บนนภากาศ อสนีเคราะห์โหมกระหน่ำแดงก่ำดั่งโลหิต อุดมกลิ่นอายชวนประหวั่นปานทลายพิภพ
เงาร่างหลินสวินส่องสว่าง พุ่งขึ้นไปรับอสนีเคราะห์ เงาร่างสูงสง่าถูกอสนีเคราะห์โรมรันต่อเนื่อง บุปผาอสนีสีเลือดเจิดจรัสบาดตากระซ่านเซ็น
ผ่านการปิดด่านเก็บตัวเจ็ดวัน หลินสวินฟื้นฟูร่างกายจนสมบูรณ์ถึงขั้นสุดยอด ในที่สุดวันนี้จึงนำมาซึ่งเคราะห์สวรรค์เลื่อนระดับกระบวนแปรจุติ!
เปรี้ยง!
อสนีบาตสีเลือดร่ายระบำฟาดผ่าลงมา ห้วงอากาศล้วนถูกบดละเอียดกลายเป็นจุณ เขาแต่ละลูกถูกซัดแหลกลาญชั่วพริบตา ระเหยหายจากแผ่นดินโดยสมบูรณ์
พลังทำลายล้างนั่นทำให้อสูรมารบำเพ็ญและสัตว์ปีศาจบางส่วนที่อยู่ห่างไกลตระหนกจนสั่นไปทั้งตัว ประหนึ่งความกล้าแตกดับสูญสลาย ไม่อาจไม่ถอยห่างอีกครั้ง
พวกมันอาศัยอยู่ในภูเขานี้และมีมรรควิถี แต่กลับไม่อาจจินตนาโดยสิ้นเชิงว่าบนโลกนี้ถึงกับมีอสนีเคราะห์ชวนประหวั่นเช่นนี้ด้วย!
ท้องฟ้านั่นเสมือนโลหิตเทพลุกโชน แดงก่ำบาดตา อสนีเคราะห์ซัดสายฟ้าพลิกตลบ เป็นตัวแทนเจตจำนงแห่งสรวงสวรรค์ ปล่อยพลังยิ่งใหญ่ราวหมายกำจัดหมื่นมาร ทำลายฟ้ามลายดิน
ทว่าสีหน้าหลินสวินกลับไม่ไหวหวั่น นิ่งสงบอย่างไม่เคยมีมาก่อน เงาร่างเขาแผดก้อง โคจรปราณเต็มกำลัง โหมปล่อยโรมรันและต่อต้านอย่างต่อเนื่อง
ทอดมองจากที่ห่างไกล ทั่วร่างเขามีแสงประกายไหลบ่า ผมดำแผ่สยาย รูปร่างผงาดผยองประดุจเทพในตำนาน มีท่วงท่าสง่างามไร้เทียมทานประการหนึ่ง
ครืนๆ!
พลังของเคราะห์สวรรค์เปลี่ยนเป็นน่าพรั่นพรึงขึ้นเรื่อยๆ เสมือนถูกยั่วโทสะ
อสนีเคราะห์ซึ่งพลิกตลบราวเกลียวคลื่นนั่น เปลี่ยนจากสีแดงสดดั่งโลหิตเป็นสีม่วงทีละน้อย รัศมีสายฟ้าสายแล้วสายเล่าส่องประกายเจิดจรัส แสงม่วงรัดพัน แพรวพราวลานตา
ตูม!
