“ฮ่าๆ นายคิดว่าฉันอยากจะเอ่ยปากเรียกรึไง? เป็นแค่ชะนีขาวตัวหนึ่ง ยังจะมีชื่อ สมองนายต้องมีปัญหาแน่ๆ ”
ฉีเซิ่งยิ้มร้ายพลางชายตามองเถิงหมิง“ตาแก่ ฉันไม่อยากจเสียเวลามาพูดกับนายหรอกนะ หากยังไม่ส่งตำรากู่ออกมาอีกล่ะก็ ฉันจะตัดมือข้างหนึ่งของหลานสาวแกซะ”
“หรือไม่ก็ ตัดแขนข้างหนึ่งของชะนีขาวนี่ แล้วแต่แกจะเลือก”
“เถิงหมิงใจกระตุกฉีเซิ่งกล้าพูดแบบนี้ แสดงว่ามีไม้ต่อที่จะชนะอยู่ในมือแน่นอน”
หรือว่าจู้เอ๋อร์ของเขาและพี่เหยาถูกฉีเซิ่งจับตัวได้แล้ว?
ความกังวลใจที่มากขึ้นอย่างไร้ขอบเขต ทำให้สีหน้าของเถิงหมิงขาวซีด
เถิงจู้และชะนีขาวเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา!
เขาไม่กล้าพนัน และไม่สามารถเอามาพนันได้!
แม้จะถูกผู้คนยกย่องว่าเป็นกู่เซียน แต่เขาไม่ได้เป็นคนใจบุญมีเมตตา สิ่งที่เขาต้องการ คือขอเพียงคนในครอบครัวปลอดภัย
เถิงหมิงคิดอยู่ชั่วครู่ “ฉีเซิ่งความแค้นระหว่างฉันกับนาย นายไม่จำเป็นต้องดึงเอาเถิงจู้และพี่เหยามาเกี่ยวข้องด้วย”
“นายอยากได้ตำรากู่ไม่ใช่เหรอ? ไม่ยาก ขอแค่นายปล่อยพวกเขาแล้วฉันจะมอบตำรากู่ให้นาย”
“แต่ขอเตือนนายไว้สักคำหนึ่ง หากกระทำสิ่งที่ผิดศีลธรรมไว้มากเกินไปจะต้องตายไม่ดี หวังว่านายจะดูแลตัวเองได้ดีนะ”
“หนุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว!”ฉีเซิ่งขัดขึ้นมาก่อนที่เถิงหมิงจะพูดจบ “ตำรากู่นั่น ฉันรอมาตั้งยี่สิบปี! นายเอามันมาให้ฉันก่อน ฉันรับรองได้เลยว่าจะปล่อยพวกนั้นทันที”
“คนไม่รักษาคำพูดอย่างนาย พูดอย่างเดียวมันไม่มีความหมายเลยสักนิด”เถิงหมิงส่ายหัวอย่างไม่ไยดี “ฉันถึงขั้นแอบบสงสัยว่านายยังไม่เคยเจอเถิงจู้และชะนีขาวด้วยซ้ำ”
“นอกเสียจากว่า นายจะเอาหลักฐานที่น่าเชื่อถือออกมาได้ เช่น ของบางอย่างที่สามารถยืนยันตัวตนของพวกเขาได้”
แม้ว่าเถิงหมิงจะอายุมากแล้ว แต่สมองไม่ได้ถดถอยลงเลยแม้แต่น้อย
ลึกๆแล้วเขามองออกถึงกลอุบายของฉีเซิ่งสำหรับคำพูดที่ออกจากปากฉีเซิ่งแล้ว เขาไม่ได้เชื่อทั้งหมด
ในขณะเดียวกันก็หวังว่าคำพูดทั้งหมดนี้เป็นเพียงคำเท็จที่ฉีเซิ่งนำมาพูดเพื่อหลอกเอาตำรากู่ ถ้าเป็นเช่นนี้จู้เอ๋อร์ของเขาก็จะปลอดภัยดี
ฉีเซิ่งลำบากใจไปชั่วครู่ เขาไม่เพียงแต่จับตัวเถิงจู้และชะนีขาวไม่ได้ แม้แต่หน้ายังไม่เคยเจอ จะไปเอาของยืนยันตัวตนจากไหนได้!
