เมื่อเห็นว่าถงเหรินเป็นเสมือนเสือใกล้ตายอย่างไรอย่างนั้น พลังชีวิตพลันหายไปอย่างรวดเร็ว
จ้าวจิ่วรี่และหวังเยว่ไม่ได้จู่โจมต่อ
พวกเขาเองก็ลำบากใจเล็กน้อย
ไม่ต้องเอ่ยว่าสองรุมหนึ่ง คนหนึ่งนั้นโจมตีมือเปล่า ส่วนพวกเขานั้นใช้อาวุธ
เป็นการเอาชนะคู่ต่อสู้ไม่ได้อาศัยความกล้าหาญหรือสติปัญญาจริงๆ!
หากไม่ใช่เพราะการต่อสู้ครั้งนี้สำคัญเป็นอย่างมาก พวกเขาก็ไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้
“ฆ่าพวกแก!”
“ฉันจะฆ่าพวกแก...” ถงเหรินเดินโซซัดโซเซ แต่ทว่ายังคงเปี่ยมล้มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้
ปากของเขาคำรามด้วยความโกรธ ยังคงเดินเข้ามาหาจ้าวจิ่วรี่และหวังเยว่โดยไม่หยุดนิ่ง
ภาพฉากนี้ทำให้ผู้ชมหลายร้อยคนต่างตะลึงงัน พวกเขาเฝ้ามองด้วยความเงียบ โดยเฉพาะคนในยุทธภพเหล่านั้น โดยที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ รู้สึกได้ถึงความเคารพต่อถงเหริน
สำหรับถงเหรินแล้ว ราวกับว่าตราบใดที่การต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้น ความตายเท่านั้นถึงจะจบการต่อสู้ได้
ฉินเทียนขมวดคิ้วและมองไปทางลิเหลียง เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ถ้าคุณไม่บอกให้เขาหยุด เขาก็จะไม่กล้าหยุดใช่หรือไม่?”
ลิเหลียงยิ้มและกล่าว “ใช่”
“เป็นไงบ้าง ลูกน้องของฉัน ไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะ?”
ฉินเทียนเอ่ยอย่างเยือกเย็น “เขาแพ้แล้ว”
“ต่อไปก็ถึงตาของคุณแล้วใช่ไหม?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของลิเหลียงค่อยๆจางหายไป จากนั้นเอ่ยด้วยเสียงเย็นเยียบ “ถอยออกไปซะ”
“ครับ คุณชาย!”
สิ่งที่ฉินเทียนพูดนั้นถูกต้อง ตราบใดที่ลิเหลียงไม่สั่งให้เขาหยุด ถงเหรินก็ไม่กล้าที่จะหยุดลงมือ แม้ว่าเลือดจะไหลจนหยดสุดท้ายก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุด
แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขานั้นไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดของลิเหลียง เขาจ้องมองไปทางฉินเทียนราวกับซาบซึ้งอย่างไรอย่างนั้น จากนั้นกลับไปยังข้างกายลิเหลียง
เขาทรุดตัวลงกับพื้นและสลบไป
ลิเหลียงไม่แม้แต่จะชายตาเหลียวแลถงเหรินเลยสักนิด ราวกับว่าเป็นเพียงเครื่องมือที่ไม่มีประโยชน์อะไร
ในที่สุดเขาก็ยืนขึ้น เดินไปยังจุดศูนย์กลางของเวทีเซวียนหยวน ยืนเอามือไพล่หลังด้วยท่าทีสบายๆ
กวาดสายตามองดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และเอ่ยด้วยเสียงเยือกเย็น “พวกนายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน”
“ไม่อยากตายก็หักแขนทั้งสองข้างของตัวเองทิ้งเสีย”
“ถือเสียว่าเป็นราคาของการทำร้ายผู้นำทัพของฉัน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนไม่ว่าจะอยู่บนเวทีหรือล่างเวทีต่างก็ตกตะลึง แม้ว่าก่อนหน้านี้จุยเฟิงจะเคยกล่าวไว้ ลิเหลียงเป็นยอดฝีมือที่หลบซ่อนตัว
แต่ทว่าจนกระทั่งตอนนี้ จากร่างกายของเขา ไม่สามารถมองเห็นได้ถึงท่าทีของยอดฝีมือเลยแม้แต่น้อย
ไม่ต้องพูดถึงคำว่ายอดฝีมือเลย ร่างกายของเขาผอมซูบ เห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงคุณชายผู้อ่อนแอ
คนเช่นนี้กล่าวว่าดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขางั้นเหรอ?
พละกำลังของดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ เมื่อสักครู่ก็ได้ประจักษ์แก่สายตาของทุกคนแล้ว
จ้าวจิ่วรี่และหวังเยว่จ้องมองลิเหลียงพวกเขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
หวังเยว่เอ่ยเย้ยหยัน “ฉันอยากเห็นนักว่าคนอย่างนายจะซ่อนตัวได้ล้ำลึกมากเพียงใด!”
ขณะพูด เขาก็เก็บมีดพระจันทร์เสี้ยว ก้าวเท้ายาวตรงไปหาลิเหลียง คิดจะจับกุมลิเหลียงด้วยมือเปล่า
“อย่า!”
ครั้นเห็นเช่นนี้ ฉินเทียนรู้สึกว่าท่าไม่ดีแล้ว อดไม่ได้ที่จะเปล่งเสียงออกมา
อย่างไรก็ตาม หวังเยว่ประเมินศัตรูต่ำไป เขากระตือรือร้นและพุ่งเข้าหาลิเหลียงที่อยู่ด้านหน้า มือคู่หนึ่งที่เหมือนตะขอเหล็กคว้าไหล่ของลิเหลียงไว้
ลิเหลียงยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ปล่อยให้มือของหวังเยว่จับไหล่ทั้งสองข้างของเขาไว้อย่างนั้น ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มแปลกประหลาด
“คุกเข่าลงซะ!”
ภายในใจของหวังเยว่มีความสุขมาก เขาประสบความสำเร็จด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว เขาเอ่ยหนึ่งคราจากนั้นก็ออกแรงทันที
ท่ามกลางความประทับใจของเขา ครานี้ไม่ต้องเอ่ยว่าลิเหลียงนั้นเป็นเพียงคุณชายผู้อ่อนแอคนหนึ่ง ต่อให้เป็นวัวก็ยังต้องยอมจำนนคุกเข่า
ผู้ใดจะล่วงรู้ได้ ลิเหลียงนั้นกลับไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย
ขณะนี้หวังเยว่สัมผัสได้ว่าท่าจะไม่ดีแล้ว สิ่งที่เขาคว้าด้วยมือทั้งสองข้างดูเหมือนจะไม่ใช่ไหล่ของมนุษย์ แต่ทว่าเป็นเสมือนลูกบอลหนังที่อัดแน่นไปด้วยอากาศ
ครั้นนึกถึงเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นกับถงเหริน สีหน้าของหวังเยว่พลันเปลี่ยนไป
ลิเหลียงยังคงยิ้มและยังคงยืนนิ่งงัน แต่ทว่าหวังเยว่รู้สึกประหลาดใจที่พบว่าร่างกายของเขาใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
นี่คือเรื่องจริงเหรอ?
มันต้องเป็นภาพลวงตาแน่นอน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัญชามังกรเดือด
บท 656 มีไหน...
จะหาอ่านต่อได้ยังไงครับ...
ตอน 656 ไปไหน...
เรื่องนี้ไม่อัพเดทต่อแล้วหรอค่ะ...
เลิกเขียนแล้วใช่ไหมครับ...
นิยายเขียนต่อมั้ยครับ...