ผู้ฝึกปราณมากมายสูดหายใจเฮือก เจ้าหมอนี่เป็นใครกัน เหตุใดไม่เคยได้ยินมาก่อน ในบรรดาบุคคลไร้เทียมทานที่เข้าร่วมเทศกาลโคมกถามรรคครั้งนี้ยังมีคนแบบนี้อยู่ด้วยหรือ
หลังจากตกตะลึงก็มีบางคนแสดงสีหน้ามีความสุขบนความทุกข์ผู้อื่น
“ฮ่าๆ คราวนี้มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว อาณาเขตใกล้ๆ ยอดเขานั่นถูกพวกกร้าวแกร่งไร้เทียมทานสิบกว่าคนยึดพื้นที่ไว้ตั้งแต่ต้น เจ้าหมอนี่ผลุนผลันเข้าไปใกล้ คอยดูเถอะว่าจะสามารถยืนปักหลักได้หรือไม่”
“ผู้กล้าไร้เทียมทานชื่อก้องแดนฐิติประจิมอย่างอู่ต้วนหยาผู้สืบทอดสำนักตะวันทมิฬ หลี่ชิงฮวนจากสำนักยุทธ์สมุทรครามต่างก็ครองพื้นที่อยู่แถวนั้น!”
“ซาหลิวฉานบุตรเทพคนปัจจุบันของเผ่าฉลามสมุทร ที่ถูกขนานนามว่าเป็นหนึ่งในสิบสุดยอดผู้กล้าไร้เทียมทานแห่งทะเลมารพิฆาตก็ครองตำแหน่งที่ดีที่สุดบนยอดเขามาโดยตลอด!”
เนื่องจากเวลานี้ไม่มีดอกบัวเพลิงปรากฏขึ้น ผู้ฝึกปราณมากมายต่างทอดสายตามองไปทางหลินสวิน และพากันวิพากษ์วิจารณ์ บ้างก็ตกตะลึงและประหลาดใจ บ้างก็มีความสุขบนคราวเคราะห์ของผู้อื่น รอชมดูเรื่องสนุก
“ซาหลิวฉานก็อยู่ที่นี่ด้วยงั้นหรือ…” บริเวณเชิงเขา สีหน้าเนี่ยอี้อันเริ่มประหลาดขึ้นเรื่อยๆ นัยน์ตาเจือแววสมเพชอยู่รำไร
จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าซาหลิวฉานคนนี้เหมือนจะซวยเกินไปหน่อยแล้ว…
หืม?
ในขณะเดียวกัน หลินสวินที่เพิ่งเข้าใกล้ละแวกยอดเขาก็มองเห็นซาหลิวฉานได้ในปราดเดียว
เจ้าหมอนี่สวมชุดคลุมสีดำ รูปร่างสูงโปร่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนโขดหินน้ำแข็ง เรือนผมยาวสีฟ้าเข้มปลิวไสวกลางสายลม ดวงหน้าเย็นชาเจือกลิ่นอายเผด็จการและถือดีอันเป็นเอกลักษณ์ ดูน่าขยาดกลัวหาใดเปรียบ
เขากำลังนั่งสมาธิ เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของหลินสวินที่มองมา ดวงตาซึ่งปิดสนิทก็เปิดขึ้นทันควัน สาดส่องลำแสงสีเลือดที่สว่างไสวราวสายฟ้าออกมาคู่หนึ่ง
“หึ! เจ้าพวกไม่รู้จักกลัวตายโผล่มาอีกคนแล้ว!”
ซาหลิวฉานอึ้งงันก่อนเป็นสิ่งแรก จากนั้นก็ส่งเสียงแค่นอย่างเย็นชา “ทุกคน พวกเจ้าว่าใครจะลงมือก่อน ลองทดสอบดูว่าเจ้าหมอนี่มีคุณสมบัติจะอยู่ที่นี่หรือไม่”
เห็นได้ชัดว่าเขาจำหลินสวินไม่ได้สักนิด
สิ่งนี้ทำให้หลินสวินอดมีความรู้สึกแปลกประหลาดน้อยๆ ไม่ได้ เจ้าหมอนี่ยังความจำสั้นและหยิ่งผยองเหมือนแต่ก่อนจริงๆ
“ให้ข้าจัดการดีกว่า”
ชายหนุ่มรูปงามท่าทางสบายๆ ชุดสีขาวพลิ้วแผ่วคนหนึ่งเก้าออกมา มือถือพัดหยก สวมเกี้ยวประดับขนนกบนหัว สง่างามโดดเด่น
“อู่ต้วนหยาสำนักตะวันทมิฬ!”
เสียงร้องอุทานดังลอยมาจากระยะไกล อลหม่านไม่สิ้น เห็นชัดว่าคาดไม่ถึง ว่าคนที่ก้าวออกมาขัดขวางเด็กหนุ่มนั่นเป็นคนแรกจะเป็นบุคคลไร้เทียมทานผู้นี้
“ไอ้หนูนั่นลำบากแล้ว” สีหน้าบรรดาผู้กล้าส่วนหนึ่งเจือแววเวทนา
พวกเขาต่างมาจากสำนักเก่าแก่ ย่อมรู้ดีว่าอู่ต้วนหยาแข็งแกร่งเพียงใด อย่ามองว่าภายนอกเขาวางตัวเรียบง่ายสบายๆ แต่เมื่อลงมือจริงๆ แล้วกลับอำมหิตดุดัน
ในสำนักตะวันทมิฬ คนผู้นี้มีสมญาว่า ‘ดรุณดาบมารคลั่ง’ ปราณของเขาทรงอานุภาพและน่ากลัว ตระการตาถึงขีดสุด
ว่ากันว่าอู่ต้วนหยาเคยบุก ‘รังห้าพิษ’ แดนอันตรายขึ้นชื่อในแดนฐิติประจิมเพียงลำพัง สังหารอสูรมารบำเพ็ญร้ายกาจไปหนึ่งฝูง ทำเอาพื้นที่พันลี้หลั่งเลือดเป็นแอ่ง ซากศพโครงกระดูกกองเป็นภูเขา!
