ยามที่ได้ยินว่าหลินสวินมุ่งสู่แดนชัยบูรพาเพราะต้องการสืบข่าวเกี่ยวกับอวิ๋นชิ่งไป๋ ในคราแรกไป่เฟิงหลิวรู้สึกตกใจยิ่ง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ถามมากความอะไร แต่ใช้เวลาหนึ่งวันวกกลับไปที่พำนักเผ่าวาทวาโย
เมื่อย้อนกลับไปก็ได้มอบใบข่าวสารทองคำใบนี้ให้หลินสวิน
ในนั้นบันทึกเหตุการณ์การต่อสู้ของอวิ๋นชิ่งไป๋ซึ่งสายสืบเผ่าวาทวาโยบังเอิญพบเห็น แต่เพราะอิทธิพลของอวิ๋นชิ่งไป๋ในดินแดนรกร้างโบราณนั้นมีมากเกินไป จึงทำให้ข่าวนี้ถูกเบื้องสูงของเผ่าวาทวาโยปิดผนึกเอาไว้อย่างระมัดระวังก่อนที่จะเผยแพร่สู่ภายนอก
ครั้งนี้โชคดีที่ไป่เฟิงหลิวออกหน้า จึงขอใบข่าวสารทองคำใบนี้ออกมาได้ หาไม่ตราบใดที่อวิ๋นชิ่งไป๋ยังมีชีวิตอยู่ ข่าวที่บันทึกไว้ในนั้นเกรงว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีก
วู้ม!
พร้อมกับระลอกคลื่นประหลาด ใบข่าวสารทองคำแผ่ขยายออก ปลดปล่อยแสงแวววาวงดงามและกลายเป็นจอภาพม่านแสงสายหนึ่งในตอนท้าย
บนจอภาพ ชายหนุ่มชุดคลุมขาวคนหนึ่งยืนตระหง่านอยู่ริมฝั่งทะเลเลือด อาภรณ์โบกสะบัด เรือนผมยาวปลิวไสวตามสายลม เผยให้เห็นดวงหน้าที่สงบนิ่ง ไม่แยแสเป็นที่สุด
เขารูปร่างสูงโปร่ง ราวกับกระบี่กรีดนภา ดวงหน้าหล่อเหลาไร้เทียมทาน ยืนตามสบายอยู่ตรงนั้น ก็มีความองอาจผงาดเหนือเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน ท่วงท่าสง่าไม่มีใครเทียบได้
ทะเลเลือดปั่นป่วน แปลกพิสดารและน่าสะพรึง เจียวหลงสีเลือดมหึมาตัวหนึ่งห้อทะยานขึ้นฟ้าท่ามกลางเสียงคำรามระลอกหนึ่ง พลิกเกลียวคลื่นสีเลือดนับพันนับหมื่น
ลำตัวของมันใหญ่หนาเท่าบ้าน ความยาวหลายพันจั้ง บนนั้นปกคลุมด้วยเกล็ดมังกรสีเลือดแน่นขนัดเย็นเยียบ ดวงตาสีเลือดคู่นั้นราวกับทะเลสาบสะท้อนสรรพสิ่งบนโลกก็ไม่ปาน
โฮก!
มันแหงนหน้าร้องคำราม ลำตัวยึดครองห้วงอากาศ กลิ่นอายน่าหวาดกลัวยากจะพรรณนาวูบหนึ่งคละคลุ้งระหว่างฟ้าดิน พาให้ทะเลเลือดทั้งแถบพลุ่งพล่านร้องกระหึ่ม ห้วงอากาศพันลี้แหลกสลายชุ่นแล้วชุ่นเล่า ทรงพลังน่าหวาดกลัวเป็นที่สุด
เพียงแค่มองก็พาให้หลินสวินรู้สึกถึงกลิ่นอายบีบเค้นที่ประเดประดังเข้ามา
เจียวหลงสีเลือดที่เหยียบย่างระดับกึ่งราชันตัวหนึ่ง!
