คมมีดเล่มนั้นฟาดลงมาอย่างแรง ตอนฉีเฟยเงยหน้าขึ้นมามันก็สายไปเสียแล้ว
เขาถูกคมมีดเล่มนั้นสยบลงอย่างดุเดือด เขากลิ้งไปกับพื้นอย่างจนมุม
“แค๊ก!”
นับว่าฉีเฟยยังรักษาคอเอาไว้ได้ แต่แขนข้างซ้ายนั้น กลับถูกตัดออกโดยมีดม้งอันแหลมคม!
เวลานี้ เลือดไหลทะลักพุ่งออกมาเป็นสาย!
“อ้าก____!”
ฉีเฟยกรีดร้องอย่างน่าเวทนา เหงื่อไหลแตกพลั่กๆ เต็มหัวของเขา
เขากัดฟันแน่นด้วยความโกรธ และเปล่งเสียงประหลาดๆ ออกมา
ไม่นานนัก มีตะขาบฝูงใหญ่ฝูงหนึ่ง คืบคลานมาบนแขนที่ขาดของเขา
หลังจากที่ตะขาบคืบคลานผ่านไปแล้ว แขนที่ขาดแต่ยังขยับได้ก่อนหน้านี้ กลับกลายเป็นกระดูกขาวโพลนอันน่ากลัว
ดูเหมือนฉีเฟยจะไม่ทันได้เห็นว่า เขายังคงนอนไล่ตะขาบฝูงนั้นอยู่บนพื้นต่อไปเรื่อยๆ
ฝูงตะขาบสีดำทมิฬกรูกันเข้ามา ไม่นานนักพวกมันก็คลานขึ้นไปบนบาดแผลที่แขนของฉีเฟย
ฉีเฟยใช้มือขวาข้างที่เหลืออยู่ ควานเข้าไปในกระเป๋า และหยิบเอาขวดกระเบื้องเคลือบสีฟ้าใบเล็กออกมา
เขาใช้ปากกัดจุกก๊อกขวดออก และหยิบขวดกระเบื้องเคลือบชูขึ้นเทลงบริเวณบาดแผล
ของเหลวข้นๆ สีเขียวด้านในไหลออกมา กลิ่นของมันเหม็นจนสุดจะทน
หนึ่งหยด สองหยด สามหยด....
ของเหลวสีเขียวอันน่าขยะแขยงนั้น เมื่อหยดลงไปบนตัวของฝูงตะขาบที่หิวโซราวกับหมาป่าแล้ว เพียงชั่วพริบตา ราวมันก้อนอำพันที่มีฝูงตะขาบแยกเขี้ยวยิงฟันสลบไสลอยู่ในนั้น
ส่วนบาดแผลของฉีเฟยที่เดิมทีมีเลือดไหลอยู่ อาจเป็นเพราะของแปลกๆในกระเป๋านั้นเอง จึงทำให้เลือดหลุดไหลได้อย่างรวดเร็ว
แต่เห็นได้ชัดว่า เขายังคงเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เหงื่อบริเวณหน้าผากไหลลงมาราวกับลำธารเล็กๆ แห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้
ฉินเทียนและหม่าหงเทามองดูด้วยความสยดสยอง
พวกเขาต่างเคยชินกับความเป็นความตาย คุ้นเคยกับการได้รับบาดเจ็บจนกลายเป็นเรื่องปกติ แต่พวกเขาไม่เคยเห็นใครรักษาอาการบาดเจ็บแบบนี้มาก่อนเลย
“พี่เทียน ฉันจะไปตัดหัวไอ้สารเลวคนนี้เอง! ฉันขยะแขยงจนจะอ้วกอยู่แล้ว!”
