วายุสีดำส่งเสียงหวีดหวิวปกคลุมฟ้าดินพันลี้ เสียงดั่งเทพมารคำราม สั่นสะเทือนกลางฟ้าดิน
นอกจากหลินสวิน ทุกอย่างบริเวณนี้ล้วนจมสู่การดับสูญ สรรพสิ่งไม่อาจดำรง แม้แต่ห้วงอากาศยังถูกฉีกทึ้งบดขยี้ราวเศษผ้า
ฮูมๆๆ …
เคราะห์วาโยยิ่งน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ ฟ้าดินปั่นป่วนโกลาหล สายลมสีดำซัดกระหน่ำมืดฟ้ามัวดิน เสมือนตกอยู่ในแดนไร้วิชา
กระทั่งต่อมาเงาร่างหลินสวินก็ถูกฝังกลบอยู่ภายใน ไม่อาจหาพบอีก
…
บริเวณที่ห่างจากป่าเขารกร้างนี้ไปไกลโพ้น มีเมืองแห่งหนึ่งนามว่าหมอกโลหิต
ขณะนี้ในเมืองหมอกโลหิต ผู้ฝึกปราณมากมายต่างตื่นตระหนก แหงนหน้าขึ้นฟ้าโดยไม่ได้นัดหมาย สายตามองไปยังพื้นที่รกร้างห่างไกลโดยพร้อมเพรียง
ท้องฟ้าตรงนั้นดำสนิทราวน้ำหมึก รุกคืบกลางฟ้าดินดั่งเพลิงโหม ปรากฏการณ์น่าสะพรึงกลัวราวกับมีอสูรมารไร้เทียมทานอุบัติบนโลก
เพียงแค่มองปราดเดียวต่างทำผู้คนใจสะท้าน สัมผัสถึงความหนาวเย็นยากอธิบาย
“นั่นมันอะไร”
คนมากมายหน้าเปลี่ยนสี ร้องอุทานไม่หยุด
“เป็นด่านเคราะห์ที่สวรรค์ส่งลงมา… วาโยดับวิชา… ตำนานที่บันทึกไว้ในตำราโบราณเป็นเรื่องจริงหรือนี่…”
ผู้แข็งแกร่งรุ่นอาวุโสคนหนึ่งส่งเสียงทอดถอนใจคล้ายละเมอ “สามารถคาดการณ์ได้เลยว่า นั่นต้องเป็นบุคคลระดับปีศาจเย้ยฟ้าแน่ มิฉะนั้นคงไม่มีทางชักนำด่านเคราะห์อันเป็นประวัติการณ์เช่นนี้ได้!”
ผู้ฝึกปราณจำนวนมากฮือฮา สั่นสะท้านไม่หยุด
“คนที่ข้ามด่านเคราะห์ คงไม่ใช่ผู้กล้าแห่งยุคคนหนึ่งกระมัง เพียงแต่จะเป็นใครกันแน่”
“ไป ไปดูกัน!”
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น พวกเขาทะยานหวือแหวกอากาศ พุ่งไปยังป่าเขารกร้างอันห่างไกลนั่น
“ต้องระวังให้ดี! อย่าเข้าใกล้พื้นที่ที่เคราะห์วาโยดับวิชานั่นปกคลุมเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นต่อให้เจ้ามีความสามารถเทียมฟ้าก็ต้องกายสิ้นมรรคสลาย!”
ผู้ฝึกปราณรุ่นอาวุโสคนหนึ่งส่งเสียงเตือน
แต่ไม่เพียงไม่สามาถทำให้ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นหวาดกลัวจนถอยร่น กลับทำให้พวกเขาใคร่รู้ยิ่งกว่าเดิม เคราะห์สวรรค์ซึ่งแต่โบราณมายากจะเห็นเช่นนี้ คือสิ่งที่อริยเทพคนใดชักนำมากันแน่
สายลมทมิฬดุจกระแสน้ำปกคลุมฟ้าดิน ทำเอาทั่วบริเวณนั้นประหนึ่งกลายเป็นแดนมารบรรพกาล น่าสะพรึงกลัวหาใดเปรียบ
“เฮ้ยๆ น่ากลัวเกินไปแล้ว นี่สหายยุทธ์คนไหนกำลังข้ามด่านเคราะห์กัน”
ผู้ฝึกปราณบางส่วนที่เร่งตามมาอ้าปากค้างตาเบิกโพลง
ด่านเคราะห์ใหญ่เช่นนี้ หลายปีมานี้ไม่เคยเกิดขึ้นในแดนฐิติประจิมมาก่อน! น่าเหลือเชื่อและชวนประหวั่นเกินไปแล้ว!
“บางทีอาจมีเพียงสมัยบรรพกาล ถึงจะได้เห็นด่านเคราะห์สะเทือนใต้หล้าเช่นนี้กระมัง”
มีผู้ฝึกปราณทอดถอนใจ
“ใครกำลังข้ามด่านเคราะห์กันแน่ เหตุใดถึงมองไม่เห็นเงาร่างเขา แล้วในแดนฐิติประจิมใครจะมีพลังพลิกฟ้าเช่นนี้”
ในใจผู้ฝึกปราณอีกมากมีความใคร่รู้ที่ระงับไม่อยู่ เบิกตามองหา แต่กลับไม่อาจมองเห็นเงาร่างคนที่ข้ามด่านเคราะห์
ตูม!
