ร่างของมันมีความหนาเท่าปากชาม ยาวสิบจั้งกว่า ทั่วตัวปกคลุมด้วยเกล็ดเพลิง ความแข็งแกร่งน่ากลัวถึงที่สุด ขึ้นชื่อเรื่องความดุร้ายในยุคบรรพกาล!
ตูม!
อสรพิษเหินขยับตัววูบกลางห้วงอากาศ ร่างเรียวยาวคล้ายกำลังร่ายระบำ เลื้อยเคี้ยวคดดั่งสายฟ้า เคลื่อนย้ายว่องไว ปลดปล่อยแสงเพลิงบาดตาหาใดเปรียบออกมา
ราวกับฝนเพลิงพร่างพรม แต่กลับแหลมคมดุจกระบี่ คมกริบไร้เทียมทาน
ชั่วอึดใจเท่านั้นชายหนุ่มชุดเข้มคนนั้นหลบไม่ทัน ร่างท่อนบนก็ถูกแทงทะลุเป็นรูเลือดที่มีขนาดใหญ่เท่านิ้วหัวแม่มือ ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา
นี่เป็นถึงผู้กล้าคนหนึ่ง แต่อยู่ภายใต้การซัดโจมตีของอสรพิษเหินเพลิง ถึงกับปราศจากเรี่ยวแรงปัดป้อง!
หลินสวินไหวหวั่น ย่างเท้าก้าวออกไป ซัดฝ่ามือออกไปโดยไม่ลังเล
ตูม!
พลังหมัดสีใสเจิดจ้าพุ่งปราดราวกับพายุคำรามกลางฟ้าดิน สลายฝนเพลิงเต็มฟ้าเหล่านั้น พร้อมกันนั้นก็ช่วยชายหนุ่มชุดเข้มกลับมา โยนผลุงออกไปห่างๆ
เหตุที่ทำเช่นนี้ เพราะหลินสวินมีเรื่องจะถาม หาไม่เขาคงคร้านจะช่วย
ฉัวะ!
อสรพิษเหินเพลิงถูกก่อกวน ลูกตาเหมือนดั่งเพชรสีเลือดผุดแววเยียบเย็นเหี้ยมโหด สะบัดร่างพุ่งปรี่มาทางหลินสวิน
ความเร็วของมันว่องไวยิ่งยวด กรีดวาดร่องรอยแห่งเพลิงที่เจิดจ้าบาดตาเป็นสายๆ ออกมาราวกับสายฟ้าสีเพลิงระบำคลั่งอยู่กลางฟ้าดิน
ห้วงอากาศถูกฉีกทึ้งเสมือนถูกเปลวเพลิงเผาผลาญ ทิ้งรอยดำอันน่าสยดสยองพาให้ผู้คนใจสะท้านเอาไว้
ระบำแห่งเพลิงหลอม!
นี่ก็คือวิชามรรคพรสวรรค์ของอสรพิษเหินเพลิง สามารถหลอมละลายเวิ้งนภา แผดเผาปฐพี เปลี่ยนสรรพสิ่งให้กลายเป็นเถ้าถ่านได้ เสมือนเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ระบำคลั่งทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน น่าสะพรึงไร้ที่สิ้นสุด
ตามที่เล่าลือ ในยุคบรรพกาลอสรพิษเหินเพลิงตัวหนึ่งถือกำเนิดก็นำพาหายนะมาสู่ใต้หล้า เพียงแค่สำแดงวิชานี้ ก็เผาภูผาธาราหลายแสนลี้ หลอมละลายสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน พาให้ฟ้าดินแถบนั้นกลายเป็นสถานที่เสื่อมสูญเพียงชั่วข้ามคืน น่าสะพรึงถึงที่สุด
และยามนี้ วิชาลับไร้เทียมทานเช่นนี้ได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง!
