อย่ามองว่าของสิ่งนี้มีขนาดเท่าเล็บมือ แต่กลิ่นอายวิเศษที่บรรจุอยู่ในนั้นกลับเข้มข้นผิดธรรมดา ซ้ำยังมีพลังแปลกประหลาดวูบหนึ่งพาให้ปราณของหลินสวินถึงกับรุดหน้าเต็มกำลังไม่น้อย
หลินสวินตกใจทันควัน ผลลัพธ์ระดับนี้ช่างวิเศษเกินไปแล้ว มหัศจรรย์ยิ่งกว่ากินโอสถสมบัติหายากเสียอีก ทั้งยังไม่ส่งผลกระทบต่อฐานมรรคของเขา
‘เรียกได้ว่าเป็นของวิเศษแห่งศุภโชคชัดๆ มีส่วนช่วยในการฝึกปราณถึงที่สุด หากได้รับมากกว่านี้ละก็ นั่นไม่ใช่ว่าจะทำให้ข้าทะลวงปราณขั้นถัดไปได้ภายในเวลาอันสั้นที่สุดหรอกหรือ!’
หลินสวินใจเต้นอย่างสมบูรณ์แล้วเช่นกัน
ตลอดทางหาได้สงบสุข มหันตภัยรอบด้าน ในโลกหิมะน้ำแข็งเวิ้งว้าง ไม่ทันไรก็มีนกปีศาจ สัตว์ปีศาจ อสูรวิญญาณต่างๆ นานาโผล่ออกมาบ่อยครั้ง… ต่างหลอมรวมมาจากหิมะน้ำแข็งทั้งสิ้น หาใช่สิ่งมีชีวิตอย่างแท้จริง
แต่สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นกลับน่ากลัวถึงขีดสุด เชี่ยวชาญวิชามรรค ฝีมือต่อสู้น่าตกใจ หากไม่ใช่เพราะจิตรับรู้ของหลินสวินแกร่งกล้าเพียงพอจนสามารถหลบเลี่ยงได้ก่อนหนึ่งก้าว ระหว่างทางมานี้ก็ไม่รู้จะเกิดการต่อสู้ขึ้นกี่ครั้ง
ถึงกระนั้นยังคงทำให้ชายหนุ่มชุดสีเข้มตกใจจนหน้าซีดเผือด ย้อนถามใจตนว่าหากไม่ได้ตามหลินสวินมา เกรงว่าเขาคงถูกคัดออกไปตั้งนานแล้ว!
“สหายยุทธ์เนี่ย เขาน้ำแข็งปทุมเพลิงนั่นมีอะไรกันแน่”
หลินสวินซักถามระหว่างทาง
“นั่นคือสถานที่แห่งต้นกำเนิดผันแปรของแดนลี้ลับหิมะน้ำแข็งแห่งนี้ ทุกครั้งที่เทศกาลโคมกถามรรคเริ่มขึ้น บนเขาน้ำแข็งจะมีดอกบัวเพลิงเบ่งบานดอกแล้วดอกเล่า งดงามราวกับเปลวเพลิง”
“นี่ไม่ใช่ดอกบัวเพลิงธรรมดา แต่เป็นโอสถวิญญาณเจตะที่ผสมผสานกับวิชาเร้นลับ หากสามารถคว้ามาได้หนึ่งต้น ก็ไม่ต่างอะไรกับการได้รับมรดกวิชามรรคส่วนหนึ่ง!”
ชายหนุ่มชุดเข้มมีนามว่าเนี่ยอี้อัน เป็นผู้สืบทอดจาก ‘สำนักยุทธ์ผสานคราม’ สำนักเก่าแก่ในแดนฐิติประจิม
“โอสถวิญญาณเจตะ?”
หลินสวินหวั่นไหว
“แต่สถานที่แห่งนั้นอันตรายมาก อีกอย่างคิดจะเก็บดอกบัวเพลิงก็ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น จากคำบอกเล่าของผู้อาวุโสบางส่วนในสำนักยุทธ์ผสานครามของข้า เขาน้ำแข็งปทุมเพลิงแห่งนั้นมีที่มาน่าตกใจถึงที่สุด…”
เนี่ยอี้อันเล่าทุกอย่างที่รู้
……
สองชั่วยามให้หลัง
ตูม!
ในสายลมหิมะเวิ้งว้าง เจตจำนงรบอันน่าสะพรึงกร้าวแกร่งสายหนึ่งพุ่งปราดออกมา ท่วมท้นเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน เก่าแก่และพร่างพราว สะเทือนจักรวาล
นัยน์ตาหลินสวินหดรัด ทั่วร่างเกร็งแน่นในทันใด เจตจำนงรบแกร่งกล้านัก!
“นี่คือกลิ่นอายของ ‘รอยประทับรบอริยเทพ’! พวกเราใกล้ถึงที่หมายแล้ว!”
เนี่ยอี้อันส่งเสียงร้องอย่างดีใจ
ถึงเขาจะรู้เบื้องลึกเบื้องหลังมากมาย แต่ก็เพิ่งเข้าร่วมเทศกาลโคมกถามรรคเป็นครั้งแรก ยังไม่พบเจอกับตัวเองมาก่อน
รอยประทับรบอริยเทพ!
