เสียงตบหน้าที่ดังขึ้น ทำให้ซูยู่คุน ตกตะลึงเป็นอย่างมาก
เขาเอามือปิดหน้า และมองไปที่ซูเป่ยซานที่กำลังโกรธแค้น "พ่อ พ่อตีฉันเหรอ?"
ซูยู่คุน นั้นอายุ50กว่าแล้ว แต่ตอนนี้ถูกซูเป่ยซานตบหน้าต่อหน้าทุกคน และรู้สึกว่าเสียหน้าเป็นอย่างมาก
ซูเหวินเฉิง รีบไปประจบเขาและกระซิบเสียงเบาว่า “ท่านพ่อ คุณปู่พูดถูก ไม่ว่าเราจะตกเป็นเป้าหมายของตระกูลฉี อย่างไร เราก็ไม่สามารถอยู่ให้ห่างจากมันได้อีกต่อไป”
“ตอนนี้นอกจากพี่เทียน ก็ไม่มีใครที่สามารถช่วยเราได้ พ่ออย่าพูดอะไรที่แบ่งเส้นขอบเขตออกมาเชียว"
“ต้องตีแกสักทีนี่แหละ!” ซูเป่ยซาน ยังคงโกรธจัด "แกมีชีวิตอยู่มาเกือบทั้งชีวิต แต่วิสัยทัศน์ของแกยังไม่สู้ เหวินเฉิง หลายปีที่สั่งสอนแกไปเปล่าประโยชน์เสียจริง!"
"มัวตะลึงอะไรอยู่ รีบไปทำอาหาร ต้อนรับ ฉินเทียนและแขกเดี๋ยวนี้ !"
หลังจากที่ซูยู่คุน ได้รับคำแนะจากทั้งสองคนก็ได้เข้าใจความสัมพันธ์ของเรื่องนี้
เขาพยักหน้าและรีบให้ หวางเหมยไปทําอาหารทันที
ฉินเทียนตอนนี้ ไม่ใช่ลูกเขยที่เคยถูกพวกเขารังแกอีกต่อไป แต่เป็นผู้กอบกู้ที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลซู!
แม้ว่าวิกฤตินี้ จะเกิดจากฉินเทียนแต่พวกเขาก็ทำได้แค่เลียแข้งเลียขาเท่านั้น
เพราะเมื่อเผชิญกับความแข็งแกร่งและมีอำนาจอย่างแท้จริง ไม่มีคำว่าเกือบรอดหรือยุติธรรมทั้งนั้น
ผู้ที่มีกำปั้นที่แข็งกว่าเท่านั้นถึงจะเป็นผู้ชนะ
ถ้าผิดใจกับ ฉินเทียน การที่ตระกูลฉีจะทำลายตระกูลซูนั้น จะกลายเป็นเรื่องง่ายจิ๊บจ๊อยไปทันตา!
หลังจากที่ซูยู่คุน และ หวางเหมยจากไป ซูเป่ยซานก็ยิ้มดีใจแล้วมองไปที่ฉินเทียน "ฉินเทียนเอ๋ย ปู่ไม่ได้เจอแกมานานแล้ว พวกเราปู่หลานมารำลึกความหลังกันสักหน่อยเถิด"
น้ำเสียงที่เป็นมิตรและสุภาพเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ ฉินเทียนนั้นไม่เคยได้ยินมาก่อน
แน่นอน เขารู้ว่าซูเป่ยซานกําลังคิดจะทำอะไรอยู่ และเขาจะไม่เปิดเผยมัน
"ไม่จำเป็นต้องรำลึกความหลังหรอกครับ สบายใจได้เลย มีผมอยู่ จะไม่มีทางปล่อยให้ตระกูลฉีแตะต้องตระกูลซูแม้แต่ปลายผม"
"ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลฉีเหมือนเนื้องอกร้าย ผมต้องถอนรากถอนโคนมันออกให้หมด!"
