ความจริงในใจเขาไม่ได้นิ่งสงบเหมือนภายนอก เขาคิดไม่ถึงว่าหลังจากกลืนราชันแมลงเม่าตัวหนึ่งเข้าไป หนอนกินเทพทั้งเก้าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่แค่ครั้งเดียว
และยังบ่มเพาะหนอนกินเทพพิเศษที่มีศักยภาพในการบรรลุสู่ราชันได้ตัวหนึ่ง!
ตามบันทึกของเคล็ดวิชาเร้นดาราควบคุมหนอน ความน่าจะเป็นที่จะเกิดเรื่องเช่นนี้เห็นได้ยากมาก แม้แต่ในอดีตยังเรียกได้ว่าหนึ่งในหมื่น
หนอนกินเทพที่พิเศษชนิดนี้ ยังถูกเรียกอีกอย่างว่า ‘ตัวอ่อนหนอนราชัน’ โดยทั่วไปจะพบตอนที่หนอนกินเทพวิวัฒนาการสู่ขั้นที่สามเท่านั้น
ตัวอ่อนหนอนราชันเผด็จการอย่างมาก มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ตอนที่ถือกำเนิดจะกลืนกินหนอนกินเทพตัวอื่นๆ ทั้งหมด แล้วหลอมเป็นศักยภาพแฝงอันเป็นเอกลักษณ์ของตน
อีกทั้งมันจะเริ่มตื่นรู้มีสติปัญญาอันเป็นอิสระ ราวกับราชันที่มีศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจของตน ต่อต้านการเลี้ยงและสั่งการอย่างที่สุด
ในอดีตกาลก็เคยมีกรณีที่ตัวอ่อนหนอนราชันแว้งกัดเจ้าของมาแล้ว
ตอนแรกหลินสวินเองก็ไม่ได้เป็นห่วง เพราะในเคล็ดวิชาเร้นดาราควบคุมหนอนบันทึกวิชาการควบคุมและสั่งการโดยเฉพาะเอาไว้
แต่หลินสวินกลับคิดไม่ถึงเลยว่า ยังไม่ทันที่เขาจะเตรียมตัว เพียงแค่บรรลุสู่ขั้นที่สองเท่านั้น ในหนอนกินเทพเหล่านั้นก็ถือกำเนิดตัวอ่อนหนอนราชันตัวหนึ่งแล้ว!
นี่ทำให้หลินสวินไม่คาดคิดและค่อนข้างรับมือไม่ทัน ในใจอดกังวลไม่ได้ ตนอุตส่าห์เลี้ยงตัวอ่อนหนอนราชันได้ตัวหนึ่ง หากปล่อยให้มันหนีไปได้ เช่นนั้นก็เท่ากับว่าความพยายามทั้งหมดล้วนคว้าน้ำเหลว
……
วู้มๆ
หนอนกินเทพตัวนั้นยิ่งดูร้อนรนขึ้น ร่างสีเงินเข้มขนาดประมาณเม็ดงาแผ่คลื่นอันคลุมเครือเป็นระลอกๆ
จากนั้นเสียงอันอ่อนเยาว์ก็ดังขึ้นในห้วงนิมิตของหลินสวิน ‘นายท่าน ข้าไม่ได้อกตัญญู บุญคุณที่เลี้ยงดูสักวันจะตอบแทน ตอนนี้ศักยภาพแฝงในการบรรลุสู่ราชันของข้าได้ตื่นรู้แล้ว จะแสวงหาหนทางกลายเป็นราชันด้วยตัวเอง หาใช่การทรยศไม่’
‘เหลวไหล!’ หลินสวินเหยียดหยาม ‘สุดท้ายก็แค่พวกทรยศ’
‘นายท่าน นับรบฆ่าได้หยามไม่ได้ เอาคำว่าทรยศมาดูหมิ่นศักดิ์ศรีของข้าได้อย่างไร’ หนอนกินเทพขุ่นเคือง แสดงออกว่าต่อต้าน
หลินสวินชะงัก พลันสัมผัสได้ว่านี่เป็นเจ้าตัวเล็กที่เย่อหยิ่งอย่างที่สุด ไม่ยินยอมอยู่กินแบบได้เปล่ากับตน จึงตั้งใจจะจากไปเพียงลำพัง
อีกทั้งเจ้าตัวเล็กยังให้ความสำคัญกับศักดิ์ศรีและเกียรติยศอย่างมาก ไม่ยอมให้ใครดูหมิ่น
‘เสี่ยวอิ๋น’
จู่ๆ หลินสวินก็ส่งเสียงถอนหายใจเบาๆ ‘จะว่าไป เจ้าก็ถือว่าเป็นหนอนที่ข้าเลี้ยงมากับมืออย่างยากลำบาก หากเจ้าจากไป ข้าย่อมอาลัยอาวรณ์และไม่เข้าใจอย่างมาก เจ้าเองก็ต้องเห็นใจ’
‘เสี่ยวอิ๋นหรือ นายท่าน ชื่อนี้ออกจะ…’ หนอนกินเทพขนลุกขึ้นมาระลอกหนึ่ง ราวกับรับไม่ได้ยิ่ง
‘อย่าเปลี่ยนเรื่อง ฟังข้าพูดก่อน’
