“เพราะเหตุใด” หลินสวินไม่เข้าใจ
แม่นางเยวี่ยยิ้มน้อยๆ ฟันขาวเป็นประกาย ริมฝีปากดั่งดอกท้อโค้งองศาลุ่มลึก “หากข้าเดาไม่ผิด คุณชายก็คงเหมือนข้า จำต้องเลือกข้ามแม่น้ำพรมแดนเพราะปัญหารบกวนบางประการ”
หลินสวินหรี่ดวงตาดำขลับลงเล็กน้อย พลันยิ้มพูด “ไม่ผิด”
พูดถึงตรงนี้แม่นางเยวี่ยยกจอกเหล้าขึ้นชนกับหลินสวินอีกครั้ง แล้วดื่มหมดในคราเดียว ใบหน้างามที่เดิมซีดเซียวเผยสีแดงระเรื่อ เพิ่มสีสันงดงาม
นัยน์ตากระจ่างของนางหมุนวน พูดขึ้นว่า “ล้วนเป็นผู้ประสบเคราะห์ไม่ต่างกัน ข้าย่อมไม่อยากเกิดความเข้าใจผิดกับคุณชายโดยใช่เหตุ”
หลินสวินกล่าวเสียงถอดถอนใจ “แม่นางช่างมีจิตใจงดงาม ละเอียดรอบคอบ ทำให้ข้าไม่ชื่นชมไม่ได้จริงๆ”
ในใจเขาสงสัยรางๆ ว่าอีกฝ่ายคงเดาฐานะของตนออกแล้ว แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่เปิดโปง เขาก็ยินดีที่จะเป็นเช่นนี้
แม่นางเยวี่ยนั่งตัวตรง แฝงบุคลิกสง่าโดดเด่นทั้งร่าง “พูดตามตรงอย่างไม่ปิดบัง การสนทนากับคุณชายในครั้งนี้ข้าเองก็มีจุดประสงค์บางอย่างแอบแฝง หวังว่าจะได้ร่วมมือกับคุณชายสักครั้ง”
“ร่วมมือหรือ”
“ใช่ คุณชายก็รู้แล้วว่าข้ากำลังถูกคนตามฆ่า ด้วยพลังของพวกโค่วซิง ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของศัตรูแน่”
“เพราะฉะนั้นข้าอยากให้คุณชายช่วย” แม่นางเยวี่ยเอ่ย
หลินสวินบื้อใบ้ไป “แม่นางให้เกียรติข้าเกินไปหรือเปล่า”
ดวงตาคู่ใสของแม่นางเยวี่ยส่องประกาย จ้องมองหลินสวิน “คุณชายไม่ต้องถ่อมตัว บนโลกนี้อาจจะมีคนมากมายดูถูกท่าน แต่ไม่รวมข้าแน่ ตรงกันข้าม สำหรับข้าแล้วด้วยความสามารถของคุณชาย แม้อยู่ในแดนชัยบูรพาก็เพียงพอที่จะสร้างผลงานได้อย่างโดดเด่น”
หลินสวินตะลึง แอบคิดในใจว่าผู้หญิงคนนี้คงดูฐานะของตนออกตั้งนานแล้ว มิฉะนั้นจะพูดอย่างมั่นใจขนาดนี้ได้อย่างไร
“แน่นอน เราพบกันโดยบังเอิญ ทั้งยังเป็นการร่วมมือกันครั้งแรก เพื่อแสดงความจริงใจข้าจะมอบสิ่งนี้ให้กับท่าน เชื่อว่าคุณชายจะต้องถูกใจอย่างแน่นอน”
ตอนที่แม่นางเยวี่ยพูด ในฝ่ามือขวาเรียวยาวขาวผ่องก็ปรากฏของสิ่งหนึ่ง
นี่คือป้ายคำสั่งที่รูปร่างคล้ายกระบี่บิน รูปแบบเรียบง่าย บนนั้นสลักลายมรรคแน่นขนัด มีกลิ่นอายการตกตะกอนของกาลเวลาแผ่กระจายออกมา
“นี่คือ?”
