บัญชามังกรเดือด นิยาย บท 29

“ฉินเทียน พอได้แล้ว”หยางยู่หลันพูดปลอบใจอย่างกระวนกระวาย 

ฉินเทียนยิ้มอย่างเยือกเย็มพลางพูด: “พวกแกสำนึกผิดจริง ๆ เหรอ?”

“หรือจะพูดในอีกแง่หนึ่งคือ ถ้าฉันไม่ใช่ราชาเทพ พวกแกจะทำตัวแบบนี้ไหม?”

ไม่ใช่ราชาเทพ?

ทุกคนผงะไปหมดเลย

ซูเหวินเฉิงตอบสนองกลับมาได้ จึงรีบสาบานต่อฟ้าดิน: “เวรกรรมมีอยู่จริง ให้ฟ้าเป็นพยานได้!”

“เราทำเรื่องที่ละอายใจไป ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เรารู้สึกไม่สบายใจมาก ๆ วันนี้ในที่สุดเราก็มีโอกาสชดเชยความผิดที่เคยกระทำมาสักที!”

“พี่เขยครับ ไม่ว่าตัวตนของพี่จะเป็นอะไร มันก็ไม่ส่งผลอะไรต่อการสำนึกผิดของเราหรอกครับ!”

“เหวินเฉิงพูดถูก!”ซูยู่คุนพูดอย่างฮึกเหิม: “ได้โปรดราชาเทพอย่าสงสัยในตัวพวกเราเลยนะครับ!”

พวกเขาต่างรู้สึกว่าฉินเทียนจงใจพูดแบบนี้เพื่อทดสอบพวกเขา 

ซูเป่ยซานพูดเสียงดัง: “ในนามของผู้นำตระกูลซู วันนี้ผมขอกล่าวคำปฏิญาณต่อหน้าทุกคนว่า ตระกูลซูจะยืนหยัดอยู่บนโลกใบนี้ด้วยคุณธรรมและเมตตาธรรม”

“ต่อไปไม่ว่าใครก็ตามที่มีเจตนามุ่งร้าย อกตัญญูต่อราชาเทพ จะถูกเนรเทศออกจากตระกูลต่อหน้าศาลบรรพบุรุษ!”

“อีกทั้ง——”

เขาหายใจออกแล้วพูดอย่างลึกซึ้ง: “ราชาเทพฉิน ผมแก่มากแล้ว ตอนนี้ผมเตรียมพร้อมที่จะยกมรดกทั้งหมดของตระกูลซูให้กับซูซู”

“ซูซูคือผู้นำคนต่อไปของตระกูลซู!”

“ดี!”

“ปกป้องคุณซูซู!”

“มีคุณซูซูและราชาเทพฉินนำพาตระกูลซู ทั้งตระกูลต้องเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาแน่นอน!”คนในตระกูลส่งเสียงโห่ร้องแสดงความดีใจ

สีหน้าของซูซูที่นั่งอยู่บนวีลแชร์เรียบนิ่ง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น 

ฉินเทียนตัดสินใจได้แล้ว ในฐานะที่เห็นว่าพวกเขาเป็นคนในวงศ์ตระกูลของซูซู หากพวกเขาผ่านบททดสอบด่านสุดท้าย งั้นเขาก็จะมอบผลประโยชน์ให้กับพวกเขาซะหน่อย

ซึ่งบททดสอบด่านสุดท้ายก็คือ—— 

“ขอบคุณทุกคนมาก!”

“เรื่องก็ดำเนินการมาถึงตอนนี้แล้ว ในเมื่อทุกคนต่างสำนึกผิดจากหัวใจจริง งั้นผมก็ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังอะไรอีกแล้ว”

“อันที่จริงผมไม่ใช่ราชาเทพ”

“และผมก็ไม่เคยเห็นหน้าราชาเทพมาก่อนเช่นกัน ไม่รู้ว่าหน้าตาเขาเป็นยังไง”

“ในความเป็นจริง ผมแค่สงสัยว่าบนโลกใบนี้จะมีราชาเทพที่ทำทุกอย่างได้จริง ๆ หรือ? น่าจะเป็นเรื่องที่คนเสแสร้งปั้นขึ้นมาเองมากกว่ามั้ง”เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง 

ว่ายังไงนะ?

