ตอนที่ 909 ตรวจตราศุภโชค – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 909 ตรวจตราศุภโชค จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ก่อนตาย เต็มไปด้วยความไม่ยินยอมและสิ้นหวัง การทรยศในช่วงเวลาสุดท้ายของมู่เจี้ยนถิงทำให้จิตวิญญาณของเขายุ่งเหยิงนัก ขนาดจะหลบหนียังไม่ทัน ถูกหลินสวินซัดทรวงอกให้แหลกในหมัดเดียว
เหล่าผู้กล้าเหม่อลอยอยู่เช่นนั้น ทอดถอนใจไร้วาจาเอื้อนเอ่ย ไม่อาจคาดคิดได้ว่าการต่อสู้คราวนี้จะมีผลลัพธ์เช่นนี้ได้
ก่อนหน้านี้ มู่เจี้ยนถิงและเหลยเชียนจวินกับพวกจงหลีอู๋จี้ร่วมมือกันวางกับดักไว้ล่วงหน้า เพื่อขังหลินสวินไว้ในกระบวนผนึกมรรคราชัน
ดังนั้นทุกคนจึงคิดว่าหลินสวินไม่มีความหวังจะรอดชีวิตได้อีก ต้องถูกสังหารแน่ ตอนนั้นผู้แข็งแกร่งหลายคนยังถอนใจเสียดาย รู้สึกว่าไม่คุ้มแทนหลินสวิน
แต่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายหลัง กลับทำให้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นพลิกผลันอย่างเหลือเชื่อ
ใครก็คิดไม่ถึงว่าค่ายกลใหญ่ที่สามารถล้อมสังหารสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันได้กระบวนหนึ่ง หลินสวินกลับเดินออกมาได้อย่างสบาย ไม่ได้รับความเสียหายเลย เต็มไปด้วยความเหนือคาด
จากนั้น…
ซาหลิวฉานก็ถูกสังหารด้วยหมัดเดียว จงหลีอู๋จี้ถูกบิดคอหัก ชิงเหลียนเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหลือเพียงเศษเสี้ยววิญญาณแหว่งวิ่นหนีไป
ทั้งหมดนี้ล้วนดูน่าตื่นตะลึงสะท้านโลกเกินธรรมดา ขับเน้นให้หลินสวินประหนึ่งเทพเทวดา ไม่อาจเอาชนะได้
กระทั่งตอนนี้ เมื่อเหลยเชียนจวินถูกฆ่าตาย มู่เจี้ยนถิงหลบหนีหัวซุกหัวซุน เหล่าผู้กล้าก็หวาดผวาโดยสิ้นเชิง ในสมองออกจะงงงวย เหม่อลอยอยู่เช่นนั้นแล้ว
นั่นเป็นถึงบุคคลแห่งยุคกลุ่มหนึ่ง เป็นผู้อยู่แถวหน้า สะดุดตาหาใดเทียบในหมู่คนรุ่นเยาว์ทั้งแดนฐิติประจิม!
แต่ตอนนี้กลับประสบเคราะห์ บาดเจ็บล้มตายไปทีละคน ล้วนถูกหลินสวินคนเดียวเอาชนะ นี่ดูน่าตื่นตะลึงยิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
หากข่าวกระจายออกไป ต้องก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนใหญ่โตแน่!
……
หืม?
ในที่นั้น หลินสวินกำลังจะไล่โจมตีมู่เจี้ยนถิง จู่ๆ กลับสังเกตเห็นว่าดวงตาแนวตั้งดวงหนึ่งปรากฏขึ้นจากร่างที่ถูกสังหารของเหลยเชียนจวิน แผ่วงแสงสายฟ้าสีดำออกมา พิศวงน่าหวาดหวั่นหาใดเทียบ
เนตรอสนีดับวิชา!
