จ้าวเทียนเล่อยิ้มเย็นชาแล้วพูดว่า : “งานเลี้ยงไง มักจะมีความบันเทิงบางอย่าง”
“ได้ยินมาว่ารอบตัวอานกั๋วมีผู้มีฝีมือระดับสูง พอดีเลย จะได้ให้องครักษ์ทั้ง 10 ของเรา ได้แสดงออก”
“ในการแข่งขันที่ถูกต้อง การบาดเจ็บล้มตายเป็นเรื่องปกติ คนนอกไม่สามารถพูดอะไรได้”
แม้ว่าภายในใจจ้าวเทียนจีจะไม่ค่อยยินยอม แต่เขาเองก็รู้สึกว่า ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน ใช้เรื่อง”การลอบสังหาร” ในนามของงานเลี้ยง มาสู้กันตัวต่อตัว เป็นวิธีที่ดีที่สุด”
อาศัยความสามารถขององครักษ์ทั้ง 10 ฆ่าผู้มีฝีมือระดับสูงรอบ ๆ ตัวของอานกั๋วต่อหน้า ก็เท่ากับการถอนฟันของอานกั๋ว
การประลองฝีมือที่ถูกต้อง คนทั้งโลกกฌไม่สามารถพูดอะไรได้
เมื่ออานกั๋วไม่มีฟัน ถึงตอนนั้น หนานเจียงทั้งหมด ก็จะเข้ามารวมอยู่ในอาณาเขตของตระกูลจ้าวอย่างง่ายดาย
“ครับ พรุ่งนี้ผมจะไปหนานเจียง” เขาพยักหน้าตอบรับ
“เออใช่”จ้าวเทียนเล่อนึกอะไรออก เขาพูดเตือนขึ้นมาอีกครั้งว่า: “น้องสาม ตอนที่นายเจออานกั๋ว ต้องให้เขาพาฉินเทียนอะไรนั่นมาด้วยนะ”
“ถ้าไม่เกินความคาดหมาย ฉินเทียนผู้นี้ น่าจะเป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพในมือของอานกั๋ว”
“พี่น้องตระกูลหยวนทำคุณงามความดีต่อตระกูลจ้าวของเรา ตระกูลจ้าวของเราจะปล่อยให้คนที่มีคุณงามความดีตายไปอย่างเปล่าประโยชน์ไม่ได้!”
“ไปหนานเจียงในครั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกัน ฉันจะให้องครักษ์ที่ 5 และ 6 ทั้งสองคนไปกับนายด้วย”
เมื่อได้ยินชื่อของ”ฉินเทียน” จ้าวซวู่ตาแดงก่ำขึ้นทันที
“อานกั๋วสำคัญรองลงมา อาสามครับ อาไปในครั้งนี้ ต้องทำให้ฉินเทียนมาปรากฏตัวในงานเลี้ยงอีกสามวันหลังจากนี้ให้ได้นะครับ!”
“ผมต้องการเห็นร่างกายของเขาแยกออกเป็นชิ้น ๆ ด้วยตาของตัวเอง!”