แม้ว่าซูเป่ยซานจะสงสัยเล็กน้อยเกี่ยวกับคําพูดของฉินเทียนแต่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา
เพราะการที่ฉินเทียนพูดโม้ต่อหน้าเขานั้น ไม่ได้เป็นมาแค่วันสองวัน
ไม่เพียงเท่านั้น ดูเหมือนว่าทุกครั้งที่ฉินเทียนพูด แทบจะเป็นไปได้หมด
และหากครั้งนี้เป็นจริงด้วยคงจะยิ่งดี แค่กำจัดตระกูลฉีทิ้ง ภายหลังตระกูลซูเมื่ออยู่ในเหิงหลิ่ง ก็ไม่ต้องคอยอดทนอดกลั้นอีกต่อไป
ซูเป่ยซาน ยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม "ฉินเทียน ด้วยคําพูดของแก ปู่คนนี้ก็โล่งใจ"
“ในอนาคต ตระกูลซูของเราก็ยังต้องพึ่งพาความช่วยเหลือของแก อ้อจริงด้วย ช่วงนี้สุขภาพของซูซู เป็นอย่างไรบ้างล่ะ ไม่ได้เจอเธอมานานแล้ว ฉันคิดถึงหลานคนนั้นจริงๆ”
"เธอสบายดีครับ เมื่อจัดการกับตระกูลฉี เรียบร้อยแล้ว ผมก็จะจากไป "ฉินเทียนพูดต่ออีกว่า "ก่อนที่ผมจะมาที่เหิงหลิ่ง ผมเคยพูดว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะช่วยตระกูลซู ดังนั้น ไม่ว่าภายหลังจะมีเรื่องราวใดๆ เกิดขึ้นอีก ผมจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว”
ซูเป่ยซาน ควบคุมสีหน้าแทบไม่อยู่ เม้มปาก และไม่พูดอะไรต่อ
เขาไม่สนใจหรอกว่าฉินเทียนจะมีความคิดอยากตัดขาดความสัมพันธ์ หากภายหลังตระกูลซูพบความยากลำบากเข้าจริงๆ
อายุขนาดนี้ของเขา เพียงแค่ไปอยู่ต่อหน้าซูซู ร้องห่มร้องไห้สักพัก หล่อนจะไม่สนใจใยดีลงเชียวรึ
สิ่งที่สําคัญที่สุดในตอนนี้คือ ให้ตระกูลฉีผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปก่อน
"เช่นนั้นก็ดี พวกแกคนหนุ่มสาวคุยกันไปก่อน ฉันจะไปดูห้องครัวสักหน่อย ต้องบอกยู่คุน ทำอาหารเพิ่มเยอะหน่อย หากต้องการอะไรบอกได้เลย ในเมื่อกลับมาแล้ว คิดซะว่าที่นี่เป็นบ้านของตัวเองเถิด”
ซูเป่ยซาน พูดและยกมือเรียก ซูเหวินเฉิง "เหวินเฉิง ไปกัน พวกเราไปตรวจดูสักหน่อย"
"พี่เขย พวกพี่เหนื่อยมานานมากแล้ว เข้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวผมจะช่วยคุณปู่เข้าไปในครัวดูให้"
หลังจากที่ ซูเหวินเฉิง พูดจบ เขาก็ช่วยซูเป่ยซานที่ตัวสั่นอ่อนแรง และออกจากลานบ้าน
ลานบ้านเงียบอีกครั้งฉินเทียนมองไปที่ห้องหลายห้องแล้วพูดว่า “ที่นี่เงียสงบใช้ได้ เถิงจู้ และ ชะนีขาวพวกนายไปพักในห้องทางด้านซ้ายชั่วคราวก่อนละกัน”
"จุจู และมังกรซ่อนรูปทั้งสี่รบกวนพวกนายไปพักห้องทางขวาชั่วคราวก่อน"
"ส่วนหม่าหงเทา และชุยหมิงเบียดกับฉันไปก่อน"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัญชามังกรเดือด
บท 656 มีไหน...
จะหาอ่านต่อได้ยังไงครับ...
ตอน 656 ไปไหน...
เรื่องนี้ไม่อัพเดทต่อแล้วหรอค่ะ...
เลิกเขียนแล้วใช่ไหมครับ...
นิยายเขียนต่อมั้ยครับ...