ทันใดนั้นเหนือฟ้ามีเสียงสะท้านสะเทือนทึบหนัก แม้อยู่ห่างไกลก็ยังทำให้เหล่าผู้ฝึกปราณที่ทอดมองมาอึดอัดหน้าอก หัวใจเกือบแหลกสลาย ยากทานทนจนเกือบกระอักเลือด
“รีบดูเร็ว!”
มีคนร้องเสียงหลง
ก็เห็นห้วงอากาศซึ่งถูกเคราะห์วาโยดับวิชาปกคลุมจนประหนึ่งแดนมารนั่นพลันส่องสว่าง แสงอัศจรรย์นับหมื่นพันโฉบพุ่งดั่งรุ้งเทพ ควบรวมเป็นจักระเทพพร่างพราวหาใดเปรียบวงหนึ่ง!
จักระเทพดุจตะวัน โอบล้อมด้วยแสงเจิดจรัส ต่อให้เป็นเคราะห์วาโยดับวิชาก็ปิดกั้นไม่อยู่ เจิดจ้าเหลือประมาณ
จักระเทพกลมสมบูรณ์นั่นหมุนวนเนิบช้ากลางอากาศ สำแดงลักษณ์อัศจรรย์ผุดผ่องไพศาลไร้จำกัด
มีเงาเทพสูงใหญ่เหยียดกาย สำแดงวิชาหมัดไร้เทียมทานผลาญสวรรค์ต้มสมุทร ทลายสรรพวิญญาณ สั่นคลอนฟ้าดิน
มีปลายดาบแหวกเมฆทะลวงฟ้า สะท้อนลักษณ์ประหลาดชวนประหวั่นต่างๆ อย่างดวงดาราร่วงหล่น จันทร์เต็มดวงกลางฟ้า ดวงตะวันเจิดจ้าโดดเด่น
ยังมีเงาแห่งสัตว์เทพบรรพกาลมากมายปรากฏ ทั้งชือน้ำแข็ง ฟู่ซี่ ปี้อั้น ซวนหนี ป้าเซี่ย ผูเหลา เฉาเฟิง…
ภาพต่างๆ ปรากฏในจักระเทพเปล่งประกายนั่นอย่างงดงาม วิเศษอัศจรรย์ไม่เป็นสองรองใคร สะท้านฟ้าสะเทือนดินอย่างแท้จริง
กระทั่งต่อมาถึงขั้นปรากฏภาพเทพยิงตะวัน กาทองครวญโลหิต!
ทว่าภาพเช่นนี้กลับแทบไม่มีใครสามารถสังเกตเห็น เพราะจักระเทพนั่นเจิดจ้าเกินไป ราวตะวันดวงโตแห่งจักรวาลกำลังส่องแสงสว่างไสว ไม่อาจมองโดยตรง
“กระบวนแปรจุติ! นี่คือเคราะห์สวรรค์ที่ชักนำมาด้วยการบรรลุระดับกระบวนแปรจุติ!”
“สวรรค์! ต้องเป็นตัวประหลาดระดับใดจึงสามารถมีพลังน่าหวาดกลัวเช่นนี้ แค่ยามก้าวสู่ระดับกระบวนแปรจุติก็เรียกด่านเคราะห์ไร้เทียมทานยากพบเห็นตั้งแต่โบราณกาลเช่นนี้”
ผู้ฝึกปราณทั้งหมดต่างตื่นตระหนก พวกเขาเพิ่งตระหนักว่าคนที่ข้ามด่านเคราะห์ มีโอกาสสูงที่จะเป็นผู้กล้าระดับปีศาจรุ่นเยาว์คนหนึ่ง!
“มหาสงครามจะมาแล้วอย่างนั้นหรือ ทำไมหลังจากเทพมารหลินปรากฏตัว บนโลกนี้ยิ่งเริ่มปรากฏสัตว์ประหลาดมากขึ้นเรื่อยๆ”
ผู้ฝึกปราณบางส่วนสั่นไปทั้งตัว
“เทพมารหลิน? ฮึ ตอนนี้เขาถูกผู้กล้าแห่งยุคมากมายลบหลู่และประณาม ต่างเห็นว่าเขามีแค่ชื่อเสียงจอมปลอมเท่านั้น มีหรือจะสามารถเปรียบกับปีศาจที่กำลังข้ามด่านเคราะห์ตรงหน้านี้ได้”
และมีผู้ฝึกปราณจำนวนมากเหยียดหยาม นำภาพเหตุการณ์ตรงหน้ามาประณามคนที่ถูกเรียกว่าเทพมารหลิน…
นี่เหมือนเรื่องตลกและเหลวไหลยิ่งโดยไม่ต้องสงสัย หากให้พวกเขารู้ว่าคนที่กำลังข้ามด่านเคราะห์นั่นก็คือเทพมารหลินที่พวกเขาต่างปรามาส ไม่รู้ว่าจะรู้สึกอย่างไร
ครืน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์