ด้านหน้าภูเขา ผู้ฝึกปราณจำนวนนับไม่ถ้วนยืนมั่น แววตาลุกโชน ต่างพากันจับจ้องต้นโคมสำริดมรรคโบราณที่ตั้งอยู่บริเวณกึ่งกลางเขา
ลำต้นหยาบหนาราวกับมังกรยึดพื้นที่เหมือนถูกหล่อมาจากสำริด กิ่งก้านแข็งแรงแผ่ขยายออกไปทั่วสารทิศดุจดั่งดาบกระบี่ บนนั้นมีดอกตูมสำริดพันกว่าดอกควบรวมออกมา แสงเรืองรองศักดิ์สิทธิ์พรั่งพรูดุจฝนเพลิงเริงระบำ มหัศจรรย์หาที่เปรียบไม่ได้
นี่คือวาสนาไร้เทียมทานครั้งหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่เคยมีมาก่อน
พบยากนิรันดร์กาล!
ตูม!
มีผู้กล้าเริ่มเคลื่อนไหว เป็นซาหลิวฉานนายน้อยแห่งเผ่าฉลามสมุทร ทั่วร่างเขาคละคลุ้งด้วยพลังพวยพุ่งระฟ้า แหวกอากาศออกไป
ผู้คนมองเห็นในทันที กลางฟ้าดินผืนนั้นผุดคลื่นผนึกต้องห้ามลึกลับสายหนึ่ง ขัดขวางไม่ให้ใครเข้าใกล้ ราวกับม่านแสงที่พาดผ่านฟ้าดิน
วู้ม!
ยามที่ซาหลิวฉานเฉียดใกล้ ม่านแสงชั้นนั้นก็ปลดปล่อยแสงมรรคสีสดใสออกมาทันที ปกคลุมตัวซาหลิวฉานเอาไว้ในนั้น
จากนั้นภาพอัศจรรย์ฉากหนึ่งปรากฏขึ้น ก็เห็นซาหลิวฉานตัวหดเล็กลงด้วยความรวดเร็วน่าอัศจรรย์ ท้ายที่สุดก็มีขนาดเล็กเท่ามด ถูกแสงมรรคสายหนึ่งห่อหุ้ม ไปถึงบนเขาพยับครามแห่งนั้นแล้วก็มองไม่เห็นอีกเลย
ผู้คนในที่นั้นต่างสูดหายใจเฮือก รู้สึกสะพรึงไม่สิ้น
‘ในความเล็กจ้อยซุ่มซ่อนความยิ่งใหญ่?’ สีหน้าหลินสวินเริ่มเปลี่ยนไปเป็นแปลกประหลาดเล็กน้อย
นี่คือพลังวิเศษสูงสุดอย่างหนึ่ง พลังแห่งการแปรเปลี่ยนห้วงอากาศ ใบไม้หนึ่งใบดอกไม้หนึ่งดอกต่างรับน้ำหนักโลกหนึ่งมิติ ทำให้สรรพสิ่งเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเดิม
เมื่อครั้งเข้าสู่ ‘แดนลับอสูรมารอริยะ’ ในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ หลินสวินก็เคยได้เห็นวิธีแบบเดียวกันนี้บนคีรีแห่งดวงกมลอันลึกลับยากหยั่งถึงลูกนั้นมาแล้ว
ตอนนั้นดอกบัวดอกหนึ่งเบ่งบาน ส่องสะท้อนจักรวาล และภายในบัวดอกนั้นก็ซุกซ่อนร่องรอยบรรพกาลที่แท้จริงอย่าง… คีรีแห่งดวงกมล!
เพียงแต่หลินสวินกลับคิดไม่ถึงว่าหน้าเขาพยับครามลูกนี้ ตนจะได้พบเห็นวิธีที่เรียกได้ว่าสุดแสนวิเศษระดับนี้อีกครั้ง!
‘ดูท่าบนภูเขาลูกนี้ จะต้องมีอานุภาพอริยมรรคแท้จริงครอบคลุมพื้นที่อยู่แน่…’
หลินสวินรู้สึกทอดถอนใจอยู่ในใจ
“ไป!”