บรรยากาศที่คึกคัก ณ ที่เกิดเหตุ เหมือนถูกสาดด้วยน้ำที่เย็นเฉียบยังไงอย่างนั้น

ซูเป่ยซานพูดอย่างอึดอัด: “ราชาเทพครับ ท่านอย่าล้อเล่นกับเราเลยครับ”

“ผมเห็นเองกับตาแล้ว จะเป็นเรื่องหลอกได้ยังไงล่ะ?”

ฉินเทียนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับมีเสียงตะคอกที่โกรธเกรี้ยวดังมาจากประตู

“ไอ้แซ่ฉิน มึงไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!”

“มึงทำลายอนาคตกู กูไม่ปล่อยมึงไปแน่!”

ทุกคนหันหน้าไป เห็นเพียงลู่ซินเจี้ยนพร้อมกับอันธพาลสามสี่คนบุกเข้ามาด้วยท่าทีที่ดุดัน

เมื่อเห็นหน้าฉินเทียน เขาก็ถลึงตาจนดวงตาแทบถลนออกมาจากเบ้า ด่ากราดเสียงดัง

“ไอ้สารเลว!”

“กูตรวจสอบทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว มึงก็แค่อาศัยที่ตัวเองรู้จักกับรปภ.เล็ก ๆ คนหนึ่ง และรปภ.คนนั้นก็เป็นญาติของหม่ายงพอดี มึงเลยแอบอ้างบารมีคนอื่น วางอำนาจบาตรใหญ่!”

“พูดมา มึงพูดเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับกูต่อหน้าหม่ายง?”

ซูเหวินเฉิงตวาดเสียงดัง: “หุบปาก!”

“พี่เขยฉันคือราชาเทพ อย่าเย้ยหยันดูถูกราชาเทพ!”

“ราชาเทพ?”ลู่ซินเจี้ยนหัวเราะฮ่าฮ่าเสียงดังแล้วพูด: “ไอ้แซ่ฉิน มึงนี่มันกล้าแอบอ้างเป็นทุกคนเลยนะ!”

“มึงพูดเองเลยว่ามึงเป็นราชาเทพหรือเปล่า?”

ฉินเทียนแสยะยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูด: “กูไม่เคยบอกมาก่อนเลยนะว่ากูเป็นราชาเทพ”

“แต่ว่าการจัดการมึงน่ะ กูไม่ได้จัดการผ่านหม่ายง แต่เป็นหวางโป๋เหนียน”

“เมื่อก่อนกูบังเอิญมีโอกาสช่วยหวางโป๋เหนียนไว้ครั้งหนึ่ง เขาเลยตอบตกลงว่าจะช่วยเหลือกูคืนหนึ่งเรื่อง”

“ซึ่งเรื่องนี้ก็คือการเขี่ยมึงออกจากเกม และให้แม่ยายกูเข้าไปในคณะกรรมการ”

“ตาต่อตาฟันต่อฟัน ตอนนี้กูไม่มีความสัมผัสอะไรกับหวางโป๋เหนียนแล้ว”

ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง!

ถ้าเป็นแบบนี้งั้นก็สามารถอธิบายเรื่องทุกอย่างได้แล้วล่ะ!

ทุกคนในตระกูลซูต่างรู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่า 

พวกเขาคิดหาทุกวิถีทางเพื่อสำนึกผิด แสดงความฟูมฟายเสียใจอย่างมาก แท้จริงแล้วพวกเขากลับกำลังเผชิญหน้ากับราชาเทพตัวปลอมอยู่!

และคนที่ยอมรับไม่ได้มากที่สุดคืออู๋เฟย

เพราะเหตุนี้เขาได้หักขาตัวเองข้างหนึ่งไปแบบเป็น ๆ เลยนะเนี่ย!

