ในโลกปัจจุบัน คนที่สามารถสู้กับเขาได้ก็มีเพียงแค่พวกปีศาจที่ก้าวสู่ขอบเขตมกุฎและรากฐานพลังน่ากลัว!
แม่นางเยวี่ยมาจากแดนเร้นอริยะ สติปัญญายอดเยี่ยม ประสบการณ์ย่อมกว้างขวางไม่ธรรมดา แต่เมื่อนางตัดสินความสามารถของหลินสวินในตอนนี้ ในใจนางเองก็อดรู้สึกถึงแรงกดดันไม่ได้
หากเขาเข้าไปในแดนชัยบูรพา พุ่งเป้าหมายไปที่ไหน ใครจะสู้ได้
นี่ไม่สามารถหาคำตอบได้อย่างแน่นอน เพราะด้วยรูปแบบที่ยอมรับกันในปัจจุบัน ไม่สามารถประเมินพลังต่อสู้ของหลินสวินได้แล้ว!
มหาสงครามจะต้องมีที่ยืนของเขาแน่ ที่น่าขันคือ แต่ละสำนักในแดนฐิติประจิมกลับคิดแต่จะฆ่าผู้ที่โดดเด่นไร้เทียมทานระดับนี้ เลอะเลือนจริงๆ
แม่นางเยวี่ยนึกถึงการต่อต้านและโจมตีที่หลินสวินประสบในแดนฐิติประจิม ในใจก็รู้สึกเหลวไหลและนึกขำ
ทว่านางก็เข้าใจดี ไม่ว่าผู้กล้าคนใดถือกำเนิดขึ้น ก็ล้วนถูกกำหนดให้ชักนำมาซึ่งการโจมตีและศัตรูอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ยิ่งไปกว่านั้นหลินสวินยังมาจากโลกชั้นล่าง หัวเดียวกระเทียมลีบ ศัตรูและการกดขี่ที่เผชิญแน่นอนว่าต้องมากกว่า นี่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้!
แม้เข้าสู่แดนชัยบูรพา หากไม่มีขุมอำนาจสำนักที่แข็งแกร่งหนุนหลัง หลินสวินอยากผงาดเติบใหญ่ต่อ คงต้องเผชิญแรงกดดันมากมาย!
……
“รีบไปจากที่นี่” หลินสวินกลับมาแล้ว แม้จะได้รับชัยชนะแต่สีหน้าของเขากลับดูเคร่งขรึมกว่าก่อนหน้านี้
ดวงตาคู่ใสของแม่นางเยวี่ยวาบประกายเยียบเย็น พลันสั่งว่า “ออกเดินทางเต็มกำลัง!”
พวกโค่วซิงเห็นเช่นนี้ แม้ในใจจะสงสัยแต่ไม่กล้าชักช้าสักนิด รีบควบคุมยานสำเภาเคลื่อนห่างออกไป
“ทำไมหรือ” แม่นางเยวี่ยเดินเข้ามาถาม
“มีคนแอบจับตาดูอยู่ และการต่อสู้เมื่อครู่นี้สะเทือนไหวเกินไป กลัวว่าคงดึงดูดความสนใจของสิ่งมีชีวิตน่ากลัวบางชนิดในแม่น้ำพรมแดนแล้ว”
หลินสวินสีหน้าจริงจัง ก่อนหน้านี้เขายังคิดว่าจะเก็บกวาดสนามรบ ตักตวงผลประโยชน์จากเหล่าผู้แข็งแกร่งลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์พวกนั้นสักหน่อย
แต่ในใจเขากลับเกิดสั่นไหวอย่างรุนแรง รู้สึกกระวนกระวาย สัญชาตญาณที่บ่มเพาะมานานทำให้เขาตัดสินใจถอนตัวอย่างเด็ดขาด
นี่คือแม่น้ำพรมแดน ตั้งแต่บรรพกาลจนตอนนี้มีตำนานซึ่งทำให้ทุกคนที่พูดถึงล้วนหน้าเปลี่ยนสี อันตรายไม่อาจคาดเดา ถูกมองว่าเป็นสถานที่ต้องห้าม แม้แต่สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันยังไม่กล้าก้าวเข้ามาง่ายๆ
แม้ปัจจุบันแม่น้ำพรมแดนกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เริ่มดึงดูดผู้แข็งแกร่งมากมายเข้ามาผจญภัยและสำรวจ
แต่ถึงอย่างไรก็ยังอันตรายเกินไป!
แม่นางเยวี่ยตระหนักได้ถึงความรุนแรงของสถานการณ์ อดพูดไม่ได้ “ตอนนี้เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง”
“ยังดี” หลินสวินพูดสบายๆ
ความจริงการต่อสู้ครั้งนี้ทำให้เขาเองก็เสียแรงไปมาก โดยเฉพาะตอนที่ใช้ขวดมหามรรคไร้ขอบเขตต่อต้านกระบังเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ทำให้เขาเกือบจะต้านทานไม่ไหว
สมบัตินี้แม้จะวิเศษอัศจรรย์ แต่ตอนที่กลืนกินและสั่งสมพลัง กลับต้องการพลังวิญญาณมหาศาลเพื่อสนับสนุนมัน
โชคดีที่ครั้งนี้ขวดมหามรรคไร้ขอบเขตสั่งสมพลังจนเต็มอีกครั้ง และเป็นอานุภาพที่มาจากกระบังปัญจเพลิงศักดิ์สิทธิ์ แม้ตอนนี้เจอศัตรูอีก เพียงปลดปล่อยออกมาก็สามารถทำให้เกิดพลังทำลายล้างที่น่ากลัวอย่างไม่สามารถจินตนาการได้!