หลินสวินเห็นแล้วก็รู้ทันทีว่าของสิ่งนี้ไม่ธรรมดา เก่าแก่อย่างมาก คงผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานมากแล้ว อีกทั้งบนนั้นสลักรอยสลักมหามรรคที่แท้จริง นี่หายากและล้ำค่าอย่างยิ่ง
“หรือคุณชายไม่เคยได้ยินชื่อ ‘ป้ายคำสั่งมหามรรคเร้นราชัน’” แม่นางเยวี่ยแปลกใจไม่น้อย
หลินสวินส่ายหน้า เขาไม่รู้จักสิ่งนี้จริงๆ
แม่นางเยวี่ยใคร่ครวญอยู่ครู่ จากนั้นจึงกล่าวขึ้นราวกับปล่อยวาง “สมัยบรรพกาลเคยมีช่วงที่รุ่งโรจน์อย่างมาก ตอนนั้นโลกสันติสุข วิชามรรคเฟื่องฟู หมื่นเผ่าตั้งตระหง่าน ร้อยสำนักประชันภูมิ…”
“ช่วงเวลานั้น สามารถเรียกได้ว่าเป็นมหายุคเช่นกัน อัจฉริยะและผู้มีพรสวรรค์จากทั่วทุกสารทิศปรากฏตัวมากมายมหาศาล แข่งกันเบ่งบาน”
“และ ‘กระดานทองคำผู้กล้า’ ที่ชักนำให้ผู้คนทั่วหล้าแก่งแย่งแข่งขันไต่อันดับ ก็มาเยือนโลกในตอนนั้น”
“เป็นที่รู้กันว่า มีเพียงผู้แข็งแกร่งที่มีชื่อบนกระดานทองคำผู้กล้าเท่านั้น จึงจะสามารถเรียกได้ว่าเป็นผู้กล้าอย่างแท้จริง สำหรับผู้กล้าคนอื่นๆ ก็จะถูกคัดออกในที่สุด”
หลินสวินตั้งใจฟัง
เขารู้ว่าในเมื่อแม่นางเยวี่ยพูดเช่นนี้ นั่นก็หมายความว่า ‘ป้ายคำสั่งมหามรรคเร้นราชัน’ ที่นางพูดถึง คงจะมีความเชื่อมโยงอย่างใดอย่างหนึ่งกับมหาสงครามและกระดานทองคำผู้กล้า
ตามคาด จากนั้นแม่นางเยวี่ยพูดต่อว่า “ตอนนั้นอิทธิพลของกระดานทองคำผู้กล้ามีมากเกินไป ถึงขั้นสามารถส่งผลกระทบต่ออนาคตและรูปแบบของคนรุ่นเยาว์ทั้งหมด แม้แต่สำนักในแดนเร้นอริยะก็นั่งไม่ติด”
“หลังจากนั้นก็มีป้ายคำสั่งมหามรรคเร้นราชันถือกำเนิดขึ้น” หลินสวินอึ้งไป จุดเปลี่ยนนี้เร็วเกินไป ทำให้เขาตอบสนองไม่ทันในชั่วขณะ
กลับเห็นแม่นางเยวี่ยอธิบายว่า “ป้ายคำสั่งมหามรรคเร้นราชันนี้ ก็คือวิธีการที่ทำให้ผู้กล้าเข้าไปในสำนักโบราณได้แบบหนึ่ง ผู้ที่สามารถเบียดตัวเข้าไปอยู่ในกระดานทองคำผู้กล้าได้ เพียงแค่ใช้ป้ายคำสั่งนี้ ก็จะมีโอกาสเข้าไปฝึกปราณในสำนักใดสำนักหนึ่งของแดนเร้นอริยะ”
หลินสวินเข้าใจทันที ในใจอดตะลึงไม่ได้
แดนเร้นอริยะเป็นถึงสถานที่ที่ลึกลับที่สุดในปัจจุบัน ไม่ได้หมายความถึงสถานที่ใดที่หนึ่งเท่านั้น แต่เป็นชื่อเรียกโดยรวมของสำนักที่ปลีกวิเวกอยู่ภายนอก
แดนเร้นอริยะคืออะไร
ก็คือสถานที่แห่งโลกภายนอกที่มีอริยะซ่อนตัวอยู่!
อิทธิพลเช่นนี้ ลึกลับและโดดเด่นยิ่งกว่าสำนักโบราณที่รู้จักกันในโลก รากฐานก็น่ากลัวอย่างที่สุด แต่ละสำนักล้วนอยู่มาตั้งแต่สมัยบรรพกาล!
อย่างมหาวิหารธรรมที่เรียกกันว่าอนุสุขาวดี ก็เป็นแดนพิสุทธ์ผู้บำเพ็ญธรรมโบราณที่ลึกลับที่สุดแห่งหนึ่งในแดนเร้นอริยะ
สำนักระดับนี้ อย่าว่าแต่สามัญชนคนทั่วไป แม้แต่ผู้ฝึกปราณหากไม่มีคนส่งตัวและแนะนำ ก็แทบไม่สามารถเห็นได้ ราวกับสำนักเซียนที่ตระหง่านอยู่บนชั้นฟ้า โดดเด่นเหนือโลกี ลึกลับอย่างหาที่สุดไม่ได้
แน่นอนว่าสำนักโบราณอย่างเรือนกระบี่เร้นปุจฉา และสำนักกระบี่เทียมฟ้า รากฐานก็ไม่ด้อยกว่าแดนเร้นอริยะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์