นัยน์ตาหลินสวินหดรัด เพียงแต่ยังเขายังไม่ทันตอบโต้ ก็เห็นว่าดวงตาแนวตั้งดวงนั้นพลันมีแสงอสนีโชติช่วงปะทุออกมา แล้วดึงเอาศพของเหลยเชียนจวินหายลับไปในห้วงอากาศทันใดราวกับมีพลังจิต
ความรวดเร็วนั้นทำให้แม้แต่จะขัดขวางหลินสวินยังทำไม่ทัน
นี่ทำให้เขาสีหน้าคร่ำเคร่ง นึกถึงประโยคที่เหลยเชียนจวินพูดออกมาก่อนตายประโยคนั้น…
‘หลินสวิน เจ้าฆ่าข้าไม่ตายหรอก ข้าจะต้องกลับมาเอาคืน!’
‘จะเป็นเพราะดวงตาแนวตั้งดวงนี้หรือไม่…’ หลินสวินลอบถอนใจในใจ บุคคลแห่งยุคเหล่านี้ไม่ได้ฆ่าได้ง่ายขนาดนั้นดังคาด บนร่างของพวกเขายังมีไพ่ตายที่รักษาชีวิตไว้มากมายเหลือเกิน ไม่อาจเทียบกับผู้ฝึกปราณคนอื่นได้
แต่หลินสวินก็สามารถแน่ใจได้ว่า ต่อให้เหลยเชียนจวินยังมีความเป็นไปได้ที่จะคืนชีพ แต่คิดจะฟื้นตัวในเวลาอันสั้นก็เป็นเรื่องที่ไม่อาจทำได้!
เขาไม่ร่ำไร รีบเร่งสะสางสมรภูมิ
การต่อสู้ครั้งนี้แม้เสี่ยงภัยหาใดเทียบ แต่สิ่งที่ได้รับก็มากนัก พวกซาหลิวฉาน จงหลีอู๋จี้ถูกฆ่า สมบัติที่อยู่กับตัวพวกเขาก็กลายเป็นทรัพย์หลังศึกของหลินสวิน
อีกทั้งทรัพย์หลังศึกนี้ยังใหญ่โตอย่างไม่ธรรมดา!
เช่นธงรบค่ายกลโบราณและแผ่นจานกระบวนที่ชิงเหลียนเอ๋อร์ทิ้งไว้ชุดนั้น ก็สามารถวางกระบวนผนึกมรรคราชันที่แท้จริงได้
นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้บุคคลแห่งยุคเหล่านี้ยังชิงศุภโชคมาได้หลายชิ้น ตอนนี้ก็กลายเป็นของที่อยู่กรุของหลินสวิน
ระหว่างที่หลินสวินกวาดทรัพย์หลังศึกจนเกลี้ยง เหล่าผู้กล้าที่อยู่ไกลออกไปก็ได้สติกลับมาจากอาการเหม่อลอยช้าๆ เมื่อเห็นภาพนี้เข้า แม้จะอิจฉาตาร้อน แต่กลับไม่มีใครกล้าฉวยโอกาส
ภาพหลินสวินสังหารเหล่าบุคคลแห่งยุคก่อนหน้านี้ทุกภาพยังติดตา ใครจะสวมใจเสือกล้าเข้าไปแย่งทรัพย์หลังศึกของเขาในตอนนี้ได้
ไกลสุดลูกหูลูกตา นัยน์ตาของอวี่หลิงคงฉายแววเยียบเย็น เหมือนจะเข้าไป แต่สุดท้ายก็ยังไม่เคลื่อนไหวแต่อย่างใด
“เหตุใดเจ้าถึงไม่ลงมือ” จี้ซิงเหยาพลันทอดสายตามองไปยังอวี่หลิงคง บนกายฝ่ายหลังมีไอสังหารพรั่งพรู ถูกนางจับสังเกตได้อย่างเฉียบคม
“ไม่รีบร้อน”
อวี่หลิงคงยิ้มบางๆ สีหน้ากลับมาราบเรียบ “อีกอย่างยอมให้เขาอยู่ต่อไปช่วงหนึ่ง สุดท้ายแล้ว ไม่ช้าก็เร็วชีวิตของเขาก็เป็นของข้า”
“ดูท่าเจ้าเชื่อมั่นมากว่าจะสังหารหลินสวินได้ใช่หรือไม่” ดวงตากระจ่างของจี้ซิงเหยาฉายแววประหลาด
