ตรงหน้าว่างเปล่า ราวกับมรรคาได้สิ้นสุดลงตรงนี้ ไม่มีหนทางอีกแล้ว
และด้านหลัง ดารานภาสั่นไหว วัฏจักรสั่นสะเทือน ราวกับตกใจกลิ่นอายรอบตัวชายชรา มีสัญญาณที่จะถูกกลืนกินอย่างหนึ่ง
คนผู้นี้ราวกับหุบเหว หมายจะกลืนกินสรรพสิ่ง!
นี่มันน่าทึ่งเกินไปแล้ว!
หัวใจหลินสวินตื่นเต้นถึงขีดสุด ตะลึงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ นี่ต้องมีพลังปราณน่ากลัวเพียงใดถึงทำได้ถึงขั้นนี้
อริยะหรือ
หรือจะเป็นราชันอริยะ
หลินสวินไม่รู้
ที่เหนือความคาดหมายของเขาคือ สุดท้ายชายชราเก็บงำกลิ่นอาย เงาร่างที่เดิมยืดตรงเปลี่ยนเป็นค่อมโก่งขึ้นมาราวกับสูญเสียเรี่ยวแรงทั้งหมด มีความรู้สึกโดดเดี่ยวที่ทั้งผิดหวัง จนปัญญาและไม่จำยอม
เช่นเดียวกับนักเดินทางที่เร่ร่อนท่ามกลางกาลเวลามานาน และราวกับแม่ทัพที่เข่นฆ่าอยู่ในสนามรบมานานปี
‘ข้าใช้จักรวาลเป็นกระดานหมาก มองอดีตและปัจจุบันเป็นตารางหมาก ให้มหามรรคเป็นบันทึกหมาก ใช้ชีวิตของข้าเป็นตัวหมาก ประลองหมากกับสวรรค์’
‘แต่สุดท้าย… ก็พ่ายแพ้อยู่ดี…’
ชายชราถอนหายใจเบาๆ
เสียงถอนหายใจนั่นแฝงความไม่จำยอมที่พูดไม่ออก ทำให้ในใจหลินสวินถูกสะกิดอย่างแรง ประลองหมากกับสวรรค์ ช่างเป็นความกล้าหาญที่ยิ่งใหญ่นัก!
‘เส้นทางนี้ได้ขาดไปแล้ว ควรไปทางใด หรือจะไม่สามารถกระโดดพ้นกระดานหมาก ทลายกรงที่ผูกมัดเอาไว้’
เสียงของชายชรายิ่งแผ่วต่ำกว่าลง เงาร่างของเขาหมดอาลัยตายอยาก ยืนโดดเดี่ยวอยู่ตรงนั้น เบื้องหน้าอ้างว้าง เป็นความว่างเปล่าที่แท้จริงอย่างหนึ่ง
‘เช่นนั้นก็…’
ทันใดนั้นชายชรายืดหลังขึ้นอีกครั้ง สายตาสาดแสงศักดิ์สิทธิ์อันน่าหวั่นหวาด ร่างกายที่ผอมแห้งราวกับลุกโชนก็ไม่ปาน ระเบิดแสงเจิดจ้าไม่มีที่สิ้นสุด
‘ใช้ร่างกายของข้า สร้างถนนที่ถูกตัดขาด!’
‘ใช้วิญญาณของข้า ชี้นำหนทางที่สับสนเบื้องหน้า!’
โครม!
ทันใดนั้นเงาร่างของชายชราแปรเปลี่ยนเป็นแสงอย่างไร้จำกัด พุ่งเข้าไปในความว่างเปล่าที่อ้างว้างและไม่เห็นอีกเลย…
ภาพทุกอย่างดำเนินมาถึงตรงนี้ จู่ๆ ก็หายแวบไป
หลินสวินลืมตาขึ้นกะทันหัน ตรงหน้า ศิลาหินกระดำกระด่างตั้งอยู่เอียงๆ ไอความเก่าแก่ปะทะเข้ามา ภาพหินแกะสลักด้านบนยังคงเก่าและหยาบลวก ยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ
แต่หลินสวินกลับเหงื่อท่วมทั้งตัว แต่ละภาพเมื่อครู่นี้เหลือเชื่อเกินไปแล้ว น่ากลัวเหนือคาดหมาย
ชายชราคนหนึ่งวิ่งตะบึงอยู่ท่ามกลางฟ้าดินใต้หล้าอย่างบ้าคลั่ง พุ่งขึ้นชั้นเมฆ ก้าวไปยังนภาคราม ทะลวงผ่านวัฏจักรดารานภา เคลื่อนคล้อยดาราเพียงหนึ่งก้าว!
ทุกสิ่งที่เขาทำกลับเป็นการประลองหมากกับสวรรค์ หมายจะกระโดดให้พ้นจากกระดานหมาก ทลายกรงที่ผูกมัดเอาไว้
ความกล้าระดับนี้เรียกได้ว่ายากพบเห็นไม่ว่าในอดีตหรือปัจจุบัน แม้ในอริยบุคคลกลัวว่าคงได้แค่แหงนหน้าชื่นชม
ทว่าสิ่งที่ทำให้หลินสวินหวั่นไหวที่สุดคือการตัดสินใจในตอนท้ายของชายชรา ใช้ร่างกายของตนสร้างถนนที่ถูกตัดขาด ใช้วิญญาณของตนชี้นำหนทางที่สับสนเบื้องหน้า!
