ณ ชานเมืองฝั่งตะวันตกของนครเตโช
ฟ้าเพิ่งสางก็มีคนกลุ่มหนึ่งมารออยู่ที่นั่นแล้ว
“ทุกท่าน ข้าจะแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จัก ท่านนี้คือหลินซย่า เป็นนักชำนาญวิญญาณที่เชี่ยวชาญการทำนายโชคเคราะห์ เสาะหาชีพจรปราณ ครั้งนี้จะข้ามแม่น้ำพรมแดนไปฝึกปราณที่แดนชัยบูรพา ระหว่างทางรบกวนทุกท่านให้การดูแลด้วย”
ไป่เฟิงหลิวแนะนำอย่างคล่องแคล่ว
หลินซย่าก็คือชื่อใหม่ที่หลินสวินใช้อำพรางตัว และหลังจากตัดสินใจว่าจะข้ามแม่น้ำพรมแดน เขาก็ได้ใช้เคล็ดวิชามหาไร้รูปเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์และบุคลิกไปแล้ว
คนทั้งกลุ่มกำลังพินิจหลินสวินที่อยู่ข้างๆ ไป่เฟิงหลิว พบว่าเป็นเด็กหนุ่มที่มีพลังปราณเพียงระดับหยั่งสัจจะ อีกทั้งรูปลักษณ์ก็ไม่ได้โดดเด่น จึงไม่สนใจเลยสักนิด พลันเก็บสายตากลับไป
“หลินซย่า ข้าจะแนะนำสหายยุทธ์เหล่านี้ให้เจ้า…” ไป่เฟิงหลิวพูดพล่ามอยู่พักใหญ่ เห็นได้ชัดว่าเขาคุ้นเคยกับคนกลุ่มนี้เป็นอย่างดี
เพียงแต่หลินสวินกลับขมวดคิ้วอย่างยากจะสังเกตเห็น
คนขบวนนี้ถือว่าแข็งแกร่ง ทั้งหมดสิบหกคน แต่ละคนเฉียบแหลมมากประสบการณ์ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดมีพลังปราณระดับกระบวนแปรจุติ ผู้ที่อ่อนแอที่สุดยังมีพลังปราณถึงระดับหยั่งสัจจะ
แต่สำหรับหลินสวิน กองกำลังเช่นนี้อยากจะข้ามแม่น้ำพรมแดนที่อันตรายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ และทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันยังไม่กล้าก้าวเข้าไปง่ายๆ ก็เห็นจะไม่เพียงพอ
‘ไม่ต้องห่วง พวกนี้ล้วนเป็นตัวอันตรายที่โหดเหี้ยมอำมหิต และมักจะกบดานอยู่บริเวณแม่น้ำพรมแดน เป็นขบวนผจญภัยที่มากประสบการณ์’
ไป่เฟิงหลิวดูเหมือนอ่านความฉงนในใจหลินสวินออก พลันสื่อจิตอธิบาย ‘แม่น้ำพรมแดนนั่นอาจจะอันตรายมาก แต่สำหรับตัวอันตรายพวกนี้ กลับมีวิธีการของตนที่จะเอาตัวรอด ครั้งนี้พวกเขาถูกจ้างวานให้คุ้มกันบุคคลลึกลับคนหนึ่งข้ามแม่น้ำพรมแดนไปแดนชัยบูรพา การที่ให้เจ้าเคลื่อนไหวไปกับพวกเขา ประการแรกสามารถปิดบังฐานะ ประการที่สองสามารถอำนวยความสะดวก ตอนข้ามแม่น้ำพรมแดนค่อนข้างปลอดภัยกว่า’
หลินสวินพยักหน้า
เขาก็เคยได้ยินมาว่า แม้แม่น้ำพรมแดนจะอันตรายมาก แต่ภายในก็ซ่อนวัตถุดิบวิญญาณและสมบัติหายากจำนวนไม่น้อย
ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนก็มีนักผจญภัยและพวกชอบเสี่ยงมากมายที่เดินทางเข้าไป บ้างก็ปรารถนาความมั่งคั่ง บ้างก็ปรารถนาวาสนา
ในทำนองเดียวกันก็มีคนชั่วที่กระทำความผิดอย่างใหญ่หลวง เลือกที่จะหนีเข้าไปหลบการตามฆ่าในแม่น้ำพรมแดน
จนปัจจุบันในแม่น้ำพรมแดนนั่น มีสถานที่นอกกฎหมายที่นักผจญภัยรวมตัวกัน และยังกลายเป็นอิทธิพลชั่วร้ายมากมายทั้งใหญ่และเล็ก
แน่นอนว่านี่คือพื้นที่รอบนอกของแม่น้ำพรมแดน
ในส่วนลึกของแม่น้ำพรมแดนยังคงเป็นเหมือนสถานที่ต้องห้าม แม้จะเป็นพวกนักผจญภัยหรือโจรชั่วก็น้อยมากที่จะมีคนกล้าเข้าไป
เห็นได้ชัดว่าขบวนที่ไป่เฟิงหลิวหามานี้เป็นการรวมตัวของกลุ่มนักผจญภัย ทั้งผ่านลมฝนมานาน ประสบการณ์หลากหลาย
“ไปเถอะ อีกไม่นานข้าก็จะไปแดนชัยบูรพา ที่นั่นเป็นถึงสถานที่หัวใจสำคัญของดินแดนรกร้างโบราณ ถูกเรียกว่าเป็น ‘แหล่งกำเนิดแห่งเหล่าอริยะ’ เช่นเดียวกัน ในอนาคตข้าจะสามารถเป็นราชันแห่งข่าวสารที่ชื่อเสียงสะเทือนไปทั้งอดีตและปัจจุบันได้หรือไม่ ล้วนต้องดูว่าข้าจะสามารถสร้างผลงานโดดเด่นเหนือผู้อื่นที่แดนชัยบูรพาได้หรือไม่!”