หลินสวินมีหรือจะกล้าประมาท สำแดงพลังทั้งหมดปะทะกับมัน
ครั้งนี้เขาไม่คิดหลบเลี่ยง เพราะไม่ว่าจะเป็นทะเลสาบหินหนืดแห่งนั้น หรืออสรพิษเหินเพลิงตัวนี้ต่างก็เป็น ‘ไฟ’ แต่กลับปรากฏอยู่ท่ามกลางแดนหิมะน้ำแข็งแห่งนี้ นี่คือปรากฏการณ์ ‘ผันแปร’ อย่างหนึ่งโดยไม่ต้องสงสัย จะต้องซ่อนปริศนาเอาไว้แน่!
ตูม!
เงาร่างหลินสวินเคลื่อนย้ายกลางห้วงอากาศ ชือน้ำแข็งเลี้ยวลด พลังหมัดเจิดจ้า เขย่าฟ้าสะเทือนดิน เข้าปะทะกับอสรพิษเหินเพลิงตัวนั้นอย่างดุเดือด
เพียงชั่วครู่ฟ้าดินแถบนี้หวีดคำรามราวกับฟ้าร้อง ห้วงอากาศปั่นป่วน พลังหมัดและฝนเพลิงแผ่วงกว้างราวกับกระแสน้ำเชี่ยว สับสนอลหม่านไปทั้งแถบ
ชายหนุ่มชุดสีเข้มคนนั้นมองจนสั่นระริกไปทั้งตัว ฟันกระทบกันดังกึกๆ เขาเพิ่งได้รู้เอาตอนนี้ว่าตนอ่อนแอเกินไปเมื่อเทียบกับเทพมารหลิน
พลังของอสรพิษเหินเพลิงตัวนั้นไม่ด้อยกว่าผู้กล้าไร้เทียมทานชัดๆ มหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติไม่สามารถต้านทานได้ไหว
แต่เทพมารหลินกลับสามารถต่อสู้ขับเคี่ยวกับมันได้ นี่เห็นได้ชัดว่าวิปริตอย่างไม่ต้องสงสัย!
ฟึ่บ!
ครู่หนึ่งหลังจากนั้น ดาบสีขาวเจิดจ้าไหววูบกลางห้วงอากาศ เสียงดังพรูดดังขึ้นหนึ่งครา ร่างของอสรพิษเหินเพลิงตัวนั้นก็ถูกฟันขาดเป็นสองท่อน
นี่คือพลังของดาบหัก ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในกลเม็ดการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งหลินสวินครอบครองในปัจจุบัน หากไม่ใช่เพราะไม่อยากยืดเยื้อกับอสรพิษเหินเพลิงตัวนี้ หลินสวินคงไม่งัดมาใช้ง่ายๆ
‘การโจมตีนี้แหละ!’
ชายหนุ่มชุดสีเข้มหัวใจเต้นพล่าน นึกถึงช่วงหลายวันก่อน ชิงเหลียนเอ๋อร์ธิดาเทพเผ่าหงส์เขียวคนนั้นก็ถูกการโจมตีนี้ทำเอาเจ็บหนัก เกือบถูกสังหารคาที่!
และตอนนี้อสรพิษเหินเพลิงก็ไม่อาจหลบเลี่ยง จึงถูกฟันฉับ!
พรึ่บ!
