Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 937

ตอนที่ 937 ซุ่นไป๋เสวียน
ทวนศึกชำรุดที่สันนิษฐานว่าเคยเปื้อนเลือดอริยบุคคล!

ข่าวนี้ช่างน่าตกใจจริงๆ แม่น้ำพรมแดนเกิดการเปลี่ยนแปลง ถึงกับปรากฏสมบัติระดับนี้ขึ้นมา แค่คิดก็รู้ว่าเมื่อข่าวนี้แพร่งพรายออกไปจะต้องดึงดูดผู้ฝึกปราณไม่รู้เท่าไรเร่งรุดมาสำรวจ

“นับแต่อดีตจนปัจจุบันมีข่าวลือเรื่องนี้โดยตลอด ว่ากันว่าในยุคบรรพกาลเคยเกิดศึกแห่งเหล่าอริยะที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ตอนนั้นเวิ้งนภาฝนเลือดสาดกระเซ็น สรรพสิ่งทรุดจม กลางฟ้าดินเต็มไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้างราวกับวันสิ้นโลก… ปรากฏการณ์ประหลาดเช่นนี้ดำเนินต่อเนื่องเป็นเวลาหนึ่งร้อยวันเต็มๆ”

“และเป็นเพราะศึกอริยะครั้งนี้ ทำให้ดินแดนรกร้างโบราณได้รับความเสียหายอย่างหนัก ถูกแบ่งเป็นสี่แดนวิภูเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน”

“ส่วนแม่น้ำพรมแดนสายนั้นก็คือรอยต่อที่แตกแยกของดินแดนรกร้างโบราณ เป็นพื้นที่ที่สิ่งมีชีวิตขับเคี่ยวกันดุเดือดมากที่สุด”

บนท้องถนน จงอางแดงผู้งดงามอรชรเอ่ยปากเสียงเบา “ยามนี้ดูท่าข่าวลือมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นเรื่องจริง”

ทั้งขบวนหยุดพักในเมืองชลาสินธุ์ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังแม่น้ำพรมแดนที่อยู่ไกลจากนอกเมืองหลายร้อยลี้

ระหว่างทางสามารถมองเห็นขบวนผู้ฝึกปราณมากมายก็เริ่มเคลื่อนไหวเช่นกัน รวมตัวเป็นกลุ่มก้อน ต่างเหาะเหินกล่างห้วงอากาศ เบียดเสียดแน่นขนัด ตระการตานัก

ในนั้นมีทั้งนักผจญภัยที่กบดานอยู่ละแวกแม่น้ำพรมแดนมานานปี และมีผู้ฝึกปราณบางส่วนที่เร่งเดินทางมาจากทั่วแดนฐิติประจิมในระยะนี้

กระทั่งยังมีผู้ฝึกปราณจากขุมอำนาจใหญ่เก่าแก่ปรากฏตัวด้วย

“การเปลี่ยนแปลงประหลาดของแม่น้ำพรมแดนดึงดูดความสนใจของผู้คนในใต้หล้าเป็นที่เรียบร้อย สถานที่แห่งนี้จะต้องกลายเป็นศูนย์รวมปัญหาในอนาคต และอาจเกิดคลื่นลมมากมายเป็นแน่”

โค่วซิงที่เป็นผู้นำเอ่ยปาก เขาสะพายดาบคู่ บุคลิกกร้าวแกร่งเย็นชา มองเห็นความครึกครื้นเอ็ดตะโรกับตาก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

“ต้องรีบเคลื่อนไหวแล้ว”

จากนั้นทั้งขบวนก็เร่งความเร็วขึ้น

เบื้องหน้าแม่น้ำพรมแดน น้ำสีเงินกว้างใหญ่แปลกประหลาดหลั่งรินลงมาจากเวิ้งนภา ดิ่งทะยานท่ามกลางห้วงอากาศ จากนั้นก็ทะลวงสู่กลางแม่น้ำพรมแดนที่ราวกับไร้ขอบเขตแห่งนั้น

ทอดสายตาออกไปไกล ท้องฟ้ากับสายน้ำเชื่อมต่อกัน ไพศาลและพลุ่งพล่าน ไหนเลยจะเหมือนแม่น้ำสายหนึ่ง เห็นๆ อยู่ว่าเหมือนกับทะเลไร้ขอบเขตหนึ่งผืน พาดอยู่ตรงนั้นเสมือนกำแพงกั้นโลก!

ภายในแม่น้ำพรมแดนสายฟ้าคำรามก้องกระหึ่ม ห้วงอากาศปั่นป่วน มีหลุมดำน่าสะพรึงแวบขึ้นมาเป็นระยะ ปลดปล่อยกลิ่นอายทำลายล้างที่หมายจะเขมือบทุกสิ่งออกมา พาให้ผู้คนอกสั่นขวัญแขวน

นี่ก็คือแม่น้ำพรมแดน

ขวางกั้นอยู่ระหว่างสี่แดนวิภูแห่งดินแดนรกร้างโบราณ ปิดกั้นเส้นทางของผู้ฝึกปราณไม่รู้ตั้งเท่าไรราวกับป้อมปราการธรรมชาติ

แม่น้ำพรมแดนยังถูกมองเป็นสถานที่มหันตภัยที่เลื่องชื่อลือชาในดินแดนรกร้างโบราณด้วย ภายในนั้นมีสิ่งแปลกประหลาดและอัปมงคลมากมายอาศัยอยู่ ลี้ลับและน่าสะพรึง

เคยมีราชันแท้จริงพยายามจะข้ามแม่น้ำพรมแดนไปยังอีกฟากหนึ่ง กลับแหลกลาญไม่เหลือโครงกระดูกอยู่กลางทาง

ว่ากันว่าสิ่งที่สังหารราชันคนนี้เป็นเพียงมัจฉาแดงที่รูปลักษณ์ไม่เข้าตาตัวหนึ่ง!