หลินสวินมุ่นคิ้วก่อนจะเอ่ยเสียงทอดถอนใจ ‘เจ้าจะไปก็ได้ แต่ภายหลังก็อย่ากลับมาอีก นับจากวันนี้เราทั้งสองตัดขาดจากกัน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันอีก ข้าจะถือซะว่าช่วยส่งเสริมเจ้าสักครั้ง ทำฝันการเป็นราชันของเจ้าให้เป็นจริง’
‘นายท่าน ข้า…’ หนอนกินเทพสับสนและลังเลมาก
หลินสวินถอนหายใจเบาๆ กล่าวว่า ‘ไปเถอะ เจ้าไม่ต้องไม่สบายใจ ไม่ต้องรู้สึกผิดและติดใจอะไร’
หนอนกินเทพหมดคำพูด จะให้มันไม่ต้องรู้สึกผิดและไม่ติดใจได้อย่างไร
‘นายท่าน ข้า…’ หนอนกินเทพสูดหายใจเข้าลึกๆ กำลังเตรียมจะตัดสินใจอะไรสักอย่าง
พลันเห็นหลินสวินชิงพูดขึ้นก่อน ‘ตอนนี้ยังมีเวลา เจ้าไม่จำเป็นต้องรีบตัดสินใจ เจ้าเพิ่งเสร็จสิ้นการเปลี่ยนแปลง ทำไมต้องเร่งรีบจากไปตอนนี้ สู้อยู่ต่อก่อน ทบทวนคำถามนี้ให้ถี่ถ้วน รอให้เจ้าคิดให้กระจ่างก่อนค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สาย’
คำพูดจริงใจและอ่อนโยน เหมือนคำเตือนที่เอาใจใส่และรอบคอบของผู้ใหญ่
หนอนกินเทพอึ้งงัน ตะลึงไม่น้อย ไม่เข้าใจว่าหลินสวินมีกลอุบายอันใด คำพูดที่พูดออกมาพาให้ลังเลเกินไปแล้ว!
‘นายท่าน เช่นนั้น…’ หนอนกินเทพรู้สึกว่าในหัวตนสับสนจนพันกันหมด สติที่เพิ่งตื่นรู้ขึ้นมาก็เลอะเลือนขึ้นบ้างแล้ว
‘เสี่ยวอิ๋น อยู่ต่อก่อนเถอะ รอให้เจ้าไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนก่อน ข้าจะให้อิสระที่เจ้าต้องการ’ น้ำเสียงของหลินสวินแฝงความหวัง
‘ได้!’ สุดท้ายหนอนกินเทพก็กัดฟันตอบตกลง
หลินสวินดีใจ ยังไม่ทันที่เขาจะอ้าปากพูด หนอนกินเทพก็ยื่นข้อเสนอหนึ่งอย่างครัดเคร่ง ‘ข้ามีเงื่อนไขหนึ่ง’
‘ว่ามา’
‘ต่อไปอย่าเรียกข้าว่าเสี่ยวอิ๋นอีก!’ หนอนกินเทพพูดออกมาทีละคำ นี่มันชื่ออะไรกัน น่าเกลียดเกินไปแล้ว!
หลินสวินผงะ ยิ้มพูด ‘ได้สิ… ไม่มีปัญหา!’
ในเวลาเดียวกันหลินสวินก็เรียกจิตรับรู้คืนมา และเพิ่งจะสังเกตเห็นว่า แม่นางเยวี่ยที่นั่งรินเหล้าอยู่ตรงหน้ากำลังมองตนด้วยสีหน้าที่แปลกประหลาด ราวกับมองคนโง่คนหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น…
หลินสวินใบหน้าร้อนผ่าว ตระหนักได้ว่าเมื่อครู่นี้ตนมัวแต่ ‘หว่านล้อม’ ให้หนอนกินเทพอยู่ต่อก่อน
แต่กลับลืมไปว่า การเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าเมื่อครู่นี้ของเขาอยู่ในสายตาของแม่นางเยวี่ยอย่างไม่ตกหล่น
“ขออภัย ข้ามีเรื่องด่วนต้องจัดการ วันหลังค่อยคุยดีหรือไม่” ในขณะที่พูดหลินสวินก็ลุกขึ้นยืน เขาไม่สนใจจะอธิบายแล้ว
“ก็ดี” แม่นางเยวี่ยท่าทางดูเข้าใจมาก
เพียงแต่หลินสวินเพิ่งออกจากประตูห้อง ก็ได้ยินเสียงหัวเราะที่กลั้นมานานของแม่นางเยวี่ยไล่หลังมา…
ในใจหลินสวินยิ่งอักอ่วน แค่คิดก็รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าเมื่อครู่นี้ของตน จะต้องสร้างความประทับใจอัน ‘ลึกซึ้ง’ ให้อีกฝ่ายอย่างแน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์