“สหายท่านนี้ดูแปลกหน้ายิ่ง ไม่ทราบว่าเป็นสหายยุทธ์จากสำนักไหนในแดนฐิติประจิม” อู่ต้วนหยายิ้มน้อยๆ มองไปที่หลินสวิน ลำแสงเย็นเยียบกลางนัยน์ตาราวดาบดุจกระบี่ น่าสะพรึงสยองขวัญ
“ข้าว่าเจ้าถอยกลับไปจะดีกว่า”
หลินสวินปรายตามองเขาปราดหนึ่งแล้วเก็บสายตากลับคืน
ช่วงก่อนหน้านี้ตอนอยู่เมืองผาดารา ไป่เฟิงหลิวช่วยเขารวบรวมข้อมูลได้ไม่น้อย หนึ่งในนั้นก็มีส่วนที่เกี่ยวกับอู่ต้วนหยาด้วย
หลินสวินยังจำได้ว่าครานั้นไป่เฟิงหลิวเคยกล่าวว่า อู่ต้วนหยาคนนี้ถึงจะร้ายกาจ แต่เมื่อเทียบกับซาหลิวฉานและชิงเหลียนเอ๋อร์ก็ยังด้อยกว่าเสี้ยวหนึ่งอยู่ดี
เมื่อเป็นเช่นนี้ หลินสวินย่อมคร้านจะใส่ใจคนผู้นี้เป็นธรรมดา
เห็นหลินสวินไม่เกรงใจถึงเพียงนี้ บุคคลไร้เทียมทานในลานคนอื่นๆ ต่างพากันอึ้งงัน จากนั้นก็หัวเราะร่วนไม่หยุด
“สหายยุทธ์อู่ ดูท่าสหายคนนี้จะดูเบาเจ้ายิ่งนัก”
“ฮ่าๆ น่าสนใจ เจ้าหนุ่มที่ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนคนหนึ่ง กลับกล้าลำพองใจเช่นนี้ แม้แต่คำถามของสหายยุทธ์อู่ก็ยังไม่สนใจ ความกล้าหาญนี้ช่างหายากยิ่งนัก”
แต่เหล่าผู้กล้าที่อยู่บริเวณอื่นต่างพากันลอบตกใจ เจ้าหมอนี่ดูเหมือนเป็นคนที่แสนเรียบง่ายธรรมดา แต่คำพูดช่างกร้าวแกร่งจริงๆ!
“สหาย หากข้าไม่ถอยกลับไปเล่า” อู่ต้วนหยายังคงยิ้มบางๆ เพียงแต่ลำแสงเย็นยะเยือกกลางนัยน์ตายิ่งลุกโชนขึ้นเรื่อยๆ ราวกับดาบคมกำลังกลืนกิน คมกริบหาใดเปรียบ
เขาก้าวเท้าไปข้างหน้าขณะพูด เข้าใกล้หลินสวินทีละก้าว
“ไม่ถอยกลับไปก็ได้ เช่นนั้นก็รอถูกคัดออกแล้วกัน ข้าล่ะเสียดายแทนสำนักตะวันทมิฬของพวกเจ้านัก เพิ่งด่านแรกเท่านั้น ศิษย์ในสำนักก็ถูกคัดออก เกรงว่าผู้อาวุในโสสำนักของเจ้าคงต้องเสียหน้าเท่านั้นแล้ว”
หลินสวินกล่าวเนิบนาบ
“ดูท่า เจ้ามันไม่อ่อนไม่ชอบ ชอบกินไม้แข็ง!” อู่ต้วนหยาสีหน้าเคร่งขรึม นัยน์ตาพลุ่งพล่านด้วยลำแสงน่าหวาดกลัว ชุดสีขาวโบกสะบัดดึงพรึ่บ ปลดปล่อยอานุภาพน่าสะพรึงออกมาทั่วร่าง
พรึ่บ!
แต่ไม่รอให้เขาลงมือ จู่ๆ ก็มีแสงเพลิงบาดตาวูบหนึ่งโผล่ขึ้นมากลางห้วงอากาศละแวกนั้น จากนั้นดอกบัวเพลิงที่อัศจรรย์เหนือธรรมดาดอกหนึ่งโผล่ขึ้นมากลางห้วงอากาศ ลอยคว้างกลางเวหา
ละอองแสงโชติช่วงดั่งแสงเพลิงนับพันหมื่นสายกระจายออกมาจากกลีบดอก งดงามไม่สิ้นสุด เมื่อนับดีๆ แล้วมีมากถึงเจ็ดกลีบ!
ชั่วอึดใจเท่านั้น นัยน์ตาของบุคคลไร้เทียมทานทั้งหมดในลานล้วนหดรัดลง จากนั้นต่างก็เริ่มลงมือพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“มือมารวายุ!”
“เคล็ดวิชาฟ้าคำรามล่าดวงจิต!”
“ประทับห้วงอากาศไพศาล!”
ชั่วขณะเดียวแสงเรืองรองศักดิ์สิทธิ์ แสงมรรค และสมบัติอันน่าสะพรึงพาดผ่านฟ้า แสงแวววาวเบ่งบานพันจั้ง ปกคลุมห้วงอากาศแถบนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์