เมื่อเห็นท่าทางของเหลิ่งหยุน สีหน้าของเฉินเอ้อร์กั่วเปลี่ยนไปอย่างมาก ร่างกายของเขาทรุดลงทันใด แก้วน้ำที่อยู่ในมือก็หกกระจายไปทั่วทั้งพื้น
เฮยเจี่ยที่อยู่ด้านข้างถึงกับตกตะลึง คิดว่าเฉินเอ้อร์กั่วนั้นถูกลอบกัดเข้าเสียแล้ว จากนั้นพลันแสดงท่าทีราวกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ
“แอ่ก....” เฉินเอ้อร์กั่วลุกขึ้น เอ่ยด้วยใบหน้ามืดมน “ศิษย์น้อง อย่าได้ลากฉันเข้าไปเกี่ยวด้วยจะได้ไหม?”
“ถ้าหากคำพูดนี้ของแกแพร่กระจายออกไป ตาเฒ่าได้หักขาของฉันเป็นแน่!”
ราวกับว่าเหลิ่งหยุนนั้นยังไม่คิดจะปล่อยเฉินเอ้อร์กั่วไป แกโน้มตัวไปข้างหน้า ยิ้มอย่างอ่อนหวานและกล่าว “งั้นคุณว่าฉันสวยไหม?”
“คุณชอบฉันบ้างไหม?”
มาอีกแล้ว!
ใบหน้าของเฉินเอ้อร์กั่วมืดมน
ผู้หญิงคนนี้ชอบใช้ประโยชน์จากรูปลักษณ์ของแกมาหยอกเหย้าผู้ชายเมื่อเวลาแกไม่มีเรื่องใดให้ต้องทำ
ยังโชคดี โดยปกติแล้วเฉินเอ้อร์กั่วมักอยู่ท่ามกลางดงดอกไม้ การรับมือกับหญิงสาวเขาเองก็ยังพอมีทักษะอยู่บ้าง
เขากระแอมและพูดด้วยสีหน้าปกติ “จะกล่าวอย่างไรดี ในสายตาของฉัน ในโลกใบนี้ไม่มีหญิงสาวคนไหนงดงามไปกว่าศิษย์น้อง”
“ฉันจะไม่ชอบได้อย่างไรเล่า!”
“แต่ทว่า ฉันชมชอบในมุมมองสถานะศิษย์พี่และศิษย์น้อง อย่างไรเสียก็นับได้ว่าฉันนั้นเป็นศิษย์พี่ของแกอยู่ครึ่งหนึ่ง ฉันเองก็ถือว่าแกเป็นน้องสาวของฉันมาโดยตลอด!”
“ก็นั่นแหละ น้องหยุน นี่เวลาก็ล่วงเลยมามากแล้ว แกยังไม่ได้จัดเตรียมห้องพักให้ฉันและเฮยเจี่ยได้พักผ่อนเลยใช่ไหม?”
“หรือไม่ก็ ถ้าหากที่นี่ไม่ค่อยสะดวกนัก ฉันจะพาเฮยเจี่ยไปเช่าห้องที่อื่นก็ได้นะ”
เหลิ่งหยุนยิ้มและเอ่ย “อยากจะไปสถานเริงรมย์ใช่หรือไม่?”
“พอดีเลย ฉันรู้ว่าพี่ใหญ่ได้ซื้อสถานเริงรมย์ไว้แห่งหนึ่ง มีชื่อว่ามูแลงรูจ”
เฉินเอ้อร์กั่วได้ยินเช่นนี้ เขาดีใจเป็นอย่างมาก หน้าบานเป็นกระด้ง เขากลืนน้ำลายและเอ่ยด้วยท่าทีร้อนรนจนแทบทนไม่ได้ “นี่ก็ดึกมากแล้ว ไม่รบกวนน้องหยุนแล้ว”
“ฉันจะไป----”
ในขณะนี้ เสียงที่เบื่อหน่ายดังมาจากด้านนอก
“ต้วนเตาหลิว,คาวาบาตะ อิจิโร่”
“คาวาบาตะ จิโร่!”