อวี่หลิงคงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ปรากฏรอยยิ้มที่มีความหมายลึกล้ำ เอ่ยว่า “ถ้าเอาชีวิตเข้าแลกจริงๆ ไม่แน่ว่าแม่นางจี้ก็สามารถทำได้กระมัง”
จี้ซิงเหยาไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ หันกายจากไป
อวี่หลิงคงก็ไม่สนทนาหัวข้อนี้อีก เขามองหลินสวินที่อยู่ห่างออกไปครั้งหนึ่งแล้วค่อยหันกายจากไป
……
‘ไปกันหมดแล้วหรือ ข้ายังคิดว่าพวกเขาจะห้ามใจให้ลงมือไม่ได้ ดูท่าพวกเขาก็เริ่มระวังรอบคอบเสียแล้ว…’
หลินสวินที่กำลังกวาดทรัพย์หลังศึกเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาสีดำกวาดมองไปไกลลิบครั้งหนึ่ง นิ่วหน้าอย่างยากสังเกตเห็น
ก่อนหน้านี้ยามประลองกับพวกมู่เจี้ยนถิง เขาก็สังเกตได้อย่างฉับไวว่ายังมีกลิ่นอายแข็งแกร่งส่วนหนึ่งจดจ้องเหตุการณ์ทั้งหมดนี้อยู่ลับๆ
หากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ เขาก็คงใช้วิธีโหดเหี้ยม สังหารคู่ต่อสู้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งไปนานแล้ว และคงไม่เลือกต่อสู้กับพวกมู่เจี้ยนถิง
เช่นเดียวกัน สาเหตุที่เขายังไม่จากไปทันที ก็เพราะกำลังรอคอย อยากเห็นเสียหน่อยว่ายังมีใครกล้ากระโจนออกมาอีกกันแน่
แต่เหนือความคาดหมายของหลินสวิน ท้ายที่สุดก็ยังไม่มีใครออกมาอีก เห็นได้ชัดว่าศึกใหญ่เมื่อกี้นี้ทำให้พวกเขาระแวดระวังและรอบคอบ ไม่กล้าบุ่มบ่ามลงมืออีก
“ข้าสังหรณ์อย่างหนึ่งว่า ยามศุภโชคคราวนี้มาถึง จะต้องต่างจากธรรมดาแน่ เป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นมหาโชคที่ไม่เคยมีมาก่อนชิ้นหนึ่งแน่ ส่วน ‘ศุภโชคอันดับหนึ่ง’ ก็เป็นไปได้สูงยิ่งที่จะถือกำเนิดขึ้นตอนนี้!”
ทั้งมีคนรอคอยและตั้งหน้าตั้งตารอ
และตอนนี้เอง หลินสวินก็ตื่นขึ้นจากการทำสมาธิ พลังกายของเขาฟื้นฟูถึงสภาวะสูงสุดแล้ว อีกทั้งพลังปราณยังเฉียบแหลมขึ้นกว่าแต่ก่อนอย่างเห็นได้ชัด
เขาก็สังเกตได้ถึงความผิดปกติของต้นโคมสำริดมรรคโบราณเช่นกัน ดังนั้นจึงมาอยู่ในบริเวณใกล้เคียงยอดต้นไม้โบราณก่อน
ด้วยว่างจนไม่มีอะไรทำ หลินสวินจึงเริ่มตรวจตราทรัพย์หลังศึกทีละชิ้น
การเหยียบย่างไปบนต้นโคมสำริดมรรคโบราณครั้งนี้ ทำให้เขาได้รับของมาอย่างมากมาย
ก่อนหน้านี้ได้ศิลาโลหิตน้ำตาหงส์ เจตวัตถุที่ล้ำค่าหายากชิ้นหนึ่ง จากนั้นก็กำราบโอสถราชันไร้เทียมทานกายสิทธิ์ต้นหนึ่งได้อีก