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอนาคตของตระกูลจ้าว
ในตอนนี้ ตระกูลจ้าวละทิ้งความเกลียดชังแต่ก่อนและสามัคคีกัน ซึ่งเป็นภาพที่พบเห็นได้ยาก
“วางใจได้”
“ถึงตอนนั้น ฉินเทียนและอานกั๋ว ไม่มีใครหนีรอดไปได้สักคน!” ดวงตาของจ้าวเทียนจีเผยความดุร้าย
วันต่อมา เขาพร้อมแล้ว
แม้ว่าหยุนชวนจะอยู่ไม่ไกลจากหนานเจียงมาก แต่เพื่อแสดงตัวตนของเขาให้ชัดเจน เขาเลือกเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์
อีกทั้ง ไม่ได้บินตรงไปยังเมืองเอกของมณฑลเจียงหนาน แต่แวะพักชั่วคราวในนครระดับจังหวัดหลายแห่ง
ได้เข้าพบกับตระกูลที่ร่ำรวยของนครระดับจังหวัดเหล่านี้
เมื่อถึงเมืองเอกของมณฑลแล้ว เขาก็ไม่ได้ตรงไปหาอานกั๋วในทันที
แต่กลับรวบรวมเสือสามตัวของเมืองเอกดั้งเดิม ไดแก่ ตระกูลพาน ตระกูลหลี่ และตระกูลเจี่ย เพื่อพบหน้ากัน
สำหรับเรื่องที่พูดคุยกัน บุคคลภายนอกไม่มีใครรู้
ที่เขาทำเช่นนี้ เจตนาชัดเจนมาก นั่นก็คือ การยั่วยุลูกน้องของอานกั๋ว
และเป็นการแสดงอำนาจต่ออานกั๋ว
ครั้งนี้ อานกั๋วใช้คำว่า“ลอบสังหารไร้ยางอาย” 6 คำนี้มาตบหน้าตระกูลจ้าว ในมุมมองของจ้าวเทียนจี ก็คือการตบหน้าตนและจ้าวข่ายลูกชายของตน”
ดังนั้น เขาต้องการให้อานกั๋วได้รู้ว่า เขามาด้วยเจตนาไม่ดี
จนกระทั่งถึงช่วงเวลาเที่ยง เฮลิคอปเตอร์ของจ้าวเทียนจี ก็ลงจอดบริเวณลานบ้านตระกูลอัน
อานกั๋วได้รับข่าวมานานแล้ว
มีตรรกะที่ว่า ถ้าสองประเทศเกิดสงคราม ต้องไม่ฆ่าผู้ส่งสารของอีกฝ่าย ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าอย่างไร จ้าวเทียนจีก็เป็นบุคคลอันดับ 2 ของตระกูลจ้าว
ดังนั้น อานกั๋วจึงนำหูปินราชาบู๊ หนิงทงราชาการเงิน และจุยเฟิง ไปต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่
จ้าวเทียนจีตรงไปที่ประเด็นหลัก
“ตระกูลจ้าวได้รับจดหมายของนายท่านอานเรียบร้อยแล้ว แต่ผมคิดว่า ต้องเกิดความเข้าใจผิดกันแน่ ๆ “
“ตระกูลจ้าวและนายท่านอานต่างคนต่างอยู่ไม่ยุ่งเกี่ยวกันมาก่อน เราจะส่งคนไปลอบสังหารได้อย่างไรกัน”
“เพื่อคลี่คลายความเข้าใจผิดนี้ พี่รองของผมตั้งใจส่งผมมา เพื่ออธิบายต่อหน้านายท่านอาน”
“นานท่านอันครับ พวกเราต้องอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขจะได้นำพาความร่ำรวยมาให้”
อานกั๋วพูดยิ้ม ๆ ว่า : “ประธานจ้าวพูดดีมาก ผมเองก็คิดเช่นนี้”
“ประธานจ้าว คุณมาจากหยุนชวน อ้อมนครระดับจังหวัดหลายที่รอบเจียงหนาน”
“มาถึงเมืองเอกของมณฑล ไม่มาพบผม ไปพบคนอื่นก่อน”
“ประธานจ้าว ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลยนะ”
จ้าวเทียนจียิ้มเย็นชา เขาตั้งใจให้อานกั๋วได้ทราบข่าว เรื่องที่เขาไปพบผู้รับผิดชอบตระกูลอื่น ๆ
ประเด็นแรก เขาต้องการปลุกระดมคนบางส่วน
ประเด็นที่สอง ก็เพื่อยั่วยุอานกั๋ว
“นายท่านอานอย่าคิดมาก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัญชามังกรเดือด
บท 656 มีไหน...
จะหาอ่านต่อได้ยังไงครับ...
ตอน 656 ไปไหน...
เรื่องนี้ไม่อัพเดทต่อแล้วหรอค่ะ...
เลิกเขียนแล้วใช่ไหมครับ...
นิยายเขียนต่อมั้ยครับ...