ส่วนลึกของป่าศิลา แสงสีทองแสบตาปรากฏขึ้น ส่งเสียงชิ้งๆ แปรเปลี่ยนเป็นกระบี่เล่มหนึ่งทะลวงขึ้นฟ้า
ชั่วพริบตากระบี่ครวญราวกระแสน้ำ แสงสีทองสะเทือนเก้าสวรรค์
ทุกคนแสบตา ผิวหนังทั่วร่างกายราวกับถูกเข็มทิ่ม ในใจอดกลัวไม่ได้ นี่เป็นพลังมหามรรคระดับใดกัน ถึงกับวิวัฒน์เป็นปรากฏการณ์ประหลาด ‘กระบี่เทพทลายฟ้า แสงทองย้อมภูผาธารา’
ในเวลาเดียวกันนั้นจี้ซิงเหยาลุกขึ้น บนเงาร่างแบบบางมีละอองแสงสีทองปลิวล่องร่วงลงพื้น ควบรวมเป็นดอกกระบี่สีทองอร่ามมากมาย มหัศจรรย์เกินคาดเดา
เฮือก
เสียงสูดหายใจด้วยความตกใจดังไม่ขาดสาย
ผู้ฝึกปราณในที่นั้นล้วนเป็นบุคคลชั้นยอด ต่างชี้ขาดได้ว่า นี่ไม่ใช่แค่มหามรรคแห่งทองคำอย่างแน่นอน!
“มรรคนี้มีชื่อว่านิลกาฬ ไอดุดันครองตำแหน่งแห่งยุค พบเห็นได้ยากมาก มีต้นกำเนิดมาจากมหามรรคแห่งทอง แต่ก็โดดเด่นเหนือมหามรรคแห่งทอง จัดอยู่ใน ‘มกุฎแห่งขั้นหนึ่ง’”
มู่เจี้ยนถิงพึมพำ สีหน้าหวั่นไหว
มหามรรคนิลกาฬ!
ได้ยินเช่นนี้เสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นอีกระลอก เทพธิดาจี้ช่างสมกับเป็นผู้สืบทอดเรือนกระบี่เร้นปุจฉา บางทีก็อาจจะมีเพียงแค่ผู้กล้าหญิงแห่งยุคอย่างนาง จึงจะสามารถหยั่งรู้มหามรรคที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้
สายตาที่ทุกคนมองจี้ซิงเหยาล้วนเปลี่ยนไปในชั่วขณะ เทพธิดาเช่นนี้ ราวกับแสงจันทร์กระจ่าง สง่างามไร้ที่เปรียบ
ตูม!
เพียงแต่ยังไม่ทันที่ทุกคนจะตอบสนอง ในที่นั้นพลันมีปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้นอีกครั้ง…
ท่ามกลางความขุ่นมัว ดอกบัวเขียวต้นหนึ่งไหวเอนออกมา แบ่งเป็นไอขุ่นและใส ราวกับเบิกฟ้าผ่าดิน เผยปรากฏการณ์ประหลาดอัศจรรย์
“มหามรรคบงกชเขียว!”
“สวรรค์ มหามรรคที่หายากเช่นนี้มีจริงหรือนี่”
ครั้งนี้เหล่าผู้กล้าต่างจำได้ในทันที ร้องอย่างตกตะลึง
ลือกันว่าสมัยบรรพกาล ดอกบัวเขียวต้นหนึ่งถือกำเนิดในจักรวาล กลายเป็นทางเดินที่เชื่อมระหว่างฟ้าดิน ปรากฏและแบ่งแยกไอขุ่นใสออกจากกัน ถูกเรียกว่าบัวแห่งนภานิรันดร์!
เพียงแต่ท้ายที่สุดนี่ก็เป็นเพียงแค่คำเล่าลือ และดูเหลือเชื่ออย่างมาก ไม่มีใครคิดว่ามรรคนี้กลับมีอยู่จริง!
อวี่หลิงคงลุกขึ้น ไอขุ่นใสล้อมอยู่รอบตัว แผ่หมอกเมฆนิรันดร์ที่ฝังลึกนิรันดร์ หมื่นวิชาไม่อาจรุกราน
ชั่วขณะนั้นเหล่าผู้กล้าต่างเกิดความรู้สักซับซ้อน
ผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะแห่งแดนกาฬทักษิณคนหนึ่ง กลับได้รับวาสนามรรคหนึ่งเดียวในโลกในเทศกาลโคมกถามรรคครั้งนี้ นี่ทำให้ผู้แข็งแกร่งในที่นั้นต่างรู้สึกอัดอั้นอย่างไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ แต่กลับไม่อาจไม่ยอมรับ
“ขอแสดงความยินดีที่แม่นางจี้ได้ครอบครองมรรคแห่งนิลกาฬ ในสมัยบรรพกาล มรรคนี้กับสถูป วิเวกและแดนชำระ เรียกรวมกันว่า ‘สี่ยอดมรรคสังหาร’ มหัศจรรย์อย่างที่สุด”
อวี่หลิงคงพูดเสียงดัง สีหน้าแฝงรอยยิ้มอบอุ่น
“ข้าเลื่อมใสเจ้ามากกว่า สมัยบรรพกาลมหามรรคบงกชเขียวนี้เรียกได้ว่าเป็น ‘มหามรรคปวงเทพแห่งฟ้าดิน’ คิดไม่ถึงว่าหลังจากผ่านกาลเวลาอันไร้สิ้นสุดจะปรากฏสู่โลกอีกครั้งในวันนี้”
ใบหน้างามของจี้ซิงเหยาราบเรียบ น้ำเสียงเฉยชา
อวี่หลิงคงหัวเราะเสียงดัง “ไม่ว่าอย่างไร มหามรรคที่ข้าและเจ้าครอบครองก็ล้วนอยู่ใน ‘กระดานมรรคเทียมฟ้า’ เรียกได้ว่าเป็นวาสนามรรคเทียมฟ้าแล้ว”
กระดานมรรคเทียมฟ้า!