ในบริเวณนั้นยามนี้ชุลมุนวุ่นวายกันเป็นแถบ ผู้กล้าคนแล้วคนเล่าเริ่มเคลื่อนไหว แย่งกันเฮโลหมายจะเข้าสู่เขาพยับครามก่อนใคร
ทั้งชิงหลี่ฮวนแห่งสำนักยุทธ์สมุทรคราม อู่ต้วนหยาแห่งสำนักตะวันทมิฬ จั๋วขวงหลันแห่งสำนักกระบี่โผผิน ลู่จิ่วเกอองค์ชายห้าแห่งเผ่าอีกาเพลิง…
ประเดี๋ยวเดียวลำแสงพุ่งปราดทั่วฟ้าดินราวกับสายรุ้งวิเศษ แน่นทึบเป็นแถบๆ เจิดจ้าพร่าตา ทำเอาเกิดเสียงร้องอุทานระลอกแล้วระลอกเล่าดังก้องไปทั่ว
ไม่นานนักบุคคลไร้เทียมทานอย่างเหลยเชียนจวินแห่งเผ่ามหาอสนี ชิงเหลียนเอ๋อร์ธิดาเทพเผ่าหงส์เขียวต่างก็ทยอยแหวกว่ายห้วงอากาศออกไปตามๆ กัน
‘หืม? เจ้าหมอนี่ก็มาจริงด้วยๆ’
หลินสวินอึ้งงัน ชำเลืองมองเงาร่างคุ้นตาสายหนึ่ง เป็นฟางหลินหานผู้สืบทอดอาศรมดาบแปดวิทูรคนนั้นนั่นเอง
เจ้าหมอนี่ยังคงบ้าคลั่งดุดันเฉกเช่นที่ผ่านมา ผมยาวสีดำปลิวไสว สะพายดาบศึกที่หลังเล่มหนึ่ง ท่าทางอหังการ ประหนึ่งว่าตัวข้าเป็นหนึ่งในใต้หล้า
เพียงแต่ไม่นานสีหน้าหลินสวินก็เปลี่ยนเป็นอึดอัดเล็กน้อย เก็บสายตากลับมาอย่างค่อนข้างร้อนตัว
เพราะเวลานี้เอง เงาร่างของจี้ซิงเหยาธิดาเทพแห่งเรือนกระบี่เร้นปุจฉาได้ปรากฏขึ้น
นางสวมชุดกระโปรงสีพื้น เอวบางร่างอ้อนแอ้น อิริยาบถโดดเด่น บุคลิกเย็นชาราวกับหิมะ รูปโฉมไร้ที่เปรียบ ราวกับเทพเซียนบนสวรรค์ก็ไม่ปาน
ทันใดนั้นสายตาแทบทุกคนถูกดึงดูดเข้าไป ผู้ฝึกปราณมากหน้าหลายตาต่างผุดแววแห่งบ้าคลั่ง รวมถึงน้ำลายหกและเทิดทูน
ถึงแม้ครั้งนี้จี้ซิงเหยาไม่ได้สวมหน้ากาก แต่หลินสวินก็จำได้ตั้งแต่แวบแรก นี่ก็คือเด็กสาวหยิ่งยโสที่เคยต่อสู้กับตนในคราวนั้นนั่นเอง
‘ครั้งนี้อย่าไปเจอะเจอหน้านางเป็นอันขาดดีกว่า…’ หลินสวินลอบพึมพำกับตัวเอง
ทั่วบริเวณอลหม่านอย่างรวดเร็ว เสียงฮือฮาทะลุฟ้าดังก้องขึ้น หลินสวินอึ้งไป เมื่อเหลือบสายตาขึ้นมอง ก็เห็นข้างกายจี้ซิงเหยาคนนั้นถึงกับมีเงาร่างชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏขึ้น
ชายหนุ่มคนนั้นช่างพราวตาเหลือเกิน รูปงามสง่า ตาดาราคิ้วกระบี่ รูปร่างสูงโปร่งโดดเด่น ช่วงโชติราวกับอาทิตย์เจิดจ้าดวงหนึ่ง
“นี่ก็คืออวี่หลิงคงแห่งแดนพิสุทธิ์อมตะที่มาจากแดนกาฬทักษิณ? ไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย!”
“ได้ยินว่าในตระกูลอวี่ของพวกเขายังมีอริยบุคคลผู้หนึ่งควบคุมดูแล และอวี่หลิงคงคนนี้ก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวยิ่ง เป็นผู้กล้าโดยกำเนิด พรสวรรค์โดดเด่น เป็นเพชรยอดมงกุฎแห่งยุคปัจจุบัน ฐานะในแดนกาฬทักษิณไม่ต่างอะไรกับเทพธิดาจี้เลย”
“ดูเอาเถิด เขากับเทพธิดาจี้ช่างเป็นคู่สวรรค์สร้างชัดๆ บางทีคงมีแต่บุคคลไร้เทียมทานอย่างอวี่หลิงคงเท่านั้นจึงจะคู่ควรกับธิดาเทพระดับเทพธิดาจี้”
ผู้คนนับหมื่นร้องอุทาน ในน้ำเสียงเจือความทอดถอนใจและอิจฉาชื่นชมระคนกันไป
‘เขาก็คืออวี่หลิงคง?’ หลินสวินหรี่ตาลง แม้แต่เขายังไม่อาจไม่ยอมรับว่านี่คือชายที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ ทั้งรูปโฉม บุคลิก ท่วงท่ากิริยาต่างก็ไร้ที่ติทั้งสิ้น
อีกทั้งเขายังมีภูมิหลังคับฟ้าถึงขีดสุด ฐานะเหนือล้ำ แม้แต่พลังปราณก็ถือว่าเป็นกลุ่มชั้นยอดในบรรดาบุคคลไร้เทียมทาน
คนที่น่าทึ่งระดับนี้ ก็ไม่แปลกที่จะดึงดูดสายตาและความสนใจมากมายถึงเพียงนี้
แต่สิ่งที่ทำให้หลินสวินให้ความสำคัญอย่างแท้จริงคือ ในมือของอวี่หลิงคงคนนี้มีอาวุธอริยะแท้จริงชิ้นหนึ่ง… ตำหนักอมตะ!
หากพบคนผู้นี้ในเทศกาลโคมกถามรรค จะต้องรับมืออย่างระมัดระวัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์