นางเองก็อดแปลกใจไม่ได้ เพราะเมื่อครู่นางก็สังเกตอย่างถี่ถ้วนแล้วว่า ของเล่นพวกนั้นที่หลินสวินซื้อมาไม่มีอะไรหายาก มูลค่าก็ไม่ได้มาก
‘หินกระบวนก้อนหนึ่งที่พื้นผิวเปื้อนคราบเลือด ต่อให้สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันมาเองก็มองไม่ทะลุเบาะแสของสิ่งนี้ แต่ในสายตาของปฐมาจารย์สลักวิญญาณ สิ่งนี้ย่อมเป็นสมบัติชั้นสูงชิ้นหนึ่ง’
หลินสวินสื่อจิต ‘เนื่องจากเกี่ยวโยงกับพลังการควบคุมระดับสูงมาก สิ่งนี้อาจดูไม่เด่นสะดุดตา แต่ในความเป็นจริงมีความเร้นลับอยู่ภายใน’
ในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มชุดม่วงรีบเดินมาที่แผงขายนั้น ร้องโพล่งว่า “เถ้าแก่ แล้วของกองนั้นที่ข้าเห็นเมื่อกี้ล่ะ”
“เพิ่งขายไป มีอะไรหรือ” เจ้าของแผงลอยสงสัย
“ขายไปได้อย่างไร” ใบหน้าของชายหนุ่มชุดม่วงขรึมลง ร้อนรนกระวนกระวายอยู่บ้าง “ไม่ใช่บอกเจ้าไว้ดิบดีว่าห้ามขายหรือ”
ขณะพูดเขาคว้าเสื้อเจ้าของแผงขึ้นมา พูดลอดไรฟันว่า “บอกมาว่าใครซื้อ เขาไปไหนแล้ว”
เจ้าของแผงตกใจ ดิ้นขัดขืนไม่หยุด “เจ้ารู้ไหมว่าที่นี่คือที่ไหน ถึงกับกล้าลงมือทำกับข้าได้”
“ข้ามาจากแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ เจ้าคิดว่าข้ากล้าหรือไม่” ชายหนุ่มในชุดม่วงสีหน้าเย็นชา
ใบหน้าเจ้าของแผงเปลี่ยนไปอย่างมาก ท่าทีสำรวมตนขึ้นมาแล้ว ก่อนบอกความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
“ฮึ เจ้าสวะที่พูดไม่เป็นคำพูด ทำข้าเสียการใหญ่ หากคราวนี้ข้าหา ‘หินผนึกมรรค’ ชิ้นนั้นมาไม่ได้ ข้าจะเอาชีวิตเจ้าเป็นคนแรก!”
ชายหนุ่มในชุดม่วงทิ้งคำพูดโหดเหี้ยม แล้วหันหน้าจากไปด้วยหน้าตาบูดบึ้ง
หินผนึกมรรค?
เจ้าของแผงตกตะลึง วิญญาณล่องลอย
แม้เขาจะไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร แต่สามารถทำให้ผู้สืบทอดของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ร้อนรนและพะวงถึงได้เช่นนี้ ย่อมไม่ใช่สมบัติธรรมดาอย่างแน่นอน
“บัดซบเอ๊ย! ยิงห่านป่ามาตลอด วันนี้กลับถูกห่านป่าจิกตาบอดเสียได้[1]!” เจ้าของแผงทุบอกกระทืบเท้า ทั้งอารมณ์เสียทั้งหงุดหงิด หัวใจแทบกระอักเลือด
…
ในทะเลฝูงชนมากมาย ชายหนุ่มชุดม่วงกำลังค้นหาอย่างหนัก แต่ก็เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร ผลสุดท้ายเขาก็ไม่พบ ‘คนซื้อ’ ที่เจ้าของแผงลอยอธิบายไว้
“น่าชังนัก พลาดเพียงก้าวเดียวถึงกับปล่อยวาสนาชิ้นใหญ่หลุดมือไปเสียได้!”
ชายหนุ่มชุดม่วงแทบคลั่งด้วยความโกรธ ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจ “คงได้แต่กลับไปรายงานอาจารย์อาก่อนแล้ว”
…
หอประสานฟ้า
หนึ่งในกิจการที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองเพลิงมรกต
เมื่อพวกหลินสวินมาถึง ดวงตาของพวกเขาก็ทอประกาย
ตัวเรือนทั้งหมดของหอนี้ทำจากผลึกม่วงละอองนิลชนิดหนึ่ง สูงหลายพันจั้ง ตั้งตระหง่านเสียดฟ้าอยู่ตรงนั้น ทั่วทั้งตัวอาคารเปล่งประกายสีม่วง สง่างามอย่างยิ่ง
ภายใต้ชายคาหอแขวนโคมพระราชวัง[2]สีเขียวอยู่ ทอแสงแวววาวสะท้อนบนผนัง ตัดสลับขับเน้นกันและกันกับแสงม่วง งดงามเหมือนภาพฝันมายา
หลินสวินอดรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยไม่ได้ จากสายตาในปัจจุบันของเขา ย่อมสามารถเห็นได้ว่าอาคารทั้งหลังถูกปกคลุมไปด้วยกระบวนสลักวิญญาณที่หนาแน่นสอดรับซึ่งกันและกัน เกิดเป็นรูปแบบการป้องกันที่เทียบได้กับผนึกราชันอย่างหนึ่ง วิเศษอย่างมาก
ค่ายกลนี้ไม่ถือว่าน่ากลัวอะไร กุญแจสำคัญคือการโคจรค่ายกลนี้ จำนวนแกนวิญญาณที่ต้องเสียไปในแต่ละวันนั้นมีมากมายมหาศาล!
นี่แสดงให้เห็นว่าเจ้าของที่อยู่เบื้องหลังหอประสานฟ้าร่ำรวยแค่ไหน
หลังจากเดินเข้ามา ภายในหอแห่งนี้ก็เป็นโลกอีกใบที่มีขนาดมหึมา พื้นดินและผนังล้วนเป็นหยกเคลือบสีทองอ่อนขัดเงาให้เรียบเนียนราวกับกระจก ภายใต้แสงสะท้อนของโคมสำริดสีทองแต่ละดวงยิ่งดูโอ่อ่านัก
“ข้าต้องการเข้าไปหาคนๆ หนึ่ง ทำธุระส่วนตัวบางอย่างก่อน ถ้าอย่างนั้นเจ้าพาเสี่ยวเหอไปรอในนี้ก่อนสักพักดีหรือไม่” แม่นางเยวี่ยกล่าว
“ก็ดี” หลินสวินพยักหน้า
จากนั้นแม่นางเยวี่ยเรียกข้ารับใช้คนหนึ่งในหอมา เอ่ยคำพูดแผ่วเบา ก็ถูกข้ารับใช้นำทางเข้าไปในส่วนลึกของหอ
หลินสวินพอจะเดาได้ เกรงว่าแม่นางเยวี่ยคงกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการกลับไปสำนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์