ก่อนจากกันไป่เฟิงหลิวเผยความภาคภูมิใจ ปณิธานแรงกล้า ฮึกเหิมเต็มประดา
“รักษาตัวด้วย” หลินสวินพยักหน้า
ในด่านแรกของเทศกาลโคมกถามรรค หลินสวินได้ดอกบัวเพลิงมาไม่น้อย เขาหลอมไปแล้วดอกหนึ่ง ได้รับวิชามรรคธารดาราเพลิงหลอมมา
ส่วนที่เหลือก็ถูกเขาแบ่งให้เยวี่ยเจี้ยนหมิงกับไป่เฟิงหลิว
เรียกได้ว่าในแดนฐิติประจิม สหายที่หลินสวินคบไม่ได้มาก เยวี่ยเจี้ยนหมิงและไป่เฟิงหลิวเป็นสองคนที่เขาเชื่อใจที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
……
ฟิ้ว!
ในชั้นเมฆ ยานสำเภาลำหนึ่งบดขยี้คลื่นอากาศแล่นไปทางตะวันออกสุดของแดนฐิติประจิม
บนยานสำเภา สมาชิกขบวนนักผจญภัยกำลังหารือกันอยู่ ส่วนหลินสวินกำลังใคร่ครวญบางอย่างอยู่ในห้องห้องหนึ่ง
พวกเขาออกเดินทางมาได้หลายชั่วยามแล้ว หลังจากปฏิสัมพันธ์ในช่วงสั้นๆ ทำให้หลินสวินพอจะรู้จักขบวนนักผจญภัยขบวนนี้คร่าวๆ แล้ว
หัวหน้าเป็นชายเฉลียวฉลาดที่บุคลิกห้าวหาญราวกับเสือ ชื่อว่าโค่วซิง รูปร่างผอมสูง ผิวสีทองแดง สีหน้าเคร่งขรึม
เขาแบกดาบคู่หนึ่ง ทุกการเคลื่อนไหวของเขาเผยให้เห็นถึงความมากประสบการณ์ มีพลังปราณระดับกระบวนแปรจุติขั้นสูง
นอกจากนี้ยังมีชายหญิงคู่หนึ่งเป็นที่สนใจของหลินสวิน
คนหนึ่งฉายาว่า ‘หน้าเขียว’ รูปร่างกำยำทรงพลัง บนผิวหนังปกคลุมไปด้วยรอยสักหนาแน่น โดยเฉพาะส่วนใบหน้า ถูกปกคลุมด้วยรอยสักสีเขียว ให้ความรู้สึกสยดสยองอย่างที่สุด
จากที่ไป่เฟิงหลิวแนะนำก่อนหน้านี้ คนผู้นี้มาจาก ‘เผ่าเลือดเขียว’ มีพลังหยั่งรู้ต่ออันตรายที่เฉียบแหลมอย่างที่สุดแต่กำเนิด เขามีพลังปราณระดับกระบวนแปรจุติขั้นต้น นิสัยเงียบขรึมพูดน้อย
อีกคนหนึ่งฉายาว่า ‘จงอางแดง’ มีเสน่ห์น่าหลงใหล รูปร่างเย้ายวนร้อนแรงอย่างที่สุด มีนัยน์ตาดอกท้อที่น่าดึงดูด ใบหูทั้งสองข้างมีงูสีแดงตัวเล็กๆ สองตัวห้อยอยู่ นางเองก็มีพลังปราณระดับกระบวนแปรจุติขั้นต้นเช่นเดียวกับเจ้าหน้าเขียว อุปนิสัยฉุนเฉียว
เห็นได้ชัดว่าขบวนนี้มีสามคนนี้เป็นผู้นำ คนที่เหลือแม้พลังปราณไม่เหมือนกัน แต่กลิ่นอายก็ดุร้ายอย่างที่สุด ดูก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพที่ผ่านประสบการณ์มามาก
นอกจากนี้ในขบวนยังมี ‘ผู้ลึกลับ’ อีกคน
ครั้งนี้ขบวนนี้ก็ถูกผู้ลึกลับคนนี้ว่าจ้างมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์