แต่ทรัพย์หลังศึกที่ได้มาจากศึกนองเลือดยิ่งน่าตะลึง ทั้งสมบัติโบราณลี้ลับ โอสถวิญญาณล้ำค่า และวัตถุวิญญาณหายาก มีมากกว่าหลายสิบชนิด
อย่างดาบโค้งสีเขียวที่รูปร่างเหมือนจะงอยปาก คมดาบยาวแคบซึ่งชิงมาจากมือชิงเหลียนเอ๋อร์เล่มนั้น มีนามว่า ‘หงส์ครวญเย้ยวิญญาณ’ เป็นสมบัติโบราณที่สืบทอดในเผ่าหงส์เขียว
หรืออย่างกระบองยาวอสนีที่ชิงมาจากมือเหลยเชียนจวินเล่มนั้น ที่มายิ่งน่าตื่นตะลึง มีนามว่า ‘กระบองเสียงอสนีประหัตมาร’ เป็นสมบัติล้ำค่าที่อริยะผู้หนึ่งในเผ่ามหาอสนีหลอมขึ้นเองกับมือ
นอกจากนี้ ยังมี ‘ทวนวงเดือนแสงทะมึน’ ของซาหลิวฉาน ‘หยกม่วงสมปรารถนา’ ของจงหลีอู๋จี้ เป็นต้น
สมบัติทุกชิ้นล้วนมหัศจรรย์หาใดเทียบ แม้ไม่ได้เป็นยอดศาสตรามรรคราชัน แต่อานุภาพกลับสามารถประชันกับยอดศาสตราเหล่านั้นได้!
ส่วนของจำพวกโอสถอัศจรรย์ ลูกกลอนวิญญาณ และวัตถุวิญญาณแต่ละชนิดที่ได้มา ยิ่งมีจำนวนมากกว่า มีคุณประโยชน์ต่างๆ กัน งดงามละลานตา มูลค่าไม่อาจประเมินได้
จากจุดนี้ก็ดูออกได้ว่า ภูมิหลังบุคคลแห่งยุคเหล่านี้ล้วนน่าตะลึงขนาดไหน พวกเขาเกิดในสำนักและตระกูลเก่าแก่ มูลค่าของทรัพยาการฝึกปราณที่ครอบครอง จึงล้ำเกินกว่าผู้ฝึกปราณทั่วไปในโลกไปโข
ปัจจัยสำคัญสี่อย่างของพลังปราณ ทรัพย์ สหาย วิชา และสถานที่ ทรัพย์เป็นอันดับหนึ่ง แค่คิดก็รู้ว่ามีความสำคัญปานไหน
ภายใต้การเกื้อหนุนทางทรัพยากรฝึกปราณมากมายเช่นนี้ เกรงว่าต่อให้เป็นหมูตัวหนึ่ง ก็สามารถเบิกปัญญา แปรสภาพเป็นหมูอสูรมารที่มีอภิญญาไพศาลได้!
เพียงแต่สำหรับหลินสวินแล้ว สิ่งที่ได้มาคราวนี้ซึ่งทำให้เขาใจเต้นมากที่สุดกลับเป็นม้วนหนังสัตว์ผืนหนึ่ง กับกระบวนผนึกมรรคราชันกระบวนหนึ่ง!
ม้วนหนังสัตว์มีสีเขียวอบอวล เป็น ‘ศุภโชค’ ที่ชิงมาจากมือของเหลยเชียนจวิน
ที่มหัศจรรย์ที่สุดก็คือ ม้วนหนังสัตว์นี้ถูกลายมรรคสีทองสายหนึ่งพันธนาการไว้ ด้วยพลังของหลินสวินในตอนนี้ กลับไม่อาจเปิดออกได้!
หลินสวินยังจำได้ว่า ตอนนั้นมู่เจี้ยนถิงกับเหลยเชียนจวินกำลังแสร้งทำเป็นชิงม้วนหนังสัตว์ม้วนนี้อยู่ ถึงทำให้ตนชะล่าใจ ถูกพวกเขาลอบโจมตี
แต่ด้วยเรื่องนี้ก็สามารถตัดสินได้ว่า สิ่งนี้ต้องเป็น ‘ศุภโชค’ ที่ถือกำเนิดขึ้นบนต้นโคมสำริดมรรคโบราณชิ้นหนึ่ง!
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์