แต่มันกลับอบอวลไปด้วยรัศมีเทพสีเขียว ทั้งยังมีเสียงธรรมเสียงแล้วเสียงเล่าแว่วมาจากในนั้นอย่างรางเลือน ดุจเสียงอริยบุคคลท่องแก่นแท้มหามรรค
มหัศจรรย์จริงๆ!
พลังจิตวิญญาณของหลินสวินแข็งแกรงปานใด บรรลุระดับดอกเทพรวมยอดอยู่ก่อนแล้ว แต่กลับไม่อาจสืบเสาะเข้าไปมองปริศนาภายในนั้น
‘หรือว่าปริศนาที่บันทึกไว้ในม้วนหนังสัตว์นี้จะลึกซึ้งและสูงส่งเกินไป ยังไม่ใช่สิ่งที่ข้าซึ่งมีปราณระดับนี้สามารถหยั่งรู้ได้’
หลินสวินใคร่ครวญ
เขารับรู้ได้ว่ากุญแจสำคัญที่จะเปิดม้วนหนังสัตว์นี้ ก็อยู่ที่รอยมรรคสีทองเหมือนเส้นด้ายที่พันผูกอยู่ด้านบนเส้นนั้น
หลังจากเขาศึกษาโดยละเอียดกลับตื่นตะลึงนัก เพราะกลิ่นอายของลายมรรคสีทองนี้มีกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ที่สั่นสะท้านจิตใจผู้คนอยู่
‘รัศมีเขียวแผ่พลิ้ว เสียงธรรมก้องสะท้อน ใช้ลายมรรคสีทองพันผูก… ปริศนาที่ซุกซ่อนอยู่ในม้วนหนังสัตว์นี้ต้องไม่ธรรมดาแน่!’
ครู่ใหญ่หลินสวินถึงเก็บสิ่งนี้ไว้ในเจดีย์สมบัติไร้อักษร ผนึกไว้อย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ทอดสายตามองไปยังกระบวนผนึกมรรคราชันชุดนั้น
กระบวนค่ายกลนี้ประกอบขึ้นจากธงกระบวนหยกขาวหนึ่งร้อยแปดผืนกับแผ่นจานกระบวนสามแผ่น มีนามว่า ‘จตุลักษณ์ราชัน’ เป็นกระบวนราชันที่บรรพชนเผ่าหงส์เขียวหลอมขึ้นกับมือกระบวนหนึ่ง
ทันทีที่เรียกออกมา สามารถเชื่อมโยงพลังฟ้าดิน ใช้วิชาจตุลักษณ์ คลื่นต้องห้ามที่สร้างขึ้นสามารถกักขังสังหารผู้แข็งแกร่งระดับราชันได้!
พูดได้ว่า นี่ย่อมเป็นมหาอาวุธสังหารชุดหนึ่ง อานุภาพเกินจินตนาการ
ทว่าก็มีเพียงปฐมาจารย์สลักวิญญาณที่แท้จริงกับผู้แข็งแกร่งระดับราชันเท่านั้น ถึงสามารถปลดปล่อยความเร้นลับและอานุภาพของค่ายกลนี้ออกมาได้ทั้งหมด
อย่างก่อนหน้านี้ยามพวกชิงเหลียนเอ๋อร์วางค่ายกลนี้ แม้ร่วมมือกันควบคุมค่ายกล แต่พลังสังหารที่สำแดงออกมากลับไม่ถึงสามส่วนของอานุภาพทั้งหมด!
และหลังจากศึกษาปริศนาทั้งหมดของกระบวนผนึกมรรคราชันชุดนี้โดยละเอียด ในใจหลินสวินก็เกิดกลัวขึ้นมา เขาแน่ใจได้ว่า หากเมื่อกี้เปลี่ยนเป็นปฐมาจารย์สลักวิญญาณผู้หนึ่งลงมือ เกรงว่าตนจะถูกปลิดชีพในชั่วพริบตา!
‘น่าเสียดาย การใช้ค่ายกลนี้ไม่เพียงสิ้นเปลืองพลังกาย ยังต้องใช้แกนวิญญาณขั้นสูงอย่างน้อยนับหมื่นชิ้นเป็นแหล่งพลังงาน ค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายมากเกินไปแล้ว…’
หลินสวินถอนใจในใจ
เขารู้ดีว่ากระบวนผนึกมรรคราชันเช่นนี้ มีเพียงวางไว้บนชีพจรปราณวิญญาณที่ล้ำเลิศหาใดเทียบเท่านั้นถึงสามารถโคจรได้อย่างไม่ขาดสาย ไม่สามารถใช้ได้ตามใจชอบ
อย่างไรเสียค่าตอบแทนที่เป็นแกนวิญญาณขั้นสูงนับหมื่นชิ้น อย่าว่าแต่ผู้ฝึกปราณทั่วไปเลย แม้แต่ผู้สืบทอดสำนักเก่าแก่เหล่านั้นก็เกรงว่าจะรับได้ยาก!
แกนวิญญาณจำนวนมหาศาลเช่นนี้ สามารถนำไปซื้อยอดศาสตรามรรคราชันได้ชิ้นหนึ่งเลย!