อสนีเคราะห์สีม่วงโชติช่วงบ้างวิวัฒน์เป็นรูปลักษณ์สัตว์เทพ สัตว์ปีศาจ เสมือนดั่งมีชีวิต ปรากฏบนโลกและจู่โจมสังหารกลางนภากว้าง
บ้างวิวัฒน์เป็นสมบัติต่างๆ เช่นหอก ทวนวงเดือน ค้อนสงคราม ดาบกระบี่ ไอสังหารแผ่เต็มฟ้า สะท้านสะเทือนโลกหล้า
บ้างยังกลายเป็นรูปลักษณ์ประหลาดอย่างภูเขาสูงตระหง่าน ตำหนักโบราณพิฆาตจักรวาล เปี่ยมอานุภาพสูงส่งบดขยี้สรรพสิ่ง
แต่ไม่ว่าอสนีเคราะห์แปรเปลี่ยนอย่างไร หลินสวินไม่เคยถอยหลังแม้เพียงก้าว ปะทะมันอย่างกร้าวแกร่ง พลังหมัดส่งเสียงกัมปนาท ซัดการโจมตีทั้งมวลจนแหลกลาญ!
“สวรรค์! เจ้าหมอนี่ดุดันเกินไปแล้ว อานุภาพแห่งอสนีเคราะห์ยากจะเห็นนับตั้งแต่โบราณมา ชวนประหวั่นไร้ขอบเขต แต่เขา… ไม่เคยถูกโจมตีจนพินาศ!”
สิ่งมีชีวิตซึ่งอยู่ห่างไกลตะลึงงันอยู่ตรงนั้น
ยิ่งเป็นพวกเย้ยฟ้า อสนีเคราะห์ที่ต้องเจอก็ยิ่งร้ายกาจ นี่คือความรู้ร่วมกันของผู้ฝึกปราณทั้งหมดนับแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน
เหตุการณ์ตรงหน้าพิสูจน์โดยไม่ต้องสงสัย ว่าคนที่ข้ามด่านเคราะห์นั่นต้องเป็นปีศาจซึ่งมีพลังพลิกฟ้าผู้หนึ่งแน่
ไม่นานนักเงาร่างหลินสวินแผ่ขยาย ส่งเสียงกู่ก้อง กลิ่นอายทั่วสรรพางค์กายยกระดับอีกครั้ง เลือดลมดั่งพญามังกรควบทะยาน
นี่คือสิ่งที่บ่งบอกถึงความทรงพลังอย่างไม่เคยมีมาก่อน เหนือกว่าอดีตที่ผ่าน เต็มไปด้วยความหยิ่งผยองและมั่นใจ
ครืน!
เหตุการณ์สะเทือนใต้หล้าพลันปรากฏ เมฆาเคราะห์ซึ่งสั่งสมอสนีบาตพลิกม้วนถูกหลินสวินซัดกระจายในหมัดเดียว!
ห้วงอากาศนั้นราวถูกระเบิด เมฆาเคราะห์ซ่านเซ็นไปทั่วสารทิศ ทำให้บริเวณนั้นเกิดปรากฏการณ์ราวกับเป็นสุญญากาศ
นี่ทำให้ผู้คนยากจะเชื่อ สิ่งมีชีวิตที่อยู่ห่างออกไปเมื่อเห็นภาพนี้เข้าต่างหวาดหวั่นจนแทบล้มพับลงพื้น
นี่ยังเป็นคนอยู่ไหม
นั่นเป็นถึงมหาอสนีเคราะห์ซึ่งเรียกได้ว่าไร้เทียมทาน ชวนประหวั่นไร้ขอบเขต แค่มองไกลๆ ก็หวาดกลัวอย่างที่สุดแล้ว
แต่ตอนนี้ถึงกับถูกหมัดเดียวซัดทลาย!
ทุกสรรพชีวิตกลัวลนลาน นี่มันสัตว์ประหลาดที่โผล่มาจากไหนกันแน่
ช่างเย้ยฟ้าจริงๆ!