หลินสวินเพิ่งเก็บดาบหัก ก็พบอย่างน่าประหลาดว่าหลังจากอสรพิษเหินเพลิงตัวนั้นถูกฟัน ร่างพลันลุกเป็นไฟคุโชน กลายเป็นเพลิงหลอมระอุทันที
แต่ในขณะเดียวกันกลับมีหินผลึกสีเพลิงขนาดเท่าเล็บมือตกลงมา ร่วงหล่นบนพื้นหิมะน้ำแข็ง สีแดงเพลิงดุจเพชร แสงวิบไหวแวววาวบาดตา
หลินสวินสะบัดแขนเสื้อหนึ่งคราเก็บของสิ่งนี้ขึ้นมา วางไว้บนฝ่ามือเพื่อตรวจสอบโดยละเอียด
หินก้อนนี้มีขนาดเล็กมาก แต่กลับเจิดจ้าหาใดเปรียบ สีแดงสดโปร่งแสง ห้อมล้อมด้วยแสงแวววาววิเศษราวกับภาพฝันมายา
“นี่คือแหล่งผลึกเจตะ ภายในบรรจุพลังต้นกำเนิดมหามรรคไว้อย่างอุดมสมบูรณ์ หากนำมันไปหลอมจะสามารถช่วยเพิ่มยกระดับปราณให้สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซ้ำยังไม่ทำให้รากฐานคลอนแคลน เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่มีเฉพาะยุคบรรพกาลเท่านั้น พบเจอได้แต่ไม่อาจร้องขอ”
ชายหนุ่มชุดสีเข้มคนนั้นเอ่ยอธิบายขึ้นมากะทันหัน
หลินสวินร้องอ้อคราหนึ่ง มองปราดเดียวก็รู้ว่าเหตุที่ชายหนุ่มชุดเข้มให้ความร่วมมือเช่นนี้ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการตระหนักได้ว่าที่ตนไม่ฆ่าเขาเพราะมีเรื่องจะซักถาม ฉะนั้นเขาจึงเป็นฝ่ายให้ความร่วมมือก่อนอย่างชาญฉลาด
ชายหนุ่มชุดเข้มสูดหายใจลึกหนึ่งเฮือก กล่าวว่า “หลินสวิน ขอเพียงเจ้าไม่ถีบข้าออกไป ข้ารับรองว่าจะบอกเบื้องลึกเบื้องหลังที่มีอยู่ทั้งหมดแก่เจ้า”
เขารู้ดีว่าหลินสวินมาจากโลกชั้นล่าง ซ้ำยังตัวคนเดียว เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจความนัยเบื้องลึกที่เกี่ยวกับเทศกาลโคมกถามรรค
เพราะเบื้องลึกระดับนี้ มีเพียงผู้สืบทอดของสำนักเก่าแก่เท่านั้นจึงจะรู้!
“ว่ามา”
หลินสวินจำเป็นต้องเข้าใจข้อมูลเกี่ยวกับที่แห่งนี้อยู่บ้างจริงๆ จึงรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้เห็นเจ้าหมอนี่ให้ความร่วมมือกับตนอย่างว่าง่ายเช่นนี้
ไม่นานหลินสวินก็รู้ข้อมูลอื่นๆ บางส่วน
บททดสอบห้าด่านของเทศกาลโมกถามรรค แต่ละด่านต่างซ่อนปริศนายิ่งใหญ่เอาไว้ ขณะเดียวกันก็ไม่ขาดวาสนาที่ยากจะพานพบจากโลกภายนอกเช่นเดียวกัน
เช่นเดียวกับในด่านแรกอย่าง ‘แดนลี้ลับมหาปัญจธาตุผันแปร’ ก็ซ่อน ‘แหล่งผลึกเจตะ’ และ ‘โอสถวิญญาณเจตะ’ ที่ให้กำเนิด ‘มรรค ’ และ ‘วิชา’ เอาไว้!
“ยังมีเบื้องลึกอื่นๆ อีกหรือไม่” หลินสวินเอ่ยถาม เขายังอยากทำความเข้าใจมากกว่านี้
“ยังมีข่าวลืออีกหนึ่งเรื่อง ว่ากันว่าในเทศกาลโคมกถามรรคครั้งนี้จะปรากฏศุภโชคใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อน หนึ่งเดียวไม่มีเสมอเหมือน เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าอาจเป็นสมบัติอริยะกายสิทธิ์ชิ้นหนึ่ง!”
ชายหนุ่มชุดเข้มคนนั้นลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายก็พูดออกมา
สิ่งนี้ทำให้ในใจหลินสวินสั่นสะเทือนไม่สิ้น
สมบัติอริยะกายสิทธิ์!