แต่เพียงไม่นาน เขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้
ปิ่นปักผมนั่นไง!
เมื่อกี้ฉีเฟยบอกว่า ปิ่นปักผมนั่นคือปิ่นที่ชะนีขาวตัวนั้นแย่งไปจากฉีเวยไง!
แม้จะไม่รู้ว่าฉีเวยไปได้มาจากไหน แต่ในเมื่อเถิงจู้บอกว่าเป็นของของกู่เซียน ถ้างั้นไม่มีผิดแน่!
หากต้องการลงมือกับกู่เซียน ต้องทำให้เขาเชื่ออย่างปักใจก่อนว่าตนได้จับตัวเถิงจู้ไว้แล้ว!
เพียงไม่นานฉีเซิ่งก็มีความคิดใหม่ขึ้นมา ยิ้มร้ายแล้วสบตากู่เซียน “อยากได้ของยืนยันตัวตนงั้นหรือ? ตาแก่ นายยังคิดว่าตัวเองสามารถต่อรองกับฉันได้หรือไง?”
“จะบอกให้นะ! ฉันจับตัวพวกมันไว้หมดแล้ว ขังอยู่ห้องข้างๆนายนี่เอง! นายอยากเห็นสภาพที่เถิงจู้ถูกทุบตีอย่างทรมาน หรือมองดูชะนีขาวถูกหักแขนขาทั้งสี่กันล่ะ?”
เถิงหมิงได้ยินที่กล่าวมาแล้วปวดใจ เขารู้ว่า เรื่องสารเลวแบบนี้ เจ้าฉีเซิ่งมันทำออกมาได้แน่ๆ
“ปวดใจล่ะสิ? ถ้างั้นก็มอบตำรากู่ออกมาซะ”
ฉีเซิ่งเอ่ยอย่างไม่สนใจไยดี “อ้อ จริงด้วย รู้สึกว่าเถิงจู้จะมีปิ่นปักผมอยู่อันหนึ่ง หากนายอยากดูล่ะก็ ฉันจะไปเอามาให้เดี๋ยวนี้เลย”
สายตาของเถิงหมิงแข็งทื่อ ปิ่นปักผม...ฉีเซิ่งรู้กระทั่งการมีอยู่ของปิ่นปักผม?
เขาได้วานขอให้น้องผู้ชายที่คอยส่งข้าวให้ทุกวันช่วยนำปิ่นนั่นออกไปแล้วนี่?
หรือว่า มิตรภาพหลายปีที่คอยส่งข้าวส่งน้ำให้กัน ที่ผ่านมานี้เป็นของปลอมทั้งหมด?
ถึงว่าหลังจากที่รับปิ่นปักผม คนคนนั้นไปก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย…
พอคิดถึงตรงนี้ คำพูดที่เถิงหมิงพูดกับฉีเซิ่งไม่สามารถเชื่อได้เลยแม้แต่ครึ่งคำ!
ถ้าฉีเซิ่งวางแผนให้ได้ปิ่นปักผมมา คงไม่มีทางมอบถึงมือเถิงจู้แน่!
แล้วปิ่นนั่น ตอนนี้ตกไปอยู่ในมือใครกัน?!
เถิงหมิงใจร้อนขึ้นมา แต่ไม่สามารถให้ฉีเซิ่งมองออกถึงความกังวลใจที่มีอยู่ตอนนี้ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัญชามังกรเดือด
บท 656 มีไหน...
จะหาอ่านต่อได้ยังไงครับ...
ตอน 656 ไปไหน...
เรื่องนี้ไม่อัพเดทต่อแล้วหรอค่ะ...
เลิกเขียนแล้วใช่ไหมครับ...
นิยายเขียนต่อมั้ยครับ...