ยิ่งกว่านั้น เนื่องจากในสายเลือดของมันบรรจุปราณมังกร ความแข็งแกร่งของพลังต่อสู้ของมันกร้าวแกร่งและน่าสะพรึงยิ่งกว่าราชากึ่งระดับคนอื่นๆ เสียอีก!
ชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวเริ่มขยับตัว เหยียบย่างบนห้วงอากาศมุ่งตรงไปข้างหน้า ทั่วสรรพางค์กายปลดปล่อยเจตกระบี่ดุกร้าวพุ่งนภา พร่าวพราวตาไร้ที่เปรียบราวกับอาทิตย์ดวงใหญ่ที่ส่องแสงสว่างจ้า
ตูม!
เจียวหลงสะบัดหาง สำแดงวิชาลับน่าสะพรึง สัญลักษณ์ลายมรรคสีเลือดพุ่งไปแผ่คลุมทางชายหนุ่มชุดคลุมขาวสายแล้วสายเล่า
เพียงแต่การโจมตีเหล่านี้ยังไม่เคยเฉียดใกล้ก็ระเบิดตูม สลายไปประหนึ่งพุ่งชนกำแพงไร้รูป ถึงกับไม่สามารถสร้างอันตรายใดๆ ได้เลยสักนิด
นัยน์ตาหลินสวินหดลง นี่คือแสนยานุภาพวิถีกระบี่ไร้รูป เพียงแต่มันกลับพิทักษ์รอบกายชายหนุ่มชุดคลุมขาวราวกับแก่นแท้ พาให้เขาประหนึ่ง ‘หมื่นวิชามิอาจรุกราน’!
เจียวหลงคล้ายจะดาลเดือด บนลำตัวสีเลือดเจิดจ้าเปล่งแสง ระลอกคลื่นวงหนึ่งที่ประดุจลายมรรคแผ่กว้างออกไปในห้วงอากาศ
ตูม!
ฟ้าสะท้านดินสะเทือน ลายมรรคสีเลือดนั้นทั้งคลุมเครือและลึกลับ เต็มไปด้วยกลิ่นอายมหามรรคที่เป็นส่วนหนึ่งของเผ่ามังกร พาให้ฟ้าดินสั่นคลอน สรรพสิ่งแหลกลาญ น่าสะพรึงถึงที่สุด
จากการคาดเดาของหลินสวิน ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่อาศัยตัวช่วยจากมหาอาวุธพิฆาตอย่างเจดีย์สมบัติไร้อักษร หรือคันธนูวิญญาณไร้แก่นสาร หากเขาคิดจะสลายการโจมตีหนนี้ คงต้องทุ่มแรงมหาศาลกว่าจะทำสำเร็จ
แต่สำหรับชายหนุ่มชุดคลุมขาวคนนั้น เขาทำเพียงวาดมือส่งๆ ปัดเจตกระบี่ที่เกือบจะเป็นดั่งภาพมายาสายหนึ่งออกไปก็ผลาญทำลายทุกสิ่งนี้ได้อย่างง่ายดาย!
ชิ้ง!
จากนั้นนัยน์ตาชายหนุ่มชุดคลุมขาวมีสายรุ้งวิเศษเจิดจรัสคู่หนึ่งพุ่งออกมา สอดประสานหลอมรวมเข้าด้วยกัน กลายเป็นกระบี่มรรคเล่มหนึ่ง
กระบี่ยาวสามฉื่อสามชุ่น กว้างสี่นิ้วมือ ตัวดาบปกคลุมด้วยลายสลักคลุมเครือแน่นขนัด ทันทีที่ปรากฏ ฟ้าดินสั่นสะเทือน ห้วงอากาศอลหม่าน เจตกระบี่เทียมฟ้าที่ยากจะอธิบายวูบหนึ่งปรากฏขึ้นในใต้หล้า เสมือนว่าสามารถสร้างความสะเทือนให้อดีตจนมาถึงปัจจุบันได้!