หม่าหงเทาพูดพลาง ก็เดินตรงเข้าไปหาฉีเฟยพร้อมกับมีดม้งที่เปื้อนเลือด
เพียงแค่ฟันมีดลงไปเท่านั้น ศีรษะของฉีเฟยก็จะหลุดออกโดยทันที
“ช้าก่อน”ฉินเทียนขวางหม่าหงเทาเอาไว้ “ระวังหน่อย บนตัวเขายังมีของประหลาดๆ อยู่อีก ฉันมีเรื่องบางเรื่องอยากจะถามเขาให้แน่ชัดก่อนด้วย”
หม่าหงเทารีบเก็บมีดม้งลง พร้อมกับตอบว่า “ตกลง”
แขนที่ขาดของฉีเฟยถูกห่อหุ้มด้วยซากศพของตะขาบและของเหลวนั้นจนกลายเป็นลูกกลมๆ
เขาจ้องมองฉินเทียนด้วยความโกรธแค้น และพูดอย่างคร่ำครวญแทบเป็นแทบตายว่า “ต่อให้ฆ่าฉันให้ตาย! ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูด!”
“ฆ่าแกหรือ? มันดูง่ายเกินไป”
ฉินเทียนพูดเย้ยหยันไปว่า “เล่าความเป็นมาของแกออกมาซะ เผื่อตายแล้วไม่มีใครจารึกแผ่นป้ายหน้าหลุมฝังศพให้”
ฉีเฟยรู้ดีถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และตอบด้วยความคับแค้นใจว่า “เป็นเพราะฉันเองที่ประเมินพวกแกต่ำไป ความหายนะครั้งนี้สมควรแล้วที่จะเกิดขึ้น”
“จะบอกให้เอาบุญ เดินไม่เปลี่ยนชื่อ นั่งไม่เปลี่ยนแซ่ ฉันภูมิใจในตัวเอง และพร้อมที่จะเปิดเผยตัวตน ฉันเป็นศิษย์คนที่สองของท่านอาวุโสฉีกง มีนามว่าฉีเฟย!”
“ฉินเทียน อย่าคิดว่าตัวเองยอดเยี่ยมมากที่เอาชนะฉันได้”
“บอกอะไรให้นะ หลิ่งหนานของพวกฉัน ทักษะวิชาแมลงพิษของฉันถือว่าอยู่ในขั้นต่ำที่สุดแล้ว”
“ถ้าแกฆ่าฉัน ท่านอาจารย์ของฉันต้องมาแก้แค้นให้ฉันอย่างแน่นอน และจะฆ่าคนในตระกูลของแกด้วย ไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว!”
“เหอะเหอะ”ฉินเทียนจ้องมองฉีเฟยด้วยความเย็นขา ราวกับกำลังมองดูคนตายคนหนึ่ง
ด้านหลังของเขา ซูเหวินเฉิงเดินโซซัดโซเซเข้ามาอีกแล้ว และใช้ไม้เท้าครึ่งท่อนในมือทิ่มไปที่กลางหลังของฉินเทียน
ครั้งนี้ ไม่ต้องรอให้ฉินเทียนหันหลังกลับ หม่าหงเทาใช้ด้ามมีดจัดการกับซูเหวินเฉิงจนสลบไป
“พี่เทียน เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้นะ ไอ้หมอนี้มันเซ่าซี้เกินไป!”
“จะว่าไป ใครจะรู้ว่าพิษกู่ในตัวของเขา จะเหมือนกับเหมียวหงที่ไชออกมาจากตัวเลยหรือเปล่า ถ้าแบบนั้นมันน่ากลัวมากเลยนะ”
หม่าหงเทาพูดพลาง ก็นึกถึงใบหน้าของเหมียวหงที่มีหนอนไชออกมา ส่วนในกระเพาะเต็มไปด้วยแมลงอาศัยอยู่ จนแทบอยากจะอ้วกออกมา
ฉินเทียนยังอยากจะอ้วกตามไปด้วยเลย เขาขมวดคิ้วและมองไปยังฉีเฟย “บอกมานะ พวกแกวางยาแมลงพิษอะไรให้กับซูเหวินเฉิง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัญชามังกรเดือด
บท 656 มีไหน...
จะหาอ่านต่อได้ยังไงครับ...
ตอน 656 ไปไหน...
เรื่องนี้ไม่อัพเดทต่อแล้วหรอค่ะ...
เลิกเขียนแล้วใช่ไหมครับ...
นิยายเขียนต่อมั้ยครับ...