เขารู้ดีว่าสมบัติระดับนี้น่าเหลือเชื่อเพียงใด
เพราะคันธนูวิญญาณไร้แก่นสารในมือเขาก็เป็นสมบัติอริยะกายสิทธิ์ที่แตกพังอย่างหนึ่ง แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ อานุภาพอันยิ่งใหญ่ก็เหนือจินตนาการ เรียกได้ว่าพลิกฟ้าทีเดียว
“เพราะเป็นเช่นนี้ ครั้งนี้บุคคลไร้เทียมทานมากมายต่างมาเข้าร่วม อย่างเช่นจี้ซิงเหยาจากเรือนกระบี่เร้นปุจฉา อวี่หลิงคงจากแดนพิสุทธิ์อมตะ ล้วนต้องมาเพราะวาสนานี้เป็นแน่ นี่คือศุภโชคชิ้นโต อย่าว่าแต่ผู้ฝึกปราณที่เข้าร่วมถกมรรคอย่างพวกเราเลย ต่อให้เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าจากโลกภายนอกพวกนั้นก็คงใจเต้นและน้ำลายหกกันทั้งสิ้น”
ชายหนุ่มชุดเข้มคนนั้นให้ความร่วมมือดีมากจริงๆ ไม่รอให้ซักถามรายละเอียดก็พูดออกมาหมดเปลือกเสียเอง
“ที่แท้เทศกาลโคมกถามรรคครั้งนี้ยังซุกซ่อนเบื้องลึกเบื้องหลังเอาไว้มากมายขนาดนี้เชียว…”
นัยน์ตาสีดำของหลินสวินเปี่ยมด้วยแววครุ่นคิด ในใจยิ่งแน่วแน่ขึ้นเรื่อยๆ การมาเทศกาลโคมกถามรรคครั้งนี้ถูกต้องแล้วจริงๆ หาไม่คงพลาดโอกาสและวาสนาล้ำค่าไปมากมายอย่างแน่นอน
“เจ้าไปเถอะ”
หลินสวินตั้งใจจะเร่งเดินทางต่อไป เขาสนใจการรวบรวมโอสถวิญญาณเจตะและแหล่งผลึกเจตะเป็นอย่างมาก ถึงขั้นมุ่งมั่นจะครอบครองให้จงได้
ชายหนุ่มชุดสีเข้มกล่าวเป็นพัลวัน “หลินสวิน เจ้าจะ… พาข้าไปด้วยได้หรือไม่”
หลินสวินหันหน้ากลับมา คล้ายยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “ข้าปล่อยเจ้าไปหนหนึ่งแล้ว เจ้ายังคิดจะมาพัวพันกับข้าอยู่อีกหรือ”
ชายหนุ่มชุดสีเข้มพิพักพิพ่วน กล่าวทันทีว่า “ข้ารู้จักสถานที่แห่งหนึ่งที่ซ่อนของดีเอาไว้ไม่น้อย หากเจ้าพาข้าไปด้วย ข้าสามารถนำทางเจ้าได้!”
“สถานที่อะไร”
“เขาน้ำแข็งปทุมเพลิง!”
“ในเทศกาลโคมกถามรรคที่ผ่านมา เหล่าผู้กล้ามากมายต่างเคยได้รับวาสนาบนเขาลูกนี้ แต่คนที่รู้จักที่ตั้งของภูเขานี้กลับมีน้อยยิ่งกว่าน้อย เพราะมันซ่อนอยู่ในสถานที่ ‘ผันแปร’ ลึกลับแห่งหนึ่ง…”
ไม่รอให้เอ่ยจบ หลินสวินก็ตัดบทกล่าวว่า “เหตุผลของเจ้าไม่เลวยิ่ง นำทางสิ”
ชายหนุ่มชุดสีเข้มกระปรี้กระเปร่าทันควัน รู้สึกยินดีไม่สิ้น
แม้ก่อนหน้าจะถูกหลินสวินสยบ แต่เขาไม่สนใจสักนิด ตรงข้าม เขาคิดว่าการได้เคลื่อนไหวพร้อมกับหลินสวินในครั้งนี้ไม่เพียงปลอดภัยกว่าเมื่อก่อน กระทั่งอาจได้รับวาสนาจำนวนหนึ่งที่ก่อนหน้านี้ไม่กล้าฝันใฝ่เลยทีเดียว!
อย่างไรเสียคนผู้นี้ก็คือเทพมารหลินผู้มีชื่อเสียงดุร้ายคับฟ้า ร้ายกาจไร้เทียมทานซึ่งเป็นที่ยอมรับกันมาตั้งแต่คราแรก!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์