……
พวกหลินสวินเพิ่งจากไป ยานสำเภาสีทองอร่ามลำหนึ่งก็โฉมเข้ามา
“ลั่วเจีย ตอนนี้เจ้าควรบอกข้าว่าเจ้าหมอนั่นเป็นใครได้แล้วกระมัง” บนยานสำเภา สายตาของซุ่นไป๋เสวียนราวกับสายฟ้า กวาดมองสนามรบ
ก่อนหน้านี้พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในที่มืด เฝ้าดูการต่อสู้ที่เรียกได้ว่าตะลึงโลก ทำให้ซุ่นไป๋เสวียนเองก็รู้สึกตะลึง ในใจไม่สามารถสงบได้
เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ในแม่น้ำพรมแดนนี้จะสามารถเจอ ‘คนรุ่นเดียวกัน’ ที่พลิกฟ้าเพียงนี้ ฆ่าราชันกึ่งระดับราวกับหั่นแตงสับผัก วิปริตเกินไปแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น เขาสนใจดาบหักและขวดมหามรรคไร้ขอบเขตในมือหลินสวินอย่างมาก สัมผัสได้ถึงความมหัศจรรย์และแข็งแกร่งของมัน
ลั่วเจียเงียบ นางกำลังคิดทบทวนแต่ละภาพที่เห็นเมื่อครู่นี้อย่างละเอียด ในที่สุดนางก็ได้ข้อสรุปหนึ่ง เมื่อเทียบกับตอนที่อยู่ในเทศกาลโคมกถามรรค เด็กหนุ่มที่ถูกมองว่าเป็นเทพมารคนนี้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมแล้ว!
“เขาคงไม่ใช่เทพมารหลินนั่นหรอกนะ” ซุ่นไป๋เสวียนสงสัย
“นอกจากเขา ยังมีใครที่มีพลังต่อสู้พลิกฟ้าเพียงนี้” ลั่วเจียคืนสู่ความสงบ เสื้อผ้าพลิ้วไปตามสายลม นัยน์ตานิ่งสงบ ใบหน้าเรียบเฉย
“เป็นเขาจริงๆ หรือนี่” ซุ่นไป๋เสวียนตะลึง “ไม่ใช่บอกว่าที่พึ่งยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือเจดีย์สมบัติลึกลับที่สร้างจากเหล็กเทพศุภโชคองค์หนึ่งหรือ”
ลั่วเจียถอนหายใจเบาๆ กล่าว “เขายังไม่ได้ใช้เจดีย์สมบัติด้วยซ้ำก็สามารถต้านทานพลังเจตจำนงอริยะได้แล้ว นี่ต่างหากที่น่ากลัวกว่าไม่ใช่หรือ”
ซุ่นไป๋เสวียนคิดตามคร่าวๆ ก็เข้าใจทันที จากนั้นยิ้มพูดว่า “ในที่สุดก็ได้เห็นศักยภาพของเทพมารหลิน ไม่เลว หาใช่ชื่อเสียงจอมปลอม เฮ้อ ไม่รู้ว่าเขาจะยอมให้ข้า ‘ยืม’ เล่นสมบัติในมือหรือไม่”
พูดถึงตรงนี้ ประกายไหววาบพลุ่งพล่านในดวงตาเขา สว่างไสวน่ากลัว แผ่อานุภาพไร้รูปไปทั่วร่างกาย ราวกับจักรพรรดิที่มาเยือนโลก หยิ่งผยองและอวดดี
คิ้วงามของลั่วเจียขมวดเข้าหากันทันที เอ่ยว่า “เจ้าก็ได้เห็นความน่ากลัวของเขาแล้ว ยังคิดจะไปหาเรื่องเขาอีกหรือ”
“หาเรื่อง?”
ซุ่นไป๋เสวียนยิ้ม เผยให้เห็นฟันขาวดั่งหิมะที่เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ “ไม่ ข้าเจอคู่ต่อสู้ที่ฝีมือพอฟัดพอเหวี่ยงแล้วยากจะทนความตื่นเต้นในใจ อยากจะดวลกับเขาสักครั้ง หากสามารถยืมสมบัติในมือเขามาเล่นสักหน่อยก็ยิ่งดี”
พูดถึงตรงนี้เขาเหมือนทนรอแทบไม่ไหวแล้ว เร่งยานสำเภาเคลื่อนไปในทิศทางที่พวกของหลินสวินหายไป “ดูฤกษ์ไม่สู้บังเอิญ ไปๆๆ ไปเล่นตอนนี้เลย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์