ทุกคนสีหน้าแปลกประหลาด ในใจมีระลอกคลื่นพลุ่งพล่าน
เมื่อครั้งบรรพกาล เหล่าอริยะใต้หล้าเคยวิเคราะห์มหามรรคในใต้หล้า คิดว่าในบรรดามหามรรคทั้งสามพัน มีเพียงเก้าสิบเก้าสายเท่านั้นที่สามารถเรียกว่า ‘เทียมฟ้า’ เหนือกว่า ‘เก้ามรรคขั้นหนึ่ง’ มาก
หลังจากนั้น ผู้ฝึกปราณบนโลกได้จัดอันดับทั้งเก้าสิบเก้ามรรคนี้ตามความมหัศจรรย์และอานุภาพลงไปใน ‘กระดานมรรคเทียมฟ้า’
มหามรรคเหล่านี้ล้วนเรียกได้ว่าเป็นมกุฎแห่งขั้นหนึ่ง มรรคเทียมฟ้า!
เพียงแต่กระดานมรรคเทียมฟ้านั้นเล่าสืบต่อกันมาจากสมัยบรรพกาล และมรรคเทียมฟ้าก็หายากมาก หากไม่มีมหาศุภโชคก็ไม่สามารถหยั่งถึงและครอบครองได้
เมื่อรวมกับกาลเวลาอันไร้สิ้นสุด ปัจจุบันจึงมีน้อยคนมากที่จะรู้ความลับนี้
แต่สามารถคาดการณ์ได้ว่า เมื่อเรื่องที่จี้ซิงเหยาและอวี่หลิงคงครอบครอง ‘มหามรรคนิลกาฬ’ และ ‘มหามรรคบงกชเขียว’ เผยแพร่ออกไป กระดานมรรคเทียมฟ้าเก่าแก่นี้ก็จะปรากฏในดินแดนรกร้างโบราณอีกครั้ง กลายเป็นเรื่องที่ผู้ฝึกปราณในสี่แดนวิภูรู้อย่างแจ่มแจ้ง!
……
บรรยากาศในที่นั้นเงียบสงัด เหล่าผู้แข็งแกร่งต่างกระวนกระวายใจ เดิมทีพวกเขาต่างได้รับวาสนามรรค ทั้งดีใจและตื่นเต้นอย่างมาก
แต่เมื่อเทียบกับจี้ซิงเหยาและอวี่หลิงคง ความดีใจและความตื่นเต้นพลันลดน้อยลงไม่น้อย อารมณ์ก็ซับซ้อนขึ้นมา
ในโลกภายนอกพวกเขาก็นับว่าเป็นผู้กล้าที่โดดเด่นในฝั่งหนึ่ง ชื่อเสียงสะเทือนแดนฐิติประจิม เหนือกว่าผู้แข็งแกร่งรุ่นเยาว์คนอื่นๆ แต่ตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้วว่า อะไรที่เรียกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า!
บนโลกนี้ไม่มีวันขาดอัจฉริยะ นี่ยังเป็นแค่คนที่พวกเขาได้เห็นด้วยซ้ำ ในสี่แดนวิภูแห่งดินแดนรกร้างโบราณ จะต้องมีปีศาจและอัจฉริยะมากกว่านี้อย่างแน่นอน!
ทันใดนั้นเสียงครวญใสดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบ
เหล่าผู้กล้าได้สติจากความคิดว้าวุ่น แหงนหน้ามองก็เป็นต้องอึ้งจนอ้าปากค้างไปทันที หงส์เซียนหรือ
บนอากาศ แสงปลิวกระจายราวกับพิรุณ พร่าเบลอไม่สมจริง ปักษาเทพตัวหนึ่งกางปีก กำลังส่งเสียงครวญสะเทือนเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน
มันงดงามเป็นประกายมาก ปีกยาวสิบกว่าจั้ง ลำตัวองอาจ กลุ่มแสงรุ้งศักดิ์สิทธิ์มากมายปกคลุมอยู่รอบๆ ตัว ละอองแสงบริสุทธิ์ราวกับเซียนปลิวลอยออกมา
วิเศษอัศจรรย์เกินไปแล้ว ราวกับสัตว์เซียนในตำราปรากฏตัวบนโลก ทำให้ฟ้าดินเกิดปรากฏการณ์อันเป็นมงคล ว่างเปล่าและเคร่งขรึม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์