นี่เป็นความไม่ยินยอมที่ต้องล้มเหลวเพียงเท่านี้ ดังนั้นจึงทิ้งควันเอาไว้ ให้คนรุ่นหลังสามารถทำให้มรรคาที่เขาดึงดันจะเสาะหาเป็นจริงงั้นหรือ
……
ป่าศิลาเงียบสงัด ท่ามกลางฟ้าดินอันกว้างใหญ่ไพศาล หน้าศิลาหินเก่าแก่ กลุ่มผู้แข็งแกร่งล้วนกำลังตั้งใจหยั่งรู้และอนุมาน เป็นภาพที่เงียบสงบและเคร่งขรึม
ครู่ใหญ่หลินสวินจึงสงบอารมณ์ลง มองดูภาพหินแกะสลักยุ่งเหยิงนั่นอีกครั้ง แต่กลับไม่มีปรากฏการณ์ประหลาดที่เห็นเมื่อครู่นี้แล้ว
หลินสวินสลัดความคิดสับสนวุ่นวายออก ใช้จิตวิญญาณสัมผัสอีกครั้ง
พริบตาเดียวเท่านั้น ภาพหินแกะสลักที่กระดำกระด่างและลวกหยาบนั่น ราวกับแปรเปลี่ยนเป็นมหาสมุทรกว้างใหญ่ไพศาล ปรากฏน้ำวนที่น่าหวาดหวั่นกลืนกินท้องฟ้า
จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นลมพายุ โหมกระหน่ำอยู่กลางจักรวาลอย่างกำเริบเสิบสาน
ทันใดนั้นก็ปรากฏหลุมดำที่ขวางกั้นอยู่ในวัฏจักร กลืนดารานภาอันสว่างไสวทั้งผืนไปอย่างไร้สุ้มเสียง…
ภาพอันกว้างใหญ่ไพศาลและเต็มไปด้วยพลังทำลายล้างมากมายทยอยสะท้อนออกมาอย่างยุ่งเหยิง
เยอะเกินไปแล้ว!
กลิ่นอายอันซับซ้อน ภาพอันยุ่งเหยิงรวมเข้าด้วยกัน ทำให้ตรงหน้าหลินสวินมืดดำ ด้วยความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณของเขา ยังรู้สึกกดดันยากจะแบกรับ จิตใจสับสนวุ่นวาย เกือบจะกระอักเลือดอยู่หลายครั้ง
นี่คือกลิ่นอายมหามรรค แต่กลับดูแตกต่างมาก
ไม่นานเขาก็สั่นไปทั้งตัวราวกับจะยืนหยัดไม่อยู่แล้ว พลังแห่งมหามรรคระดับนั้นเต็มไปด้วยพลังทำลายล้างสะท้านขวัญ กลิ่นอายพลุ่งพล่าน ถึงขั้นจะกลืนกินจิตวิญญาณและเจตจำนงของเขา!
และในเวลานั้นเอง ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดที่เดิมร้อนระอุอย่างที่สุด จู่ๆ ก็แผ่กระแสร้อนแปลกประหลาดไปทั่วร่างกายของหลินสวิน
เพียงพริบตาเดียวเท่านั้นสติของหลินสวินพลันกระจ่างขึ้นมา รับรู้ถึงพลังที่บริสุทธิ์และยิ่งใหญ่ จิตใจสงบนิ่งและแข็งแกร่งขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
กลิ่นอายมหามรรคที่ยุ่งเหยิงและเต็มไปด้วยพลังทำลายล้างนั่น ยามนี้ไม่สามารถคุกคามจิตใจเขาได้อีกแล้ว ตรงกันข้าม เขาได้ค้นพบแก่นอัศจรรย์หลายประการท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย
หลินสวินจิตใจกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา เริ่มรวมสมาธิอนุมาน
ท่ามกลางความเลื่อนลอย เขาคล้ายสัมผัสได้ว่า บนชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดมีแสงบริสุทธิ์อย่างหนึ่งถาโถมออกมา ราวกับแปรเปลี่ยนเป็นหุบเหวรางๆ และในส่วนลึกของเหวใหญ่ เหมือนมีเสียงท่องคัมภีร์ของอริยบุคคล ราวกับเสียงธรรมจากสวรรค์ที่สมจริงอย่างไรอย่างนั้น
พลังจิตวิญญาณของเขาโคจรเต็มกำลัง ทั้งยังสำแดงวิชาลับดวงใจฉิวหนิวออกมา พลังหยั่งรู้เข้าถึงระดับใหม่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ความมหัศจรรย์มากมายที่สลักอยู่บนภาพหินแกะสลัก ถูกเขาอนุมานออกมาทีละนิดอย่างละเอียด จากนั้นก็หยั่งรู้ในใจ
……
เวลาล่วงเลยไป ในป่าศิลาโบราณยิ่งเงียบสงบและเคร่งขรึมกว่าเดิม
เพียงแต่ไม่นานก็มีผู้แข็งแกร่งถูกคัดออก!
พรูด!
จู่ๆ ชายหนุ่มคนหนึ่งก็กระตุกไปทั้งตัว แหงนหน้าพ่นเลือดออกมา ส่งเสียงร้องอย่างไม่จำยอม “เป็นไปไม่ได้ การหยั่งรู้และอนุมานของข้าไม่ผิด เหตุใดจึงไม่สามารถหยั่งถึงความลึกลับนี้”
บรรยากาศอันเงียบสงบถูกทำลาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์