เขาง้างมือขึ้นมาตบลงโต๊ะจนเสียงดังปัง

โต๊ะตัวนั้นแตกกระจายออกเป็นชิ้น ๆ ในทันที ทำให้ข่มทุกคนลงไปได้

“ฉันขอเตือนพวกแกทุกคนไว้ก่อนว่า อย่ารุกรานนักต่อสู้”

“แม่ครับ เราไปกันเถอะครับ”

ลุกขึ้นมาเข็นซูซูแล้วเดินออกไปช้า ๆ 

“แม่ ผมไม่ใช่ราชาเทพ ทำให้แม่ผิดหวังเลยใช่ไหมครับ?”

“ไม่เลย”

“การที่นายไม่ใช่ราชาเทพ มันกลับทำให้จิตใจแม่สงบมากกว่าเดิมซะอีก”

“ฉินเทียน ขอบคุณนายมากนะที่ทำให้แม่ได้ทำงานในคณะกรรมการ ต่อไปแม่จะออกไปทำงาน ลูกอยู่ดูแลซูซู เราต้องใช้ชีวิตให้มีความสุข”

“เสียดายที่เอาบริษัทกลับมาไม่ได้ ไม่งั้นท่านก็สามารถจัดจำหน่ายผ่านบริษัทของตัวเองได้แล้ว แม่ครับ เราก่อตั้งบริษัทใหม่ไหมครับ?”

“ผมจะบอกความจริงกับแม่ก็ได้ครับ ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ผมก็มีเงินเก็บของตัวเองอยู่บ้าง”

“ไม่ต้อง แม่เหนื่อยแล้ว แม่แค่อยากทำงานอย่างสงบ ไม่อยากทรมานอะไรอีกแล้ว”

ชีวิตต่อจากนี้ได้กลับสู่ความสงบ

พวกเขาย้ายไปในวิลล่าที่อยู่ริมทะเลสาบในก่อนหน้านี้ สภาพแวดล้อมที่งดงาม ทำให้อาการของซูซูดีขึ้น 

ฉินเทียนสามารถสัมผัสได้ว่าจิตวิญญาณที่ผันผวนไม่แน่นอนนั่นของเธอ ยิ่งอยู่ยิ่งสงบลงแล้ว

หากไม่มีอะไรผิดพลาดละก็ อีกไม่กี่วันก็สามารถทำการฝังเข็มได้แล้ว

นึกถึงภาพที่ซูซูฟื้นฟูหายดีเป็นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว และทั้งสองจะเผชิญหน้ากันอย่างไร ฉินเทียนแค่คิดก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยแล้ว

ในส่วนของจดหมายที่ซูเป่ยซานให้มานั้น ด้านในมีแค่เบอร์โทรศัพท์เบอร์เดียว และชื่อของคนคนหนึ่ง: พานหลง

เบอร์โทรศัพท์ถูกระงับไปตั้งนานแล้ว ในส่วนของคนที่ชื่อพานหลงนี้นั้น ฉินเทียนตัดสินใจแล้วว่ารอร่างกายของซูซูฟื้นฟูแข็งแรงเป็นปกติเมื่อไหร่ เขาคอยไปทักทายเขา

หลังจากทานอาหารเช้าในวันนี้เสร็จ หยางยู่หลันก็ได้ไปทำงาน ฉินเทียนเข็นซูซูออกจากบ้าน

หยางยู่หลันบอกว่าซูซูชอบดื่มซุปเห็ด ฉินเทียนตัดสินใจออกไปซื้อเห็ดสดในตลาดสดที่อยู่ห่างออกไปไกล

แสงอาทิตย์ในวันนี้ไม่เลวเลย จะได้รวดพาซูซูออกไปผ่อนคลายจิตใจด้วย 

พอซื้อเห็ดเสร็จ เขาเพิ่งเข็นซูซูเข้าไปในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงหวูดแตรดังมาจากที่ไกล ๆ ขบวนรถออฟโรดขบวนหนึ่งก็ได้วิ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงคำราม

มีสมาชิกกล้าหาญนับร้อยในชุดรบกระโดดลงมาจากรถ และรายล้อมสวนสาธารณะไว้

เมื่อเห็นเสื้อผ้าบริเวณหน้าอกของพวกเขาทุกคนมีคำว่าฉินที่ปักด้วยด้ายสีดำ

สีหน้าของจึงฉินเทียนหม่นหมองลงไปภายในพริบตา 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัญชามังกรเดือด