ไม่นาน รถทั้ง 2 ขบวนก็ค่อย ๆ เข้าใกล้แล้วหยุดลง เถ้าแก่ประจำถิ่นที่น่าสงสารเหล่านี้ ไม่รู้ว่าจะไปต้อนรับคนไหนดี
เพราะไปรับฝ่ายหนึ่ง ก็ย่อมทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองแน่
ดังนั้น พวกเขาได้แต่ยืนอยู่ที่เดิมอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
พอประตูรถเปิด ในขบวนรถทั้งสอง มีคนเสื้อดำร่างกายกำยำกระโจนลงจากรถมาก่อน
คนคุ้มกันของตระกูลจ้าว สวมชุดสูทแบรนด์เนมทั้งตัวสีเดียวกันทั้งตัว ผมเรียบ
ส่วนคนคุ้มกันของตระกูลอาน กลับสวมชุดคอจีน คาดเชือกสีแดงที่เอว
ทั้งสองฝ่ายต่างได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ในขณะที่ปกป้องเจ้านายอย่างรัดกุม ก็ยังเป็นพยัคฆ์ที่จ้องขย้ำอีกฝ่ายอย่างระแวดระวัง
พลานุภาพแบบนี้ ทำเอาเถ้าแก่ประจำถิ่นเกือบจะเยี่ยวไหล
จนหนึ่งในคนที่มีอายุต้องเข่าอ่อนคุกเข่าลงกับพื้น
เขาได้แต่หมอบลงกับพื้นส่งเสียงสูงขึ้นมาว่า: “ขอต้อนรับเจ้าบ้านทั้งสอง!”
เถ้าแก่ที่เหลือก็กุลีกุจอเลียนแบบตาม คุกเข่ากับพื้นแล้วส่งเสียงสูง
อานกั๋วลงจากรถรีบเดินเข้าไปประคองคนที่มีอายุลุกขึ้น ยิ้มพลางเอ่ยว่า: “ลุกขึ้นเร็ว ลุกขึ้นเร็ว!”
“พวกเรามาพบปะกันที่นี่ก็เพิ่มความยุ่งยากให้พวกคุณมากพอแล้ว”
“อย่าได้มากพิธีอีกเลย”
“และไม่ต้องกลัว พวกคุณวางใจได้ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดรวมทั้งข้าวของที่เสียหาย ผมจะชดใช้ให้ทั้งหมด”
ส่วนอีกฝั่ง จ้าวเทียนเล่อก็ไม่ยอมน้อยหน้า
เขานำสมาชิกหลักของตระกูลจ้าวภายใต้การคุ้มครองของผู้คุ้มกันทั้ง 7 เดินมากับเสียงหัวเราะ
“ท่านอานตลกแล้ว ผมเป็นคนจองโต๊ะ จะให้ท่านอานกระเป๋าฉีกได้ยังไงกัน?”
เขายกมือขึ้นปัดมือกับลูกน้องข้างกายคนหนึ่ง: “เอาสิบล้านให้เถ้าแก่พวกนี้”
“ถือเป็นค่าอาหารของวันนี้ก็แล้วกัน”
“อีกอย่าง ดูว่าพวกเขามีธุรกิจอะไรบ้าง ในขอบเขตศักยภาพของเรา ที่สามารถดูแลได้ก็ต้องดูแลให้ดียิ่งขึ้น”
อานกั๋วหัวเราะ: “ตระกูลจ้าวแห่งหยุนชวนใจป้ำจริง ๆ”
จ้าวเทียนเล่อหัวเราะเอ่ยว่า: “ท่านอานชมเกินไปแล้ว เราตระกูลจ้าวคบกันด้วยคุณธรรมมาตลอด คำสั่งสอนของบรรพชนนี้ ไม่ควรพังลงในมือผม”
“ท่านอาน เชิญ”
“เจ้าบ้านจ้าวเชิญ”
ผู้นำ 2 คนยิ้มให้กันแล้วก็เดินเข้าไปข้างในพร้อมกัน
ข้างหลังของอานกั๋วตามมาด้วยจุยเฟิงกับฉินเทียน ตามหลังถัดมาคือ เถียหนิงซวง หม่าหงเทา ถงชวน เถี่ยปี้ และอู๋ฉาง
ส่วนทีมคุ้มกันที่เหลือเฝ้าอยู่ด้านนอกทั้งหมด
ทางด้านตระกูลจ้าว ทีมคุ้มกันก็อยู่ด้านนอกเช่นเดียวกัน จ้าวเทียนเล่อ จ้าวเทียนจี จ้าวซวี่ จ้าวข่าย สมาชิกในตระกูลคนอื่น และองครักษ์ทั้ง 7
พอจ้าวซวี่เห็นฉินเทียนก็ตาแดงก่ำขึ้นมาทันที
“คนแซ่ฉิน วันนี้ข้าจะเล่นงานเอ็งให้ตาย!”
ฉินเทียนยักคิ้วขึ้น: “เล่นงานฉัน หวังว่านายจะเล่นไหว”
ชั้นสาม ข้าวของจิปาถะในห้องถูกเคลื่อนย้ายจนโล่ง
ห้องโถงสองสามห้องเชื่อมถึงกัน จัดโต๊ะตัวหนึ่งไว้ที่กลางห้อง
บนโต๊ะ เรียงรายเต็มไปด้วยอาหารอันโอชะประณีต
หน้าต่างทั้งสี่ด้านถูกเปิดออก ลมหนาวหนานเจียงเย็นยะเยือก แหงนหน้ามองขึ้นไป เป็นแม่น้ำไหลเชี่ยวอยู่ในสายตา
การนั่งรับประทานอาหารที่นี่เรียกได้ว่า ทำให้คนผู้นั้นผ่าเผยขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ
ทั้งหมดมีเจ้าบ้านสองที่ จ้างเทียนเล่อกับอานกั๋วต่างเกรงใจกันสักพักแล้วก็ดึงเก้าอี้ในมือออกนั่งลง
อีกคนที่นั่งข้าง ๆ จ้าวเทียนเล่อคือจ้าวเทียนจี
ส่วนคนที่เหลือ ทั้งหมดยืนอยู่ข้างหลังอย่างน่าเกรงขาม
ส่วนทางฝั่งอานกั๋ว เขาดึงเก้าอี้ตัวหนึ่งให้ฉินเทียนด้วยตัวเอง และเชิญฉินเทียนนั่งลง
การกระทำเช่นนี้ทำให้คนของตระกูลจ้าวเคร่งขรึมขึ้น
เดิมทีพวกเขาเข้าใจว่าฉินเทียนเป็นแค่ปืนกระบอกหนึ่งในมืออานกั๋วเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าอานกั๋วจะเกรงใจฉินเทียนขนาดนี้
ดูแล้วฉินเทียนเหมือนผู้นำต่างหาก
ฉินเทียนยิ้มให้แล้วจึงนั่งลง
ส่วนที่เหลือ จุยเฟิงเถียหนิงกับพวก ยืนอยู่ข้างหลังพวกเขาอย่างน่าเกรงขาม
จ้าวเทียนเล่อหัวเราะแล้วเอ่ยว่า: “ท่านอาน เมื่อก่อนไม่เคยเห็นน้องชายท่านนี้เลย แนะนำให้รู้จักหน่อยได้มั๊ย?”
อานกั๋วหัวเราะเอ่ยว่า: “ท่านนี้คือคุณฉินเทียน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัญชามังกรเดือด
บท 656 มีไหน...
จะหาอ่านต่อได้ยังไงครับ...
ตอน 656 ไปไหน...
เรื่องนี้ไม่อัพเดทต่อแล้วหรอค่ะ...
เลิกเขียนแล้วใช่ไหมครับ...
นิยายเขียนต่อมั้ยครับ...