“ข้าได้ยินชื่อเสียงของราชาหมาและราชาวัวแห่งวิหารเทพและเลื่อมใสพวกคุณมานานแล้ว”
“ตอนนี้ในนามของวิชาบู๊ ได้โปรดท่านราชาทั้งสองให้คำสั่งสอนด้วย!”
แม้ว่าเสียงจะดังจากระยะไกล ทว่าเมื่อดังเข้าสู่โสตประสาท ทำให้รู้สึกแสบแก้วหูอยู่เล็กน้อย
ทันใดนั้นสีหน้าของราชาหมาเปลี่ยนไปทันใด
เหลิ่งหยุนลุกขึ้นยืนในทันที เดินไปยังด้านข้างหน้าต่างและมองออกไป จากนั้นเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา “เป็นยอดฝีมือของต้วนเตาหลิว!”
“พวกเขาเชื้อเชิญไม่สำเร็จ คิดอยากจะใช้นามของการแลกเปลี่ยนวิชาบู๊ ทำให้พวกคุณเห็นถึงความสามารถและความแข็งแกร่ง”
“พี่กั่ว ทำอย่างไรดี?”
ร่องรอยของความเป็นปรปักษ์ฉายผ่านดวงตาของเฉินเอ้อร์กั่ว เอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ไอ้สวะนั่นกล้าอวดดีจองหองต่อหน้าฉัน”
“เฮยเจี่ย มอบให้นายไปจัดการ”
“อย่าให้อาจารย์ของนายและลุงกั่วต้องขายหน้า!”
“ครับ!” เฮยเจี่ยเป็นเหมือนเครื่องจักรที่สามารถสั่งการได้ทุกเมื่อ สีหน้าของเขาไร้ซึ่งอารมณ์ใด จากนั้นก็หันหลังกลับและจากไป
เฉินเอ้อร์กั่วลุกขึ้น เดินไปยังด้านข้างของหน้าต่าง ยืนเคียงข้างกับเหลิ่งหยุน เฝ้ามองดูสถานการณ์ด้านนอกด้วยความเงียบ
เฮยเจี่ยออกมาด้านนอก เห็นผู้คนหลายคนอยู่ตรงหน้าเขา เขาเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ “พวกคุณ เมื่อกี้นี้เป็นคำพูดของใคร?”
“คุณคือราชาวัวหรือ? ผมคือคาวาบาตะ อิจิโร่---”
คาวาบาตะ อิจิโร่ยังเอ่ยไม่ทันจบ เฮยเจี่ยก็เพ่งเล็งเป้าหมายและปล่อยหมัดไปยังใบหน้าของเขา
คาวาบาตะ อิจิโร่ตกใจเป็นอย่างมาก เขารีบหลบหลีกไปยังด้านข้าง
“โง่เง่า!”
“บอกชื่อมา!” เขาตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธ
เฮยเจี่ยนั้นไม่ได้ให้ความสนใจกับเขาเลย หมัดเหล็กถูกปล่อยออกไป ลมพัดกระโชก ไล่ต้อนคาวาบาตะ อิจิโร่ทำให้เขาไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะดึงดาบออกมา
หลายครั้งที่เกือบโดนเข้าอย่างจัง
ด้านข้าง คาวาบาตะ จิโร่นั้นทนไม่ไหว เขาดึงดาบซามูไรออกมา คำรามด้วยความโกรธเคือง จากนั้นฟาดฟันไปยังด้านหลังของเฮยเจี่ย
เฮยเจี่ยไม่แม้แต่จะมอง เพียงแค่เหวี่ยงแขนออกไปเพื่อสกัดกั้นดาบซามูไร
ท่อนแขนปะทะเข้ากับดาบซามูไร ทำให้เกิดเสียงของโลหะกระทบกัน
เหลิ่งหยุนผงะและกล่าว “เฮยเจี่ยผู้นี้ คงจะไม่เหมือนกับราชาวัว มีดแทงไม่เข้า ปืนยิงไม่เข้าใช่ไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัญชามังกรเดือด
บท 656 มีไหน...
จะหาอ่านต่อได้ยังไงครับ...
ตอน 656 ไปไหน...
เรื่องนี้ไม่อัพเดทต่อแล้วหรอค่ะ...
เลิกเขียนแล้วใช่ไหมครับ...
นิยายเขียนต่อมั้ยครับ...