ในที่สุดขบวนรถก็ค่อย ๆ มาถึงริมแม่น้ำ
ทั้งท่าเรือส่วนตัวถูกปิดล้อมไว้อย่างแน่นหนา
เบิ่งมองออกไปไกล ๆ มีผู้คนเยอะอัดกันจนเห็นเป็นแถบสีดำที่แทบจะมองไม่เห็นสุดปลายขอบเขต
ไม่มีใครพูดอะไร
บรรยากาศน่าเกรงขามและเคร่งขรึมเงียบสงัด
ฉินเทียนตื่นตะลึงอย่างอดไม่ได้ ตอนนี้เขาถึงจะเข้าใจว่าผู้กล้าหาญสามพันที่หูปินพูดมา ไม่ใช่คำพูดลวงหลอก
ส่วนที่เขาพามาจากตระกูลอานมีแค่ร้อยกว่าคนเท่านั้น และกองทัพใหญ่กองนี้ได้มาตั้งขบวนอยู่ริมแม่น้ำตั้งแต่เช้าแล้ว
เมื่อเห็นว่าขบวนรถมาถึง พวกเขาจึงแบ่งออกเป็นสองฝั่ง
ราชาเงินทองหนิงทงตะโกนพูดด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม: “ขอต้อนรับคุณผู้ชายด้วยความยินดียิ่ง!”
ทันใดนั้นเอง คนนับพันก็ก้มหัวแล้วตะโกนพูดเสียงดังอย่างพร้อมเพรียงกัน: “ขอต้อนรับคุณผู้ชายด้วยความยินดียิ่ง!”
รถจอดลง หูปินเดินไปเปิดประตูรถและเชิญฉินเทียนลงมาจากรถด้วยตัวเอง
ริมแม่น้ำมีเรือข้ามแม่น้ำลำหนึ่งได้จอดเทียบรออยู่ตั้งนานแล้ว
ราชาลับจุยเฟิง ยืนถือดาบนิ่ง ๆ โดยไม่พูดอะไร ทำให้รู้สึกเหมือนอากาศฟ้าดินบริเวณนั้นหนาวเย็นจนต้นไม้เหี่ยวเฉา
“มาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นว่าฉินเทียนเดินมาถึงข้างหน้า ริมฝีปากบาง ๆ นั่นของเขาก็ขยับ ก่อนจะเอ่ยปากพูดอย่างเย็นชา
ฉินเทียนพยักหน้า: “มาแล้ว”
“พร้อมหรือยัง?”
“พร้อมแล้ว”
หนังตาของจุยเฟิงกระตุก ตอบกลับอย่างเย็นเยือก: “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ขึ้นเรือเถอะ”
“โอเค”ฉินเทียนกระโดดขึ้นเรือข้ามแม่น้ำ
จุยเฟิงตะโกนเสียงดัง: “ออกเรือ!”
จากการที่เรือลำใหญ่ค่อย ๆ คลื่นออกจากฝั่ง หูปินและหนิงทงที่อยู่ตรงริมฝั่งตะโกนเสียงดัง: “คุณผู้ชายมีอำนาจน่าเกรงขาม!”
“ต้องปราบปรามเป่ยเจียงให้อยู่ในความสงบ และนำพานายท่านกลับมาอย่างปลอดภัยได้แน่นอน!”
“พวกเราจะรอคอยด้วยความนอบน้อม ณ ที่นี่!”
คนนับพันตะโกนเสียงดัง: “คุณผู้ชายมีอำนาจน่าเกรงขาม!”
“ปราบปรามเป่ยเจียงให้อยู่ในความสงบ!”
“พวกเราจะรอคอยคุณผู้ชายด้วยความนอบน้อม!”
ฉินเทียนรู้สึกตื้นตันใจเล็กน้อย รู้สึกว่าดวงตาของตัวเองเริ่มมีน้ำตาคลอเบ้าเล็กน้อย
แม่งเอ๊ย ไม่ต้องปลุกอารมณ์ขนาดนี้ก็ได้มั้ง!
