เมื่อออกจากคฤหาสน์ เหลิ่งน่ายจื่อก็เปลี่ยนเป็นนิ่งเงียบขึ้นมา
ก้มหน้า เดินอยู่ท่ามกลางบรรยากาศอันงดงามในต่างแดน ราวกับเดินอยู่ในภาพวาด
ฉินเทียนต้องยอมรับเลยว่า ตัวเธอ คือลายพู่กันเส้นวิจิตรตรึงตาในภาพวาดภาพนี้
ทว่า เขาไม่มีแก่ใจมาชื่นชมสิ่งเหล่านี้เลย
ยิ่งเหลิ่งน่ายจื่อไม่พูดจา จิตใจของเขายิ่งว้าวุ่น
ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะทำเรื่องเหนือความคาดหมายอะไรหรือเปล่า
ตอนนี้เขานึกเสียใจจริงๆ หากรู้ก่อนว่าจะเป็นภารกิจนี้ จะไม่ให้เธอมาทำเลย
ในบรรดาสิบสองราชา ยังมีคนว่างอีกมากมาย จะให้ใครทำก็ได้
ตอนนี้ ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว
จุดอ่อนเรื่องนั้นที่เหลิ่งน่ายจื่อกุมไว้ในมือ ฉินเทียนไม่เชื่อฟังไม่ได้
เขานึกภาพออกเลยว่า หากเหลิ่งน่ายจื่อไปฟ้องเรื่องของตนกับตาเฒ่าด้วยท่าทีน้อยเนื้อต่ำใจ แล้วจงใจราดน้ำมันกับไฟหึงลงไปอีก
เดาว่าตาเฒ่าต้องตบะแตก แหกคุกออกมาจับตนเป็นแน่
ตาเฒ่าครองความโสดมาชั่วชีวิต สำหรับลูกสาวบุญธรรมคนนี้ คงต้องทุกข์ใจเหลือแสนทีเดียว
ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ที่เอาแต่ปฏิเสธไม่ให้เธอเข้าสู่วิหารพญายม เพื่อปกป้องเธอก็รู้แล้ว
ต่อมา เหลิ่งหยุนต้องการเข้าร่วมวิหารเทพ หลังตาเฒ่าสืบดูแล้ว รู้ว่ากิจการส่วนมากที่ฉินเทียนทำล้วนเป็นสิ่งถูกทำนองคลองธรรม ถึงพยักหน้ายินยอม
จนถึงตอนนี้ ฉินเทียนยังไม่ได้บอกตาเฒ่าเลยว่า ลูกสาวบุญธรรมของเขาคนนี้ ทำงานเป็นมือสังหารในสายธุรกิจอันเก่าแก่ของเขา
"นี่ เธอตั้งใจจะไปที่ไหนล่ะ?"
"ถ้างั้น เราไปนั่งเล่นริมทะเลกันดีไหม?"
"ไปอาบแดดบนชายหาดก็ไม่เลวเหมือนกันนะ"
เห็นเหลิ่งหยุนก้มศีรษะเดินไปข้างหน้า ไม่พูดไม่จา เหมือนมีอะไรในใจ ฉินเทียนเลยทำลายบรรยากาศชวนอึดอัดด้วยอดทนไม่ไหว
เหลิ่งหยุนเอ่ยหน้านิ่ง: "เหมือนเจ้าศิษย์น้องซื่อบื้อกลุ่มนั้นของนายที่นึกอยากไปชายหาดไม่มีผิด"
"ริมทะเลของเกาะมลายูมีแต่โขดหิน มีชายหาดที่ไหนกัน"
"แบบนี้เองเหรอ" ฉินเทียนนึกภาพพวกถงชวนกับเถียปี้ แต่ละคนใส่กางเกงขาสั้นลายดอก ตั้งใจจะไปดูสาวสวยบนชายหาด
พอหลังจากไปถึง เห็นแต่โขดหินใหญ่ เขาจึงอดระเบิดหัวเราะออกมาไม่ได้
เดิมนึกว่า สถานที่ที่เหลิ่งน่ายจื่อจะไป ต้องน่าตื่นตาตื่นใจแน่ๆ
ไม่คิดเลยว่า เธอจะมาย่านศิลปะจิตรกรรมชื่อดังมากแห่งหนึ่งในเมือง
อุ่นหนาฝาคลั่งไปด้วยนักท่องเที่ยว แต่ทุกคนต่างเงียบสงบมาก
มองชมประตูหน้าต่างแต่ละบาน รอยขีดเขียนบนโขดหินแต่และก้อนอยู่ในใจ
ที่นี่ เป็นศูนย์รวมร้านกาแฟและร้านอาหารเล็กๆ ด้วย ดูไปได้สักพัก เหลิ่งน่ายจื่อก็นั่งลงตรงร้านกาแฟริมทางร้านหนึ่ง
เธอที่กำลังสูดลมทะเล จิบกาแฟ ชวนให้ฉินเทียนตกอยู่ในภวังค์
เหมือนนี่ไม่ใช่ราชินีงูมือสังหารที่ทำให้พวกเจ้าพ่อแต่ละคนขยาดกลัวผู้นั้น แต่เป็นสาวออฟฟิศงามล้ำประจำเมืองที่กำลังพักเที่ยงคนหนึ่ง
ผู้หญิงนี่ ช่างเป็นจอมมารยาโดยกำเนิดจริงๆ
เขาไม่กล้าพูดจาซี้ซั้ว ได้แต่สั่งกาแฟหนึ่งแก้ว แล้วนั่งลงข้างๆ เป็นเพื่อน
หลังดื่มกาแฟไปครึ่งแก้ว ในที่สุดเหลิ่งน่ายจื่อก็ทนไม่ไหว
เธอขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยอย่างจริงจังว่า: "ความจริงที่ฉันชวนนายออกมา เพราะมีเรื่องอยากจะถามนายเรื่องหนึ่ง"
"หือ?" เห็นท่าทางเคร่งเครียดของเธอ ฉินเทียนก็ใจเต้นตุ้บๆ อย่างบอกไม่ถูก
"เอ่อ เรื่องอะไรเหรอ?"
"ศิษย์น้องไม่ต้องเกรงใจหรอก" เขาแกล้งพูดสบายๆ
เหลิ่งน่ายจื่อลังเล เหมือนไม่รู้ว่าควรจะเริ่มพูดอย่างไร
ขณะนั้น มีชายชาวยุโรปตัวสูงคนหนึ่งเดินเข้ามาแต่ไกล
ใส่สูทผูกไท สาบเสื้อเชิ้ตแหวกเปิด เผยให้เห็นขนหน้าอกที่ตนคิดว่าเซ็กซี่ขยี้ใจ
บนข้อมือสวมนาฬิกาปาเต๊ะ ฟิลลิป
"คุณผู้หญิงครับ ตรงนั้นมีคนนั่งแล้ว ผมขอนั่งตรงนี้ได้ไหมครับ?" เขาถามเหลิ่งน่ายจื่อด้วยท่าทางสุภาพ
ฉินเทียนอดนิ่วหน้าไม่ได้
แม้บนตัวจะมีกลิ่นน้ำหอมฟุ้ง แต่ก็ยังกลบกลิ่นเต่าแรงๆ ของไอ้หมอนี่ไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัญชามังกรเดือด
บท 656 มีไหน...
จะหาอ่านต่อได้ยังไงครับ...
ตอน 656 ไปไหน...
เรื่องนี้ไม่อัพเดทต่อแล้วหรอค่ะ...
เลิกเขียนแล้วใช่ไหมครับ...
นิยายเขียนต่อมั้ยครับ...