หลินสวินเพิ่งได้เข้าใจก็ตอนนี้ ตลอดทางเขาได้ยินเนี่ยอี้อันบอกว่า ตามข่าวลือบนเขาน้ำแข็งปทุมเพลิงมีรอยประทับรบสายหนึ่ง เป็นสิ่งที่อริยเทพมากสามารถผู้หนึ่งทิ้งไว้ตั้งแต่บรรพกาล ผ่านการกัดกร่อนแห่งกาลเวลาไร้สิ้นสุดแต่ไม่เคยหายไป!
เดิมทีหลินสวินยังคิดว่าเป็นเพียงข่าวลือ แต่เวลานี้ตอนที่รู้สึกถึงเจตจำนงรบกร้าวแกร่งสายหนึ่งกลางลมหิมะนั่น เขาก็อดสะท้านสะเทือนไม่ได้
ประทับรบอริยเทพสายหนึ่ง ผ่านการเปลี่ยนแปลงต่างๆ แต่กลับคงอยู่ยาวนาน นี่น่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว!
ทำให้ผู้คนไม่อาจจินตนาการ ว่าต้องมีปราณน่าสะพรึงเพียงใดจึงสามารถทำได้ถึงขั้นนี้
มุ่งหน้าต่อไป เจตจำนงรบที่ท่วมท้นฟ้าดินก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น เก่าแก่และดุดัน เจือกลิ่นอายโชกโชน ประดุจดาบไร้เทียมทานพาดข้ามสายน้ำแห่งกาลเวลา ส่องแสงพริบไหว ไม่เคยเน่าเปื่อย
ขณะเดียวกัน สิ่งนี้ก็นำมาซึ่งอุปสรรคใหญ่หลวงต่อการเคลื่อนไหวของพวกหลินสวินสองคน ยิ่งมุ่งหน้าเข้าไป แรงกดดันที่ร่างกายได้รับก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
ยังดีที่ไม่นานนักพวกเขาก็มองเห็นเขาน้ำแข็งสีขาวหิมะซึ่งตั้งตระหง่านขึ้นฟ้า ปรากฏตัวกลางฟ้าดินอันเวิ้งว้าง
มันสูงตระหง่านถึงที่สุด ตลอดภูเขาเป็นสีขาวผ่องราวกับก่อขึ้นมาจากหินหยก ส่องแสงประกาย ปกคลุมด้วยหิมะน้ำแข็งเต็มฟ้า ปลดปล่อยความหนาวเหน็บบาดกระดูกออกมา
เจตจำนงรบอันเก่าแก่และน่าสะพรึงสายนั้นก็แผ่กว้างออกมาจากยอดเขาแห่งนี้
ที่ทำให้หลินสวินประหลาดใจคือหลังจากมาถึงสถานที่แห่งนี้ เจตจำนงรบกลางห้วงอากาศกลับเปลี่ยนไปเป็นคล้ายมีแต่ไม่มี ปราศจากอานุภาพกดดันอย่างก่อนหน้า เสมือนถูกเก็บรวบไว้อย่างไรอย่างนั้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ กลับพาให้พวกหลินสวินมาถึงเชิงเขาได้อย่างราบรื่นยิ่ง
นี่ก็คือเขาน้ำแข็งปทุมเพลิง!
หลินสวินเงยหน้าแหงนมองก็เห็นหิมะน้ำแข็งราวกับหยก หินผาหนาวเยือก สภาพภูเขาคล้ายเสากระโดงเสียดฟ้าที่งอกออกมาจากพื้นดิน สูงลิ่วไกลลิบ
“หืม? มีคนมาอีกแล้ว?”
ใกล้ๆ กับเชิงเขามีบรรดาผู้กล้ารุ่นเยาว์จำนวนไม่น้อยมาถึงก่อนแล้ว กระจายตัวอยู่ตามพื้นที่ต่างกันไป เมื่อเห็นหลินสวินและเนี่ยอี้อัน ต่างฉายแววตื่นตัวออกมาไม่มากก็น้อย
“กฎแห่งการปรากฏตัวของปทุมเพลิงเอาแน่เอานอนไม่ได้ และมีจำนวนน้อยนิด ยิ่งมีคนมามาก การแข่งขันก็ยิ่งมีมากขึ้น”
มีคนเอ่ยเสียงขรึม
“น่าเสียดาย บนเขาน้ำแข็งแห่งนี้แน่นขนัดไปด้วยกลิ่นอายประทับรบอริยเทพ ยิ่งขึ้นสูงแรงกดดันก็ยิ่งมากขึ้น ใช่ว่าพวกเราจะปีนขึ้นไปได้”
และก็มีบางคนถอนใจเบาๆ
หลินสวินสังเกตเห็นว่าบริเวณต่างๆ ตั้งแต่เชิงเขาถึงยอดเขา ถึงกับมีเงาร่างไม่น้อยยืนปักหลัก กำลังรอคอยอะไรอยู่
แต่ผู้ฝึกปราณที่เชิงเขามีมากที่สุด ยิ่งสูงขึ้นไปจำนวนผู้ฝึกปราณก็ยิ่งน้อย แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ลดน้อยลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์