพื้นผิวหน้าหินที่ราวกับกระจก คลับคล้ายสะท้อนเงาร่างสูงใหญ่ซึ่งโดดเด่นในยุคสมัยนั้น
นางอดไม่ได้ที่จะยื่นมืองามข้างหนึ่งออกไป หมายจะลูบหินลับกระบี่ก้อนนั้น
“สหายยุทธ์หยุดมือ!”
เสียงของอริยะชางเจิ้งพลันดังขึ้น เจือไปด้วยแรงกดดันลี้ลับที่น่ากลัว
ชั่วพริบตาทั้งเขาคุนอู๋ก็สั่นระริก เวิ้งฟ้าสภาพอากาศแปรผันในทันใด กลิ่นอายพาให้ผู้อื่นหายใจไม่ออกตลบอบอวลมาด้วย
นี่เป็นโทสะแห่งอริยะ เมื่อในใจครุ่นคิด จักรวาลก็แปรเปลี่ยนโดยง่าย ภูผาธาราล้วนสั่นไหว
มองจากที่ไกลออกไป ทั้งเขาคุณอู๋ปกคลุมไปด้วยพลังลี้ลับน่าครั่นคร้ามชั้นหนึ่ง ทำให้สิ่งมีชีวิตที่อยู่ใกล้เคียงภายในหมื่นลี้ล้วนสั่นระรัว แทบจะอ่อนยวบลงไปกับพื้น
สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันที่ตามมาด้วยบางคนล้วนสั่นเทาไปทั้งตัว สีหน้าตื่นตะลึง นี่เป็นพลานุภาพของอริยมรรคที่แท้จริง!
หรือว่าอริยะชางเจิ้งแห่งเรือนกระบี่เร้นปุจฉาจะลงมือต่อกรหญิงสาวลี้ลับผู้นั้น
หน้ากระท่อมทรุดโทรม หญิงสาวมุ่นคิ้ว ราวกับในที่สุดก็ออกจะหมดความอดทนแล้ว ปลายนิ้ววาดออกไปเบาๆ
เจตกระบี่ปรากฏขึ้น ด้านบนพุ่งทะลุเก้าชั้นเมฆ ด้านล่างกดลงมายังคุนอู๋!
โครม!
พลังกดทับของอริยะที่ปกคลุมอยู่เดิมในฟ้าดินบริเวณนี้ ระเบิดสลายเป็นเสียงอึกทึกที่สะท้านสะเทือนจนหูแทบหนวก กระเซ็นกระสายรอบทิศราวกระแสวารี
ในขณะเดียวกันอริยะชางเจิ้งก็ส่งเสียงอึดอัด เหมือนรู้สึกเสียเปรียบไม่น้อย แต่ทันใดนั้นเขาก็ร้องออกมาอย่างฉงนว่า “ฟันหมู่เมฆานิรันดร์ได้ในกระบี่เดียว! เหตุใดเจ้าถึงใช้มรดกตกทอดของเรือนกระบี่เร้นปุจฉาของข้าได้”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
หญิงสาวกลับไม่สนใจเขาอีก ใช้ปลายนิ้วลูบลงบนหินลับกระบี่นั้นเบาๆ สีหน้าแฝงไปด้วยความทดท้อ เอ่ยทอดถอนใจเบาๆ ว่า “เวิ่นเสวียนนะเวิ่นเสวียน ผู้คนในโลกยกย่องให้เจ้าเป็นมหาจักรพรรดิแห่งวิถีกระบี่ แต่แล้วอย่างไรเล่า ผ่านไปนับหมื่นนับพันปี สรรพสิ่งในโลกมนุษย์ล้วนกลายเป็นว่างเปล่าอย่างที่เจ้าเคยว่าไว้แต่แรกอยู่ดี!”
พอพูดจบนางก็หันกาย ไม่มองดูกระท่อมทรุดโทรมกับหินลับกระบี่นั้นอีก แล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
“สหายยุทธ์โปรดหยุดก่อน!”
อริยะชางเจิ้งส่งเสียงรั้ง เขาตระหนักว่าเป็นไปได้สูงที่สตรีนางนี้จะมีความสัมพันธ์กับ ‘จักรพรรดิกระบี่เวิ่นเสวียน’ ปฐมาจารย์ผู้ก่อตั้งเรือนกระบี่เร้นปุจฉาของพวกเขา!
เพียงแต่นางจากไปอย่างรวดเร็ว ลับไปในเวิ้งฟ้ากว้างใหญ่ไพศาลนานแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์