‘แต่ว่า ถ้าสามารถปิดล้อมสังหารสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันได้ สิ่งที่ต้องจ่ายเช่นนี้ก็คุ้มค่านัก…’ หลินสวินลอบตั้งใจแน่วแน่ว่าจะใช้กระบวนค่ายกลนี้เป็นอาวุธไม้ตาย จะไม่เอามาใช้โดยง่าย
ที่ทำให้เขายินดีก็คือ เขาชิงแกนวิญญาณขั้นสูงมาได้เกือบสามหมื่นชิ้นจากกำไลหยกเก็บของที่ชิงเหลียนเอ๋อร์ทิ้งไว้
เห็นได้ชัดว่านางก็รู้ค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายเพื่อโคจรค่ายกลนี้ ดังนั้นจึงเตรียมพร้อมไว้ก่อนแล้ว
แต่ที่น่าเสียดายก็คือ นางไม่ได้เป็นทั้งผู้แข็งแกร่งระดับราชัน และไม่ได้เป็นปฐมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญศาสตร์สลักรอยวิญญาณ ต่อให้เตรียมตัวพร้อมสรรพกว่านี้ก็ไม่อาจสำแดงพลานุภาพที่แท้จริงของกระบวนค่ายกลนี้ได้
วู้ม!
ทันใดนั้นต้นโคมสำริดมรรคโบราณที่เงียบสงบมานาน ตอนนี้กลับแผ่คลื่นคลุมเครือน่าตื่นตระหนกราวฟื้นขึ้นมาใหม่
ชั่วพริบตา รัศมีเทพสีม่วงเปล่งประกายก็ตลบอบอวลออกมาจากลำต้นที่เหมือนหล่อขึ้นจากสำริด พลังชีวิตน่าตื่นตระหนกสาดส่อง
ไม่เพียงแต่หลินสวิน ผู้แข็งแกร่งที่กระจายอยู่ใกล้กับยอดต้นไม้เทพตอนนี้ล้วนตกใจทันที ศุภโชคจะมาถึงแล้วหรือ
……
นอกเขาพยับคราม ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนก็รออยู่ จิตใจร้อนรุ่ม สงสัยนักว่าต้นโคมสำริดมรรคโบราณเงียบเชียบนานไปแล้ว นี่ผ่านไปจะหกชั่วยาม ยังไม่มีความเคลื่อนไหวสักนิด
“ไม่น่าจะมีเรื่องเหนือความคาดหมายกระมัง” คนใหญ่คนโตบางคนนิ่วหน้า
ในตอนนี้เองเสียงโครมหนึ่งดังขึ้น ก็เห็นว่าไหล่เขาครึ่งหนึ่งของเขาพยับครามที่อยู่ไกลออกไป จู่ๆ ก็มีรัศมีเทพสีม่วงเปล่งประกายหาใดเทียบพุ่งตรงขึ้นไปบนเวิ้งฟ้า ทำลายชั้นเมฆให้แหลกสลายกระจัดกระจาย
ในชั่วครู่เดียว ฟ้าดิน ภูผาธารา และสรรพสัตว์ล้วนถูกสีม่วงพร่างพรายและศักดิ์สิทธิ์ย้อมขึ้นชั้นหนึ่ง งดงามไร้ขอบเขต ไพศาลสุกสกาว
“นี่…”
ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนหวาดผวา ดวงตาเบิกกว้าง จากนั้นก็ตื่นเต้นเต็มทีแล้ว
“ต้องเป็นมหาศุภโชคมาเยือนแน่แล้ว!”
ชั่วขณะเดียว แม้แต่คนใหญ่คนโตพวกท่านย่ากระเรียนทองยังตื่นเต้นอยู่ในใจ พวกเขารอคอยมาเนิ่นนานแล้ว และภาพศักดิ์สิทธิ์ที่ฉายขึ้นตรงหน้านี้ ทำให้พวกเขาล้วนรับรู้ได้ว่าศุภโชคที่กำลังจะมาถึงคราวนี้ต้องเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน ต่างจากก่อนหน้านี้!
……
“ศุภโชคใหญ่ที่แท้จริงจะถือกำเนิดแล้ว…” ใต้ต้นโคมสำริดมรรคโบราณ มีผู้แข็งแกร่งมากมายรายล้อมอยู่เช่นกัน เพื่อรักษาชีวิต พวกเขาถอยออกจากบนต้นไม้โบราณมาก่อนนานแล้ว ไม่ต้องการเข้าร่วมอีก
แต่เมื่อได้เห็นภาพนี้เข้า ในใจก็อดกระวนกระวายไม่ได้ อยากจะเข้าไปลองดู
ผู้แข็งแกร่งบางส่วนกัดฟัน เคลื่อนกายพุ่งไปบนต้นโคมสำริดมรรคโบราณอีกครั้ง พวกเขาไม่ยินยอมมองดูเช่นนี้ ไม่ต้องการพลาดวาสนาใหญ่ที่นานทีปีหนจะมีสักครั้งเช่นนี้
ต่อให้มีความเสี่ยงที่จะสิ้นชีพ แต่หากชิงศุภโชคไปได้ ความทุ่มเททั้งหมดนี้ก็คุ้มค่า!
เพียงแต่แค่ครึ่งทางพวกเขาก็งงงวยเหม่อลอยอยู่เช่นนั้น เพราะในครรลองสายตาของพวกเขา ดอกตูมสำริดที่เหลืออยู่พวกนั้นยังไม่ทันเบ่งบาน ตอนนี้ก็โรยราไปทีละดอก!
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
ทุกคนล้วนงงงัน ยังคงไม่อาจเชื่อสายตาตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์