ใต้ผืนนภา เงาร่างหลินสวินเด่นตระหง่าน อาบไล้กลางสายฟ้าสีม่วงซึ่งแผ่สยายลอยล่อง ผิวหนังทุกกระเบียดนิ้วต่างส่องแสงประกาย พลังอันแข็งแกร่งกู่ก้องภายในร่าง อึกทึกครึกโครมดั่งฟ้าคำราม
เขากำลังสัมผัสถึงอย่างเงียบๆ
นี่คือ ‘มหาเคราะห์แห่งอสนี’ ใน ‘มหาเคราะห์สามพิบัติ’
อสนีเคราะห์ซึ่งฟาดผ่าลงมาเรียกขานว่า ‘มหาเคราะห์อสนีกลืนกิน’ เปี่ยมพลังสังหารน่าสะพรึง เพ่งเล็งที่มรรควิถีของผู้ฝึกปราณ ทันทีที่แบกรับไม่ไหวก็จะถูกขจัดฐานมรรค ทำลายล้างมรรควิถี กายหยาบและพลังปราณจะถูกกำจัดสิ้นในชั่วพริบตา ชวนประหวั่นอย่างแท้จริง
ตามที่หลินสวินรู้ ในยุคปัจจุบันยังไม่เคยได้ยินว่ามีใครชักนำ ‘มหาเคราะห์สามพิบัติ’ ยามบรรลุระดับกระบวนแปรจุติมาก่อน
ด่านเคราะห์เช่นนี้ สมัยบรรพกาลเองก็ยากพบเห็นอย่างยิ่ง มีเพียงบุตรเทพโดยกำเนิดที่แท้จริงและพวกระดับผู้กล้าซึ่งเรียกได้ว่าไร้เทียมทาน จึงจะสามารถชักนำมหาเคราะห์เช่นนี้มาได้!
‘มรรคาแห่งมกุฎ โดดเด่นเหนือใครจริงดังว่า ทั้งแตกต่างจากผู้อื่น…’
ในใจหลินสวินเกิดความหยั่งรู้มากมาย
อสนีเคราะห์สีม่วงซึ่งถูกซัดละเอียดกลายเป็นละอองแสงพร่างฟ้า กำลังถูกร่างกายเขาเขมือบกลืน ทำให้ปราณเขาเกิดการแปรสภาพน่าอัศจรรย์
ถ้ำสวรรค์ภายในร่างบีบรัดตัวต่อเนื่อง แท่นมรรคโบราณก็กำลังถูกขัดเกลาทีละเล็กทีละน้อยอย่างเลือนราง ควบรวมเป็นต้นแบบจักระเทพแจ่มจรัสบาดตาสายหนึ่ง…
ตูม!
ไม่รอให้การแปรสภาพเช่นนี้สิ้นสุด บนท้องฟ้าเกิดภัยพิบัติน่าตระหนกอีกครั้ง ปรากฏรอยร้าวชวนประหวั่นหลากสาย แต่ละสายต่างยาวพันจั้ง
เมื่อแหงนมองจากพื้นดิน ท้องฟ้าเสมือนเครื่องแก้วแตกร้าว
ขณะเดียวกันเปลวเพลิงสีดำสนิทที่ราวโปร่งแสงสายแล้วสายเล่า พวยพุ่งออกจากรอยร้าวใหญ่บนอากาศอย่างเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง ทั้งไม่เปล่งประกายหรืองามแปลกตา แต่กลับมีกลิ่นอายของความน่ากลัวที่แฝงซ่อนประการหนึ่งรางๆ
ทว่านี่กลับพาให้ใจสั่นระรัว!
ห่างออกไปสิ่งมีชีวิตทั้งมวลจิตวิญญาณระส่ำระสาย รู้สึกหายใจไม่ออกราวจะสิ้นชีพ สีหน้าล้วนเปลี่ยนแปลงยกใหญ่
นี่มันเคราะห์อะไรกัน
ไม่ใช่อสนีบาตอีก แต่เป็นเพลิงทมิฬโปร่งแสงที่เงียบเชียบอย่างน่าประหลาด!
เปรียบเทียบกันแล้ว อัคคีเคราะห์เช่นนี้น่าหวาดกลัวกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์