Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 993

ตอนที่ 993 ผู้ไม่รู้ย่อมไม่กลัว
สวบๆๆ!

เงาร่างแต่ละเงาราวกับสายฟ้าที่คดเคี้ยว ขับเคลื่อนแสงเคลื่อนไหวงดงาม ห้อทะยานบินอยู่กลางอากาศ

“หนานกงหั่วผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์!”

“กู้อวิ๋นถิงผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์!”

“สวรรค์ ทำไมถึงเป็นผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ทั้งหมด พวกเขาจะทำอะไร ดูเป็นสถานการณ์ที่ยิ่งใหญ่นัก!”

บนถนนเมืองเพลิงมรกตอันคึกคักมีผู้ฝึกปราณมากมายนับไม่ถ้วน แต่พอสังเกตเห็นแสงเคลื่อนงดงามที่พุ่งทะยานราวกับกระแสน้ำ ต่างก็ตกตะลึง

“ต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่!”

ในใจผู้ฝึกปราณหลายคนหวาดหวั่น ตระหนักได้ว่านี่เป็นเรื่องผิดปกติมาก

“เร็ว รีบไปแจ้งผู้แข็งแกร่งเผ่าวาทโย พวกนั้นข่าวไวที่สุด ย่อมต้องสืบได้แน่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่!”

แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์เป็นสำนักอันดับหนึ่งของแคว้นกู่ชาง รากฐานเก่าแก่มั่นคง

วันนี้ผู้สืบทอดหลายคนของสำนักนี้กลับเคลื่อนไหวพร้อมกัน เกิดสถานการณ์ที่ยิ่งใหญ่เพียงนี้ ไม่อยากดึงดูดความสนใจยังยาก

วู้ม!

ขณะเดียวกันในมือหนานกงหั่วปรากฏคันฉ่องสำริดเก่าแก่บานหนึ่ง ตัวคันฉ่องกลมมน ด้านหน้าขาวเจิดจ้าราวหิมะ ด้านหลังกลับดำเหมือนหมึก

นี่คือสมบัติเก่าแก่ชิ้นหนึ่ง นามว่า ‘คันฉ่องกักวิญญาณสองลักษณ์’ ขอเพียงจับกลิ่นอายของอีกฝ่ายได้เสี้ยวเดียว เมื่อใส่เข้าไปในสมบัตินี้ก็จะจับกุมเอาไว้ได้อย่างแน่นหนา

แม้จะเปลี่ยนรูปลักษณ์ อำพรางร่องรอย ก็ถูกคันฉ่องกักวิญญาณสองลักษณ์นี้จับได้!

“ตอนที่เด็กนี่ประเมินหินได้ทิ้งกลิ่นอายไว้ไม่น้อย ตามการคาดเดาของศิษย์พี่ฉู่เป่ยไห่ มีคันฉ่องกักวิญญาณสองลักษณ์นี้ แม้เขาจะใช้เคล็ดวิชามหาไร้รูปก็ไม่สามารถหนีการตามล่าของพวกเราได้!”

หนานกงหั่วย่ามใจอย่างมาก มุมปากเผยยิ้มเยาะ “แคว้นกู่ชางเป็นอาณาเขตของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ ครั้งนี้หากเขาหนีไปได้ ให้ข้าหนานกงหั่วตัดหัวตัวเองยังได้!”

“สมบัตินี่ใช้อย่างไร” กู้อวิ๋นถิงที่อยู่ข้างๆ ถาม

หนานกงหั่วยิ้มพูด “ศิษย์น้องกู้ เจ้าเพียงช่วยข้าตามจับเด็กนี่ก็พอแล้ว”

ประโยคนี้ทำให้ในใจกู้อวิ๋นถิงตระหนักได้ว่า ไม่เพียงแค่ฉู่เป่ยไห่ หนานกงหั่วเองก็ระแวงตน!

“เท่าที่ข้ารู้ หลินสวินไม่ใช่ธรรมดาเลย ศิษย์พี่หนานกงระวังหน่อยจะดีกว่า ตอนที่อยู่นครต้องห้ามในโลกชั้นล่าง ศิษย์พี่เองก็เคยสัมผัสความแข็งแกร่งของคนผู้นี้แล้ว” กู้อวิ๋นถิงพูดเรียบๆ

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร” หนานกงหั่วสีหน้าอึมครึมลง คำพูดของกู้อวิ๋นถิงทำให้เขานึกถึงความอับอายที่ถูกหลินสวินเตะก้น

“ไม่มีอะไร ข้าเป็นผู้รับผิดชอบการเคลื่อนไหวครั้งนี้ ข้ามีหน้าที่เตือนศิษย์พี่ให้ระวัง อย่าประมาทเพราะมีคันฉ่องกักวิญญาณสองลักษณ์นี่ หากเกิดความผิดพลาดอะไร ความรับผิดชอบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ท่านกับข้าจะรับไหว” กู้อวิ๋นถิงพูดเรียบๆ

“หึ! เจ้าวางใจ ครั้งนี้หากข้าไม่ได้จัดการเจ้าหลินสวินจนร้องขอชีวิต ข้าจะไปให้ศิษย์พี่ฉู่ลงโทษด้วยตัวเอง” หนานกงหั่วขบเขี้ยวเคี้ยวฟันประกาศ

วู้ม!