เขาจงใจพูดแขวะตัวเอง: “ทำเอาดูเป็นพิธีการขนาดนี้ อย่างกับผู้กล้าหาญจะไปแบบไม่มีวันหวนคืนกลับยังไงอย่างนั้น”
“ตลกชะมัด”
เมื่อเห็นว่าจุยเฟิงไม่พูดอะไร เขาจึงหาเรื่องคุย: “นายจะไปเป่ยเจียงพร้อมกันหรือเปล่า?”
“ยู่หลิงหลงบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่า ไม่อนุญาตให้ลูกหลานตระกูลอานทั้งหมดย่างกรายเข้าไปในผืนแผ่นดินเป่ยเจียงแม้แต่ก้าวเดียว”
“นับประสาอะไรกับนายที่เป็นราชาลับผู้มีอำนาจอิทธิพลมาก”
จุยเฟิงพูดกดเสียงต่ำ: “ฉันจะส่งนายไปถึงฝั่ง แล้วรออยู่บนเรือ จะไม่เหยียบย่ำลงบนผืนแผ่นดินเป่ยเจียง”
จากนั้นเขาก็เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองไปทางฉินเทียนด้วยแววตาที่ซับซ้อนเล็กน้อยพลางพูดเสียงทุ้ม: “การไปในครั้งนี้ มันกลับมาได้ไม่ง่ายจริง ๆ ”
“นี่คือข้อมูลของเป่ยเจียง นายเข้าไปดูเองเถอะ”
เขายื่นเอกสารปึกหนึ่งให้ฉินเทียน ราวกับรู้สึกว่ามันโหดเหี้ยมมากเกินไป จึงหันหลังกลับไป
หลังจากที่ดูจบแล้ว ฉินเทียนก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากกว้างเช่นกัน
ศักยภาพของราชาเป่ยเจียงหลิวเช่ออยู่เหนือการจินตนาการของเขามาก ๆ
อิงจากการบันทึก เดิมทีหลิวเช่อคือทหารองครักษ์ที่ไม่ค่อยมีความสำคัญข้างกายราชาเป่ยเจียงองค์ก่อน
ราชาเป่ยเจียงองค์ก่อนก่อนถูกราชาเป่ยเจียงองค์ก่อนวางแผนลอบฆ่า และขึ้นมาคลองบัลลังก์แทน
ภายใต้ความกดดัน นายพลหลายคนในราชาเป่ยเจียงองค์ก่อนก่อนล้วนล้มเลิกการล้างแค้น เลือกที่จะเดินตามผู้ทรยศ
ซึ่งมีเพียงหลิวเช่อ
แม้เขาจะเป็นแค่ทหารองครักษ์ที่ไม่ค่อยมีความสำคัญอะไรข้างกายราชาเป่ยเจียงองค์ก่อนก่อน ทว่าเขากลับสาบานว่าจะล้างแค้นเพื่อเจ้านายของตัวเอง
ภายใต้ความมุมานะอย่างทรหด ในที่สุดเขาก็ใช้จิตใจอันแน่วแน่ที่ยืนหยัดมานานและความลำบากที่ผู้อื่นไม่สามารถจินตนาการได้กำจัดผู้ทรยศทิ้ง
ทำการล้างแค้นให้ราชาเป่ยเจียงองค์ก่อนก่อน
ในขณะเดียวกัน ด้วยเหตุนี้หลิวเช่อก็ได้กลายเป็นราชาเป่ยเจียงองค์ใหม่
ปกครองเป่ยเจียงมานาน 20 กว่าปีจนกระทั่งถึงตอนนี้
ภายใต้การนำพาของเขา เป่ยเจียงมีกองทัพที่เกรียงไกร มีรากฐานที่มั่นคง ซึ่งไม่ด้อยไปกว่าหนานเจียงเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัญชามังกรเดือด
บท 656 มีไหน...
จะหาอ่านต่อได้ยังไงครับ...
ตอน 656 ไปไหน...
เรื่องนี้ไม่อัพเดทต่อแล้วหรอค่ะ...
เลิกเขียนแล้วใช่ไหมครับ...
นิยายเขียนต่อมั้ยครับ...