ดวงตาหลินสวินปวดแปลบขึ้นมาหนึ่งระลอก มองไม่เห็นอะไรเลย
และพร้อมกันนั้น ม่านแสงสายนั้นพลันหายลับไป สิ้นสุดอย่างฉับพลัน ไม่มีใครรู้ว่าภายใต้หนึ่งกระบี่เทียมฟ้าอันงดงามหาใดเปรียบนั้น เจียวหลงตัวนั้นจะมีโอกาสรอดชีวิตหรือไม่
ภายในห้องเงียบสงัด ในหัวหลินสวินกำลังนึกย้อนถึงกระบี่สายนั้น ยิ่งพยายามไตร่ตรองก็ยิ่งรู้สึกใจสั่น กลิ่นอายมหามรรคบนนั้นรุนแรงและไพศาลมากเกินไป ประหัตประหารจนถึงขีดสุด และน่าสะพรึงถึงขีดสุดเช่นเดียวกัน
โดยไม่ทันรู้ตัว เสื้อผ้าตรงแผ่นหลังของหลินสวินเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อกาฬ
อวิ๋นชิ่งไป๋!
ชายหนุ่มชุดคลุมขาวคนนั้น ก็คือบุคคลในตำนานที่ถูกเรียกขานว่าผู้ฝึกกระบี่อันดับหนึ่งแห่งดินแดนรกร้างโบราณในยุคนี้ เป็นบุคคลที่ได้รับฉายาว่าไร้ศัตรูในระดับต่ำกว่าระดับราชัน!
แต่สำหรับหลินสวินแล้ว คนผู้นี้มีแค่สถานะเดียว นั่นก็คือผู้ร้ายที่ล้างบางครอบครัวสายตรงตระกูลหลินของเขา
“ห้าปีก่อนเขาก็แข็งแกร่งเช่นนี้แล้ว…”
หลินสวินพึมพำ ในใจหนึกอึ้งอยู่บ้าง เมื่อได้เห็นการต่อสู้ของอวิ๋นชิ่งไป๋กับตา ถึงจะเป็นเพียงฉากสั้นๆ แต่กลับทำให้หลินสวินตระหนึกได้ว่าศัตรูคนนี้น่ากลัวเพียงใด
นี่ขนาดแค่การต่อสู้ครั้งหนึ่งเมื่อห้าปีก่อนเท่านั้น สำหรับบุคคลแห่งยุคที่โดดเด่นที่สุดอย่างอวิ๋นชิ่งไป๋ ระยะเวลาห้าปีก็เพียงพอให้ความแข็งแกร่งของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่!
แม้แต่หลินสวินยังรู้สึกคาดเดาไม่ถูก ว่าอวิ๋นชิ่งไป๋ในวันนี้จะแข็งแกร่งถึงขั้นไหนแล้วกันแน่
“พลังของเขาบริสุทธิ์มาก รากฐานแข็งแกร่งเป็นที่สุด สำหรับการควบคุมพลังมหามรรคยิ่งถึงขั้นเหนือสุด หากต่อสู้กับเขายามนี้ ข้ามีสิทธิ์เอาชนะเขาเพียงแค่สองส่วนเท่านั้น แต่คิดจะฆ่าเขาให้ตาย ไม่มีสิทธิ์แม้แต่นิดเดียว”
ด้านข้าง ซย่าจื้อเอ่ยปากพูดเสียงเบา น้ำเสียงไพเราะเสนาะหูราวกับดนตรีสวรรค์
แต่ครั้นนางเอ่ยคำนี้ออกมา กลับทำให้สีหน้าหลินสวินยิ่งเคร่งขรึมขึ้นเรื่อยๆ
การต่อสู้เมื่อครู่นี้ พลังปราณของอวิ๋นชิ่งไป๋เพิ่งอยู่แค่ระดับกระบวนแปรจุติ แต่กลับทำให้ซย่าจื้อยอมจำนนว่าฆ่าเขาไม่ได้ แค่คิดก็รู้แล้วว่าพลังต่อสู้ของอวิ๋นชิ่งน่าสะพรึงเพียงใด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์