ในเวลานั้นเองคันฉ่องสำริดโบราณที่ลอยอยู่ตรงหน้าก็พริบไหวส่งเสียงขึ้นมา ไอหยินหยางแปรเป็นสัญลักษณ์อันคลุมเครือ

“จับกลิ่นอายของเหยื่อได้แล้ว อยู่ทางนั้น ตาม!” หนานกงหั่วตื่นเต้นขึ้นมา สายตาสาดประกายเย็นเยียบพลางออกคำสั่ง

ฮูม

กลุ่มผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ราวกับพิรุณแสงรุ้งศักดิ์สิทธิ์ ตามติดพวกหนานกงหั่วมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกของเมืองเพลิงมรกต

ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ที่เคลื่อนไหวในครั้งนี้มีศิษย์สืบทอดแท้จริงสิบห้าคน ศิษย์สายในสามสิบสามคน

นอกจากนี้ยังมีผู้ติดตาม ผู้ดูแลข้างกายลูกศิษย์เหล่านั้น รวมกันมีจำนวนนับร้อย เป็นกองกำลังที่ยอดเยี่ยมไร้ที่เปรียบอย่างแน่นอน

อย่างน้อยในแคว้นกู่ชางก็สามารถวางอํานาจบาตรใหญ่ได้แล้ว!

อีกอย่างถ้าจำเป็น ด้วยฐานะของผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ พวกหนานกงหั่วยังสามารถเคลื่อนกำลังขุมอำนาจผู้ฝึกปราณที่กระจายอยู่ในแต่ละเมืองให้ช่วยเหลือ นี่ต่างหากจึงจะเป็นจุดที่น่ากลัว

พูดได้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ก็คือเจ้าเหนือหัวของแคว้นกู่ชาง คำสั่งเดียวขุมอำนาจฝึกปราณที่กระจายอยู่ในแคว้นกู่ชางก็จำต้องทำตามโดยดีแล้ว!

นี่ก็คืออิทธิพลของสำนักโบราณ เป็นเหมือนจักรพรรดิแห่งแดนฝึกปราณ ปกครองฝั่งหนึ่ง ไม่มีใครกล้าไม่ทำตาม

……

พระอาทิตย์ตกราวกับเปลวเพลิง กำแพงเมืองที่เก่าแก่และสูงตระหง่านอยู่ตรงหน้าแล้ว

‘ในแคว้นกู่ชางมีค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณสามแห่ง แห่งหนึ่งตั้งอยู่ที่แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ อีกแห่งตั้งอยู่ที่เมืองวายุทราย และแห่งสุดท้ายตั้งอยู่ที่เมืองรุกขดิถี’

‘เมืองวายุทรายอยู่ใกล้กับเมืองเพลิงมรกตแห่งนี้ที่สุด ใช้เวลาประมาณครึ่งวันก็ถึงแล้ว…’

หลินสวินพิจารณาเส้นทางออกจากแคว้นกู่ชางในหัว พลางเดินออกประตูเมืองไป

“หืม?”

แต่ตอนนี้เองเขาชะงักฝีเท้าโดยพลัน หันไปมอง

พลันเห็นว่าตรงขอบฟ้าไกลโพ้น แสงสุริยันในยามสายัณห์ราวกับเพลิง มีแสงเคลื่อนไหวงดงามมากมายกำลังห้อทะยานเข้ามา แน่นขนัดราวกับสายฝนมืดฟ้ามัวดิน อานุภาพเปี่ยมล้น

‘หนานกงหั่วกับกู้อวิ๋นถิง!’

จิตรับรู้ของหลินสวินแผ่ออกไปก็เห็นรูปลักษณ์ของผู้นำสองคนนั้นทันที พลันหรี่ตาลงทันใด ตระหนักได้ว่าตนถูกเปิดโปงอย่างสมบูรณ์แล้ว

อีกทั้งต่อให้โคจรไอซวนหนีปกปิดกลิ่นอายก็ไม่มีประโยชน์ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายครอบครองวิชาลับหรือสมบัติที่ใช้ติดตามบางอย่าง สามารถระบุตำแหน่งตนได้อย่างแม่นยำ

มิฉะนั้นไม่มีทางตามมาภายในเวลาอันสั้นเพียงนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์