และเรื่องเล่าที่คล้ายคลึงกันนี้ก็ยังมีอีกมากมาย พาให้แม่น้ำพรมแดนกลายเป็นสถานที่ต้องห้ามโดยปริยาย แม้จะเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันก็ยังไม่อยากเหยียบย่างไปข้างในนั้นง่ายๆ

แต่ว่าตอนนี้แตกต่างไปจากในอดีต หลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลงน่าตกใจ แม่น้ำพรมแดนในปัจจุบันไม่ได้ดุร้ายบ้าระห่ำเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป เปลี่ยนเป็นค่อนข้างเงียบสงบ

แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ยังเรียกได้ว่าอันตรายยากหยั่งถึง แปลกประหลาดและเร้นลับ

“หืม?”

ขณะที่ขบวนของหลินสวินมาถึง จู่ๆ ก็ผงะไป

เพราะไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ บริเวณริมฝั่งแม่น้ำพรมแดนถึงกับถูกขุมกำลังผู้ฝึกปราณกลุ่มหนึ่งปิดกั้น ปักหลักเป็นด่านขวางเอาไว้ หมายจะเข้าออกแม่น้ำพรมแดนจำเป็นต้องผ่านการตรวจค้น

เวลานี้มีผู้ฝึกปราณมากมายยืนต่อแถวยาวเหยียดรอคอยการตรวจค้นอยู่ตรงนั้น แต่ละคนล้วนทำตามกฎอย่างเห็นได้ชัด

“นี่มันเรื่องอะไรกัน”

โค่วซิงที่เป็นหัวหน้าเรียกผู้ฝึกปราณคนหนึ่งมาซักถาม

“นั่นคือผู้แข็งแกร่งที่มาจากสำนักยุทธ์พันเวท ที่ปิดกั้นพื้นที่แถบนี้เอาไว้เพราะจะจับตัวเทพมารหลิน ขวางไม่ให้เขาผ่านแม่น้ำพรมแดนหนีออกจากแดนฐิติประจิม”

ผู้ฝึกปราณคนนั้นอธิบายอย่างอดทน “ยามนี้ไม่เพียงพื้นที่นี้เท่านั้น ตามละแวกแม่น้ำพรมแดนในพื้นที่แถบอื่นๆ ของแดนฐิติประจิม ล้วนถูกควบคุมโดยขุมกำลังสำนักโบราณที่ต่างกันออกไป เป้าหมายเพื่อการจับตัวเทพมารหลินคนนั้น”

ที่แท้ก็ทำไปเพื่อจับตัวเทพมารหลิน!

พวกโค่วซิง หน้าเขียว จงอางแดงต่างเข้าใจกระจ่างแจ้งทันที

มีเพียงหลินสวินที่เลิกคิ้ว ลอบกล่าวในใจว่าไป่เฟิงหลิวพูดถูก เพื่อจะจับกุมตนสำนักโบราณเหล่านี้ได้เดิมพันเทหมดตักโดยสิ้นเชิง!

“เฮอะ บุคคลยอดเยี่ยมแห่งยุคอย่างเทพมารหลิน มีหรือจะถูกจับตัวง่ายๆ ขนาดนั้น” หน้าเขียวแค่นเสียงเย็น

“สำนักโบราณพวกนี้ข่มเหงรังแกคนอื่นชัดๆ การแย่งชิงในเทศกาลโคมกถามรรคย่อมเลี่ยงเรื่องความเป็นความตายไม่ได้ จะให้พวกเขาสังหารเทพมารหลินได้ แต่ไม่ยอมให้เทพมารหลินโต้กลับอย่างนั้นหรือ”

จงอางแดงทำหน้าดูถูก เหยียดหยามเช่นเดียวกัน

หลินสวินกลับรู้สึกเหนือความคาดหมาย คิดไม่ถึงว่าหน้าเขียวกับจงอางแดงจะเอ่ยถึงความไม่เป็นธรรมที่ตนได้รับ

“พูดให้มันน้อยๆ หน่อย ไม่ว่าจะเป็นเทพมารหลินหรือสำนักโบราณพวกนั้น ต่างก็ไม่ใช่คนที่พวกเราจะไปออกความเห็นส่งเดชได้”

โค่วซิงที่เป็นผู้นำมุ่นคิ้วติเตียนหนึ่งประโยค

ยามนี้ทั้งหน้าเขียวและจงอางแดงต่างพากันเงียบปาก

“เทพมารหลินที่พวกเจ้าพูดถึง ก็คือหลินสวินคนที่สังหารเหล่าผู้กล้าอย่างโกรธแค้นในเทศกาลโคมกถามรรคหรือ” ทันใดนั้น ‘แม่นางเยวี่ย’ ที่เดินอยู่กลางขบวนก็เอ่ยปากขึ้น

นางสวมอาภรณ์สีเข้มทั้งชุด ปลอมตัวเป็นชาย ดวงหน้างามซีดเผือด เจือกลิ่นอายของพวกขี้โรคจางๆ

“ถูกต้อง” โค่วซิงพยักหน้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์